รถแล่นสู่ใจกลางเมืองตลอดทางแต่ไม่ใช่เส้นทางเมื่อวาน จิ่งเหิงปัวยังคงคิดเองเออเองว่าคู่รักนัดพบกันน่ะ แน่นอนว่าพอพบกันครั้งหนึ่งแล้วต้องเปลี่ยนสถานที่เหมือนงานใต้ดิน

 

 

เพียงแต่ยิ่งแล่นผ่านเส้นทางยิ่งกว้างขวาง คล้ายเป็นเส้นทางออกนอกเมือง เด็กคนนี้จะออกนอกเมืองเหรอ?

 

 

ออกนอกวังไม่ค่อยเกิดปัญหา แต่ออกนอกเมืองต้องเกิดปัญหาแน่นอน

 

 

จากนั้นจิ่งเหิงปัวก็รู้สึกว่าเส้นทางออกนอกเมืองนี้ก็ดูผิดปกติเช่นกัน

 

 

คนเยอะเลย

 

 

เส้นทางสะอาดสะอ้านอย่างเห็นได้ชัด ใช้ดินเหลืองถมเส้นทางให้สูงขึ้น ผู้คนพากันชุมนุมอยู่สองฝั่งเส้นทาง ข้างทางทุกประมาณสิบจั้งจะมีโต๊ะเตี้ยที่วางดอกไม้และผลไม้ตั้งเรียงราย นี่คือพิธีที่เรียกว่าดินเหลืองถมถนนและสาดน้ำสะอาดตามเส้นทางเพื่อต้อนรับผู้มีฐานะสูงส่ง

 

 

จิ่งเหิงปัวสังเกตเห็นอีกว่าที่ริมถนนนั้นมีแม่นางมากมายอย่างยิ่ง แม้ว่าหลายคนจะสวมหมวกม่านเอาไว้ แต่ยังคงมองเห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจได้

 

 

คราวนี้ใครมาเหรอ?

 

 

ในใจนางกระตุกวูบ สังหรณ์ว่าแย่แล้ว

 

 

กำลังอยากถามเหอหว่าน แต่เหอหว่านก็ชี้ไปข้างหน้าแล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “มาแล้วๆ! โอ๊ย ในที่สุดข้าก็จะได้เห็นราชครูด้วยตาตนเองแล้ว!”

 

 

ในใจของจิ่งเหิงปัวมีเสียง ครืน! ดังขึ้น

 

 

พอเชิดสายตาขึ้นอีกครั้งก็พลันมองเห็นธงหลายผืนที่โบกสะบัดอยู่ข้างหน้า รถราแล่นขวักไขว่ ธงแม่น้ำสีดำภูเขาสีขาวพัดพลิ้วปลิวไสว ขบวนแถวยาวเหยียดปรากฏตรงจุดสิ้นสุดเส้นทาง

 

 

กองทัพที่อยู่ข้างหน้าสุดแทบจะครอบคลุมเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊แห่งราชสำนักแคว้นเซียงทุกคน คนเหล่านี้ออกนอกเมืองสามสิบจั้งเพื่อมาต้อนรับขบวนตั้งแต่เช้าตรู่ ยามนี้ถึงเวลาแล้ว

 

 

แทบจะในทันทีนั้น ผู้คนที่อยู่สองฝั่งเส้นทางก็หมอบกราบดั่งต้นหญ้า

 

 

“ราชครูจงเจริญ!”

 

 

เสียงน้อมคำนับดังกึกก้องเฉกเช่นฟ้าร้อง สั่นสะเทือนฉงอาน

 

 

รถของเหอหว่านหลบเข้าข้างทางแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยกำลังเกาะประตูรถชะโงกหน้ามองออกไปข้างนอก ภายในดวงตามีแสงดาราระยิบระยับ บนแก้มแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้นดีใจ ลักษณะท่าทางดูเหมือนเหล่าแฟนคลับที่ไล่ตามดารานักแสดงในยุคปัจจุบัน

 

 

จิ่งเหิงปัวกลับมึนชาไปทั่วทั้งร่าง คิดเพียงแค่อยากกระโดดลงจากรถแล้วหนีไป แม้ตอนนี้ผู้คนล้นหลามมืดฟ้ามัวดิน แต่บนเส้นทางกลับไร้ผู้คน ถ้าพุ่งไปบนเส้นทางหรือว่าย้อนศร นางจะถูกเหล่าองครักษ์ที่อยู่บนตลอดเส้นทางนั้นพบเข้าทันที

 

 

ต่อให้นางหายตัวก็ออกไปจากถนนยาวสิบลี้สายนี้ไม่ได้ ปรากฏตัวตรงไหนก็แปลกประหลาดทั้งนั้น

 

 

จิ่งเหิงปัวเกร็งแน่นอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ผ่อนคลายขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

 

ประหลาดนัก นางจะตื่นเต้นอะไรกัน?

 

 

แค่มองดูอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อนเหอหว่านเองไม่ใช่หรือ?

 

 

ขบวนของเขาข้างหน้าป่าวร้องข้างหลังรายล้อม เกียรติยศสูงส่ง อีกเดี๋ยวจะผ่านตรงหน้าตนเองแล้ว เกี่ยวอะไรกับตนเองด้วย?

 

 

ความคิดนี้ยังไม่ทันแล่นเสร็จ นางก็ได้ยินเหอหว่านพลันเอ่ยว่า “เจนนี่ ขอร้องล่ะ เจ้าช่วยข้าขวางราชรถของราชครูไว้หน่อย!”

 

 

ในสมองของจิ่งเหิงปัวมีเสียง ครืน ดังขึ้นอีกเสียงหนึ่ง

 

 

นางเข้าใจความรู้สึกที่ผู้คนมีต่อตนเองเมื่อก่อนทันที…ความรู้สึกเหมือนขว้างระเบิดบ่อยครั้งแบบนี้ทำคนตายได้จริงนะ!

 

 

“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ?” นางกล่าวอย่างตื่นตะลึง

 

 

“ข้าจะขวางเขาไว้แล้วขอเข้าพบเขา ขอให้เขาช่วยขัดขวางการสมรสครั้งนี้ ยามนี้มีเพียงวาจาของเขาถึงทำให้เสด็จพ่อสนใจได้!”

 

 

“เจ้ารอให้เขาเข้าวังแล้วค่อยขอร้องเขาก็ได้ไม่ใช่หรือ หากอยากตายก็อย่าได้ลากข้าตามไปด้วย!”

 

 

“ข้าไม่มีวิธีแล้ว!” เหอหว่านเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ราชครูมีภารกิจล้นมือ วันนี้เพิ่งมาเข้าร่วมพิธีได้ เขาจะถูกต้อนรับสู่พระราชวังโดยตรง พอเขาเข้าสู่พระราชวังแล้ว ข้าจะไม่มีโอกาสเข้าพบเขาเพียงลำพังอีก! ตามกฎเกณฑ์ เขาเข้าวังในไม่ได้ ส่วนว่าที่เจ้าสาวเช่นข้านี้ยิ่งพบบุรุษอื่นไม่ได้!”

 

 

“เหตุใดเมื่อวานเจ้าไม่คิดหาวิธีส่งคนออกนอกเมืองแจ้งให้เขาทราบ?”

 

 

“ข้าดูคล้ายอิสระ แต่แท้จริงแล้วนางกำนัลข้างกายต่างเป็นนางกำนัลที่ราชินีส่งมาเฝ้าคุมตัวข้า ไม่มีคนใกล้ชิด เมื่อวานข้าเสี่ยงอันตรายพบกับอีฝานด้วยเพราะอยากให้เขาไปขอร้องราชครู ผู้ใดจะรู้ว่าเขาไม่ยอมไป…” เหอหว่านใกล้จะร้องไห้ออกมา

 

 

จิ่งเหิงปัวแอบถอนใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรชื่นชมนางหรือสงสารนางดี ขณะที่ทุกผู้คนต่างกำลังขัดขวางหรือกำลังทอดทิ้ง มีเพียงสตรีร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเช่นนางนี้ที่ยังคงยืนหยัดพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อความรัก

 

 

แต่สงสารก็ส่วนสงสาร จะให้นางช่วยขวางราชรถของกงอิ้นอย่างนั้นหรือ? ให้ตายก็ไม่ทำ!

 

 

“เจ้าไปเองได้!”

 

 

“พอข้าออกหน้าจะถูกองครักษ์ที่ซุ่มอยู่บริเวณนี้ขวางไว้ แท้จริงแล้วเมื่อวานมีคนคอยเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของข้าเช่นกัน ทว่าขอเพียงข้าไม่ออกนอกกรอบ พวกเขาจะไม่ลงมือจัดการข้า”

 

 

“พุ่งชนขบวนของราชครูคือโทษประหาร เจ้าจะให้ข้าไปตายหรือ?”

 

 

“ไม่ใช่นะ! เจ้าแสร้งทำเป็นไม่ระวังตกจากรถล้มลงบนพื้น ราชครูมีความเมตตาปรานี เขาต้องสั่งให้คนมาประคองเจ้าเป็นแน่ จากนั้นเจ้าก็ช่วยข้าเอ่ยวาจาขอร้องแล้วขวางเขาไว้สักหน่อย” เหอหว่านคว้ามือของนางไว้ แล้วเอ่ยว่า “วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า แต่ก่อนราชครูเคยพบข้าครั้งหนึ่ง ซ้ำยังเคยได้รับความช่วยเหลือจากข้า ขอเพียงเจ้าเอ่ยกับเขาว่าข้าส่งเจ้ามา เขาจะไม่ทำให้เจ้าลำบากเป็นแน่” นางแบฝ่ามือออกแล้วยัดแมลงปอหยกสีแดงตัวหนึ่งให้จิ่งเหิงปัว เอ่ยสืบต่อว่า “รอให้รถม้าของเขาแล่นผ่านพวกเราที่อยู่ตรงนี้ เจ้าก็พุ่งออกไปเขวี้ยงแมลงปอไปทางรถม้าของเขา…”

 

 

“พวกสมองพิการคือพวกคนแบบเจ้าเนี่ย” จิ่งเหิงปัวพึมพำว่า “ให้ข้าล้มลงตรงหน้าเขาน่ะหรือ? เขาก็คงจะสั่งให้รถแล่นเหยียบผ่านบนร่างข้าอย่างดีอกดีใจเสียมากกว่า อืม ไม่แน่ว่าอาจจะยังถอยรถกลับมาเหยียบข้าซ้ำอีกสักรอบก็ได้ เพราะกลัวว่าตายไม่สนิทแล้วยังต้องจ่ายเงิน”

 

 

“เจ้าเอ่ยอะไรกัน?”

 

 

“ข้าเอ่ยว่าเจ้าเพ้อฝัน” จิ่งเหิงปัวลุกขึ้นเตรียมลงจากรถปะปนสู่ฝูงชน ยัยโรคจิตน้อยคนนี้จะได้ไม่รั้งไว้

 

 

ราชรถของกงอิ้นค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าจนใกล้ถึงบริเวณใกล้เคียงแล้ว ด้วยรูปแบบเช่นเดิมตั้งแต่ไหนแต่ไรมาของเขา อวี้จ้าวหลงฉีขาวราวหิมะทั้งกองทัพ ดุจหิมะขาวโพลนลุกลามไร้ขอบเขตบนเส้นทางสายยาว คุ้มกันรถม้าขาวทองสองสีที่อยู่ตรงกลาง รถม้าไม่ได้สลักอานประดับล้อดั่งตระกูลผู้ดีธรรมดา เพียงเป็นคันรถเนื้อไม้สีขาวยากพบเห็นทั้งคัน ประดับด้วยขอบทอง ทว่ากว้างใหญ่ยิ่งนักจนเกินกว่ากฎระเบียบของพวกบรรดาศักดิ์ชั้นสูง คนสายตาเฉียบแหลมต่างรู้ว่าคันรถสีขาวเช่นนี้ไม่ได้ทาสีขาวในภายหลัง ทว่าใช้ ‘ไม้หยกง ชนิดหนึ่งซึ่งมีขนาดมหึมาในบึงโคลน สีสันของไม้ดุจหยก เนื้อผิวของไม้ดุจหยกเช่นกัน แข็งแกร่งผิดปกติ อาวุธฟันแทงไม่เข้า ซ้ำยังไม่กลัวจมน้ำเพลิงไหม้ ไม่ถูกมดปลวกกัดกร่อน แต่ไหนแต่ไรมาล้ำค่ายิ่งนัก เอ่ยกันว่า “ไม้หยกหนึ่งชุ่นเทียบเท่าหยกหนึ่งก้อน”

 

 

รถม้าที่สร้างด้วยไม้หยกทั้งแผ่นเช่นนี้มีเพียงคันเดียวทั้งต้าฮวง กระทั่งราชินียังไม่มีไว้ในครอบครอง รถม้าคันนี้เป็นรถม้าที่หกแคว้นแปดชนเผ่าร่วมแรงสร้างให้กงอิ้นด้วยความสวามิภักดิ์หลังจากเขาดำรงตำแหน่งมหาราชครูและสยบเผ่าหวงจินได้ในยามนั้น แสดงให้เห็นถึงความเคารพและยอมรับในตำแหน่งของเขา ซ้ำยังเป็นสัญลักษณ์แห่งอานุภาพของกงอิ้นในต้าฮวง ปกติแล้วเขาไม่ใช้รถม้าคันนี้เช่นกัน มีเพียงยามเยือนแคว้นใต้อาณัฐในหกแคว้นแปดชนเผ่าถึงจะแสดงเกียรติยศเช่นนี้

 

 

เหล่าบุรุษและสตรีข้างทางต่างแอบเงยหน้าขึ้น หวังจะมองดูท่าทางสง่างามของผู้ปกครองต้าฮวงอันดับหนึ่งจากภายในหน้าต่างรถม้า จะได้เห็นว่าท่วงท่าเลิศล้ำเรือนร่างหิมะน้ำแข็งปานนั้นดั่งเล่าขานจริงหรือไม่ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมากงอิ้นสงบเสงี่ยมระมัดระวังตัว รถม้าของเขาไม่เพียงมีสิ่งของกึ่งปิดบังกึ่งอำพรางให้ผู้คนมองด้วยความเคารพจำพวกม่านไหมสร้อยไข่มุกเหล่านั้นเฉกเช่นตระกูลผู้ดีธรรมดา บนหน้าต่างรถปกคลุมด้วยผ้าไหมทองบางเบา แม้ทุกคนเบิกตากว้างยังมองเห็นได้เพียงเค้าโครงหล่อเหลาอันเลือนรางของคนผู้หนึ่ง

 

 

“เจนนี่! เจนนี่!” เหอหว่านตึงเครียดยิ่งนัก มือสั่นเทิ้มจูงสาบเสื้อของจิ่งเหิงปัวแล้ววิงวอนว่า “ขอร้องล่ะ ช่วยข้าสักครั้งเถิด หากเขาเข้าวังแล้ว ข้าต้องไม่มีโอกาสได้สนทนากับเขาเป็นแน่…”

 

 

จิ่งเหิงปัวทำใจแข็งแกะมือของนางออก แล้วกล่าวว่า “ข้ายอมช่วยเจ้าได้ไม่ว่าเรื่องใด ทว่ามีเพียงเรื่องนี้ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้”

 

 

นางเปิดประตูรถเตรียมลงจากรถไป นางหายตัวภายในรถไม่ได้

 

 

พอเปิดประตูรถออก นางก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่รถม้าของกงอิ้นแล่นมาถึงเบื้องหน้ารถม้าคันเล็กที่ไม่สะดุดตาของพวกนางคันนี้พอดี

 

 

เมื่อมองผ่านฝูงชนที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้า นางก็เห็นว่าเค้าโครงเลือนรางภายในหน้าต่างรถม้าขาวทองใหญ่โตนั้นคล้ายจะเอียงศีรษะมองมาทางนี้ปราดหนึ่ง

 

 

แม้คาดการณ์อย่างมั่นใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมองเห็นชัดเจน แต่ในใจนางก็ยังคงสั่นสะท้าน รู้สึกว่าออกไปตอนนี้ไม่เหมาะสม

 

 

แค่ลังเลอยู่เพียงแวบเดียว

 

 

ข้างหลังก็พลันมีสายลมพัดผ่าน! ในเวลาเดียวกันนั้น รถม้าก็พลิกคว่ำไปฝั่งหนึ่งฉับพลัน!

 

 

ข้างล่างรถม้ามีราษฎรคุกเข่าอยู่ เสียงกรีดร้องตื่นตระหนกดังขึ้นในทันที ทุกคนหลบหนีทั่วทิศ จิ่งเหิงปัวอยู่ตรงปากประตูรถม้าพอดี เท้าครึ่งข้างอยู่นอกรถม้า นางทรงตัวไม่อยู่ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินโดยพลัน

 

 

พอนางล้มลงก็รู้ว่าแย่แล้ว ขณะที่คิดจะลุกขึ้นยืนหายตัว ข้างหลังก็ถูกผลักอย่างรุนแรงกะทันหัน โซเซครั้งหนึ่งแล้วพุ่งออกจากถนน! พุ่งไปยังกลางกองทัพองครักษ์ข้างรถม้าของกงอิ้น!

 

 

พลันมีคนตวาดขึ้นว่า “ผู้ใดรบกวนเจ้านายข้า!” หอกยาวสองเล่มกระทบกันพุ่งลงบนศีรษะนางปานสายฟ้าแลบ!

 

 

จิ่งเหิงปัวจนปัญญา นางกำลังคิดที่จะหายตัวหลบหนี ได้ยินเสียงเพียะๆ สองเสียงดังกังวานขึ้นอย่างกะทันหัน หอกสองเล่มพลันแกว่งไกว ปลายหอกแกว่งเป็นส่วนโค้งตัดกันเฉียดผ่านปลายจมูกของนาง

 

 

เศษหินเสี้ยวเล็กเสี้ยวน้อยร่วงหล่นเกรียวกราวลงบนใบหน้านาง สิ่งที่ปัดหอกสองเล่มเมื่อครู่ออกไปคล้ายเป็นก้อนหินสองก้อน

 

 

กองทัพองครักษ์ทั้งตกใจทั้งโมโห โอบล้อมมาทางนางไปพลาง ตะโกนลั่นต่อฝูงชนข้างทางไปพลางว่า “จับมือสังหาร! ภายในฝูงชนยังมีมือสังหาร!”

 

 

ภายในสมองของจิ่งเหิงปัวสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผลักรถม้าชนนาง ซ้ำยังไม่แน่ใจว่าคนที่เหินก้อนหินช่วยนางนั้นใช่พวกเหยียลี่ว์ฉีหรือเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นนางกลัวว่าคนลงมือจะเป็นพวกเฮฮาแบบอีชีพวกนี้ ถ้าพวกเฮฮาคนไหนฮึกเหิมขึ้นมา ตะโกนว่าคุ้มกันเสด็จเหมือนครั้งก่อนอีกรอบ นางคงจบเห่แน่แล้ว

 

 

รถม้าของกงอิ้นหยุดลงอยู่ตรงหน้าแล้ว เหล่าองครักษ์กำลังกรูกันมาทางนี้ ทว่าด้วยเพราะอยู่ใกล้ริมถนนจึงเบียดเข้ามาไม่ได้ไปชั่วขณะ

 

 

ข้างหลังมีลมอีกหอบหนึ่งพัดมา!