ภาค 2 ใต้หล้ายังมีผู้ใดไม่รู้จักท่านอีกหรือ บทที่ 187 บีบบังคับคนให้เป็นมาร

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอรับเอาเส้นโลหิตจำนวนมากในหมอกสีดำกลับมา

ทำเช่นนี้ เส้นโลหิตจึงไม่กระจายตัวออก เยี่ยนจ้าวเกอสามารถตามรอยเส้นโลหิต ตรงเข้าไปยังใจกลางของค่ายกล ไม่ต้องผลาญพลังเพื่อตามหาอีกต่อไป

เยี่ยนจ้าวเกอถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ถึงตอนนี้เพิ่งได้เก็บนวมที่ถูกทิ้งเอาไว้บนพื้นหลังจากที่เซวี่ยอู๋หยาตายไปแล้วขึ้นมา

นวมที่แต่เดิมมีสีแดงโลหิต ในยามนี้สีโลหิตค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นสีดั้งเดิมที่เป็นสีดำสนิท

ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย “อาวุธวิเศษระดับสูง เมื่อครู่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เกิดเหตุจะมีพลังงานที่ใกล้เคียงกับอาวุธวิเศษระดับล่าง ถึงแม้ว่าจะเกิดเพียงชั่วครู่ แต่หลังจบเรื่องแล้วก็ยังใช้เวลานานกว่าจะกลับคืนสภาพเดิม เป็นวิชาที่น่าสนใจทีเดียว”

จอมยุทธ์ที่ไม่เข้าร่วมกับฝ่ายใดอย่างเซวี่ยอู๋หยา แม้ว่าจะปล่อยวางการเข้าร่วมกลุ่ม แต่ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ ก็ยังยากที่จะได้ครอบครองอาวุธวิเศษ

“ไม่อาจดูแคลนสติปัญญาของผู้อื่นสินะ หลังการล่มสลายครั้งใหญ่ก็ยังมีคนรุ่นต่อมา ขัดเกลาเคล็ดวิชาที่มีระดับออกมาไม่น้อย” เยี่ยนจ้าวเกอเก็บนวมขึ้น “ภายหลังมีเวลาต้องศึกษาสักหน่อย”

เขาเงยหน้าขึ้นมองทิศทางการขยายตัวของเส้นโลหิต หรี่ตาลงเล็กน้อย “แก้ไขเรื่องใหญ่ตรงหน้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

เยี่ยนจ้าวเกอตามเส้นโลหิตไปข้างหน้า ท่ามกลางหมอกดำตรงหน้า บางครั้งคล้ายกับว่ามีแสงสีแดงที่มีสายฟ้าแลบปรากฏอยู่ภายใน

พื้นที่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า เริ่มเปลี่ยนเป็นต่างระดับราวกับเดินอยู่บนคลื่นอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อมองลงไป เขามองเห็นยันต์อาคมจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน หมุนวนไปมาราวกับสายน้ำไหล

หลังเข้ามาใกล้เขตใจกลางของค่ายกล รูปแบบค่ายกลที่นี่ก็ยิ่งมีความซับซ้อน

ปราณชีพจรอันทรงพลังสั่นสะเทือนเลือนลั่นตลอดเวลา

พลังปราณน่าพรั่นพรึงที่ล่อลวงใจคน ทำให้เกิดความหวาดกลัวและสูญเสียสติสัมปชัญญะ ก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีรูปลักษณ์อยู่จริงก็ไม่ปาน ทะลวงเข้าภายในร่างกายคนผ่านทางรูขุมขน สร้างความรูสึกหายใจไม่ออกอย่างยิ่งยวด

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ส่งเสียง ก้าวเดินตามเส้นทางไปด้านหน้า ทันใดนั้นพลันรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเต้นระรัว

โลกแดนมารทั้งเมือง ราวกับสั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน ส่วนพลังปราณที่น่าสะพรึงทันใดนั้นก็เข้มข้นขึ้น!

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอมองไป “นี่คือเส้นแบ่งเขตของโลกแปดพิภพ ที่กำลังเปราะบางลงเรื่อยๆ มีช่องว่างปรากฎขึ้น และช่องว่างนี้ก็กำลังจะฉีกขาดออกจากกันในเร็วๆ นี้แล้วจริงๆ!”

ถึงแม้ว่าร่างกายจะอยู่ในแดนมาร แต่เยี่ยนจ้าวเกอสามารถสัมผัสได้ว่า ไม่ว่าด้านในหรือด้านนอกแดนมาร การประมือระหว่างจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ก็ยิ่งรุนแรงหนักหน่วงขึ้นทุกทีเช่นกัน!

ประตูแห่งนพยมโลกกำลังจะเปิดออกแล้วจริงๆ

นอกจากหอคลื่นโหมแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่นก็มียอดฝีมือมาช่วยเหลือ เหล่าจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตทะเลที่คิดจะต่อต้านย่อมไม่ง่าย

แต่ด้วยพลังปราณของนพยมโลกที่กำลังทวีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จอมยุทธ์ที่เข้าสู่สายมารทั้งปวง ก็ยังมีแนวโน้มที่จะทวีความแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยี่ยนจ้าวเกอสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ค่ายกลมารที่ก้นของทะเลสาบแห่งนี้ ภายหลังที่ได้เชื่อมต่อกับนพยมโลกแล้ว พลังอำนาจก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วเช่นกัน

ไม่เพียงแต่บิดเบือนเวลาและสถานที่ เปิดประตูสู่ยมโลกทั้งเก้า ภายในการหมุนวนของค่ายกลนี้ กระทั่งเริ่มโจมตีกลับเพื่อช่วยเหลือจอมยุทธ์ของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ยับยั้งยอดฝีมือจากแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้นมองดูหมอกดำที่มีอยู่เต็มฟ้า พูดพึมพำกับตนเองว่า “แผนสำรองก็ยังล้มเหลวตามคาด คงต้องทุ่มสุดกำลังแล้ว ปฏิกิริยาโต้ตอบของประมุขหอคลื่นโหมคงไม่ช้ากระมัง?”

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหกของโลก สำนักเขากว่างเฉิงและสำนักเขาไร้พรมแดนมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ทว่าไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีกสี่ดินแดนที่เหลือมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์นั่งประจำการอยู่หนึ่งคน

ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของหอคลื่นโหม ก็คือประมุขคนปัจจุบัน อันชิงหลิง ‘จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์พลิกเมฆา’ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หญิงเพียงหนึ่งเดียวในโลกแปดพิภพ และเป็นยอดฝีมือหญิงอันดับหนึ่งของโลกในขณะนี้

ถึงแม้ว่าจะรักษาจุดยืนเป็นกลาง ไม่ข้องเกี่ยวกับผู้ใด แต่ก็ยังเฝ้ารักษาพื้นที่หนึ่งในสามส่วนของบึงพิภพอย่างเข้มงวด สำนักอื่นไม่อาจเข้าไปโดยง่าย

ทว่าบนพื้นปฐพีบึงพิภพเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ อันชิงหลินไม่มีทางนั่งดูโดยไม่สนใจ

แม้ว่าระยะทางจะห่างถึงหมื่นลี้ แต่ด้วยความเร็วของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ออกจากประตูหอคลื่นโหมมาจนถึงที่แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานแต่อย่างใด

ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวที่เยี่ยนจ้าวเกอกังวลก็คือ นับตั้งแต่ศัตรูตระหนักรู้ถึงแผนการในฝั่งตนแล้ว รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง อีกฝ่ายก็น่าจะมีแผนการสำหรับโต้ตอบด้วยเช่นกัน

ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตมีหรือไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจจะได้รับไอมารในโลกนี้เพิ่มพลังเข้าไปแล้ว สามารถเทียบเคียงกับยอดฝีมือเช่นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่ เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้

แต่เขารู้ว่า ถ้าหากศัตรูวางแผนมาแล้วก่อนหน้า ตั้งใจสร้างความวุ่นวายกับเรื่องปีศาจอัคคีบนทะเลตะวันออก ทำให้เกิดการโจมตีจากสองทิศทางทั้งในและนอก เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงอันชิงหลินแล้ว ซ่งอู๋เลี่ยง เจ้าเมืองทะเลมรกต จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทะเลมรกต เกรงว่าล้วนต้องจับตามองในมหาสมุทร ไม่อาจแยกร่างมาที่นี่ได้

“ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การมีไส้ศึกเป็นเรื่องที่ทำให้คนปวดหัวได้จริงๆ”

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตนเอง ถอนหายใจ แล้วรุดหน้าต่อ

ชายหนุ่มตามเส้นโลหิตไป ตลอดทางที่เขาเดินมา เขาพบว่าหมอกดำที่อยู่ตรงหน้าเริ่มจางลงจนแสงสามารถทะลุผ่านไปได้

ยิ่งเดินตรงไปด้านหน้า แสงสว่างก็ยิ่งทิ่มแทงตา รวมถึงปรากฏสีแดงโลหิตผืนหนึ่ง ดูทั้งน่าหวาดกลัวและโศกเศร้า

เขาเดินผ่านหมอกดำออกมา ภาพตรงหน้าก็พลันเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา

ภายใต้การสาดแสงสีแดง ในพื้นที่ขนาดใหญ่คือความว่างเปล่า มีเพียงบริเวณใจกลางที่มีสิ่งปลูกสร้างคล้ายกับเจดีย์สูงหลังหนึ่งตั้งอยู่

เจดีย์สูงนั้นมีสีทองทั้งหมด แต่กลับเปล่งแสงสีแดงโลหิตออกมา อักขระของค่ายกลกะพริบแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งสี่ด้านแปดทิศล้วนเชื่อมต่อกัน รวมตัวกันอยู่บนยอดของเจดีย์

อักขระค่ายกลราวกับเป็นสายโซ่สีดำ แต่ละเส้นพัดรัดรอบเจดีย์สูงเอาไว้แน่นหนา

เยี่ยนจ้าวเกอกำหนดจิตมองไป ก่อนจะพบว่าเจดีย์สูงสีทองหลังนี้ ผุดขึ้นมาจากพื้น ทั้งยังดูเหมือนว่ากำลังเพิ่มความสูงขึ้นเรื่อยๆ

บนพื้นด้านล่างเจดีย์กำลังพลิกกลับไปมาไม่หยุด ราวกับว่ามีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น พื้นดินเข้าไปเสริมอัดให้กับเจดีย์อย่างต่อเนื่อง เพิ่มเป็นอิฐและกระเบื้อง ทำให้ตัวเจดีย์สูงขึ้นไม่หยุด

บริเวณจุดบนสุดของเจดีย์ทองคำ ลำแสงสีแดงสว่างวาบ บดบังห้องเอาไว้ ราวกับกำลังเปลี่ยนเป็นประตูมิติแห่งหนึ่ง!

ประตูแสงสีแดงนี้ ฉายอยู่บนพื้นดินตรงหน้าเจดีย์

สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจก็คือ ประตูแสงสีแดงที่อยู่กลางอากาศ ในยามนี้กำลังสั่นสะท้านไม่หยุด ราวกับว่าพร้อมจะเปิดออกได้ในทุกเวลา

บนพื้นดินตรงหน้าเจดีย์ เงาสะท้อนของประตูแสงสีแดงก็กำลังสั่นไหวไม่หยุดเช่นกัน

ช่องว่างระหว่างบานประตูทั้งสอง มีความบิดเบี้ยวตลอดเวลา ทำให้พื้นดินถูกบิดเบือนตามไปด้วย

ราวกับว่ามีอะไรบางอย่าง กำลังจะเจาะออกมาจากใต้พื้นดิน แหวกพื้นดินออกมาจนกลายเป็นรอยเหวลึกขนาดใหญ่

สีหน้าท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอเคร่งขรึมจริงจังอยู่หลายส่วน ประตูสีแดงบนเจดีย์สูง เป็นเพียงผลจากอาคมของค่ายกล เงาสะท้อนที่อยู่บนพื้นต่างหากที่เป็นประตูไปสู่นพยมโลกของจริง

หากว่าช่องว่างนั้นเปิดออกมาจริงๆ เหวลึกด้านล่างนำไปสู่จุดที่ต่ำที่สุดของโลกแปดพิภพ ไม่ใช่แผ่นหินที่ก้นทะเลสาบปิดนภา

แต่เป็นนพยมโลกในตำนาน!

ชายหนุ่มมองดูรูปร่างของประตูบานนั้นอีกครั้ง เขารู้ได้ว่ามันกำลังจะถูกเปิดออกเร็วๆ นี้แล้ว

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอเปล่งประกาย พลันเห็นว่าบนเงาสะท้อนที่บิดเบี้ยวของประตูสีแดงบนพื้นดิน ยังมีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ที่ตรงนั้น

หนึ่งในคนเหล่านั้น ก็คือคนที่ตอนแรกพ่ายแพ้ให้กับเขา หลิวเซิ่งเฟิง!

ดวงตาทั้งสองข้างของหลิวเซิ่งเฟิงในตอนนี้ถูกย้อมด้วยสีเหลือง นัยน์ตายิงแสงสีแดงออกมา เห็นได้ชัดว่าได้กลายเป็นมารไปแล้ว

ข้างกายของหลิวเซิ่งเฟิงยังมีจอมยุทธ์อีกสองคน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มน่ากลัววราวกับคนวิปลาสเช่นเดียวกับเขา เป็นผู้ที่กลายเป็นมารไปแล้วเช่นกัน

ด้านหน้าของพวกเขาทั้งสามคน มีคนห้าคนที่ล้มลงอยู่บนพื้น ไม่ขยับเขยื้อน

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกวาดผ่านไป ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่เขารู้จัก

เยี่ยฉงโจว หร่วนผิง หลี่จิ้งหว่าน เซียวอวี่ และจางเหยา

………….