บทที่ 157 ข้ากำลังจะเป็นพ่อคน

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

“เจ้าโง่ยิ่งกว่าเซียวเซียวเสียอีก ตั้งแต่เซียวเซียวเข้าไปในวัง ฝ่าบาททรงโปรดปรานนางอยู่เพียงแค่เดือนเดียว แต่นางกลับไม่เคยยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเลย

เซียวเซียวกลายเป็นบุคคลสำคัญ แต่เจ้าจะกลายเป็นแค่หินที่ถูกเหยียบจนจมดิน

ในวังมีคนคอยสอดส่องอยู่มากมาย เซียวเซียววางตัวดีมาโดยตลอด แต่เจ้า… รู้จักแต่ก่อปัญหา!”

จวินฉูฉู่ชะงักงัน ราชครูจวินเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “วันนี้กลับไปยังจวนอ๋องตวนของเจ้าก่อน กักบริเวณหนึ่งเดือน ถ้าเจ้าไปหาเรื่องใส่ตัวที่ไหนอีกก็อย่าได้คิดจะเป็นพระชายาตวนเลย”

“หลานขอบคุณท่านปู่ที่ไว้ชีวิต” จวินฉูฉู่หมอบลงกับพื้นและร้องไห้ออกมา

ราชครูจวินไม่ต้องการเห็นหน้าจวินฉูฉู่อีกต่อไป เขาโบกไม้โบกมือเรียกให้คนเข้ามาอุ้มนางออกไปและส่งนางกลับไปถึงประตูจวนอ๋องตวนภายในคืนเดียวกัน รถม้ารอพระชายาตวนที่หน้าประตู เมื่อผู้ส่งสารนำเรื่องมารายงาน ราชครูจวินจึงเดินจากไป

เวลานี้หนานกงเหยี่ยนกำลังมองดูอวิ๋นหลัวฉวนเขียนหนังสือ หนานกงเหยี่ยนไม่พอใจกับตัวอักษรที่นางเขียนเลย ช่วงไม่กี่วันมานี้เขาได้แต่ยุ่งอยู่กับเรื่องนี้

เมื่อคนใช้มารายงานว่าจวินฉูฉู่กลับมาที่จวน หนานกงเหยี่ยนจึงทิ้งอวิ๋นหลัวฉวนไว้และเดินจากไป

อวิ๋นหลัวฉวนผ่อนคลายลงและทิ้งพู่กันในมือ จากนั้นจึงตบหน้าอกของตนเบาๆ “ไปแล้วไปลับอย่ากลับมาอีกเลย ข้าจะได้ไม่ต้องถูกทรมานจนตาย”

สาวใช้หัวเราะพรืด “จวิ้นจู่ บ่าวคิดว่าท่านอ๋องชอบท่านมาก เหตุใดท่านจึงกลัวเขานักล่ะเจ้าคะ”

“เหลวไหล คนกลัวเมียที่ดูดีแค่ภายนอกแต่ข้างในกลวงอย่างเขาน่ะนะ แม้แต่ข้าเขายังทำอะไรไม่ได้ จะยังชอบอยู่อีกรึ? ใครชอบเขาบ้าง” อวิ๋นหลัวฉวนจะไม่มีวันชอบอ๋องตวนแน่นอน

สาวใช้ส่ายหน้า “จวิ้นจู่ ท่านจำไม่ได้แล้วหรือ เมื่อพระชายากลับมา วันดีๆ ของท่านคงจะสิ้นสุดลงทันที นางจะต้องสร้างปัญหาให้ท่านเป็นแน่”

“เรื่องของนางสิ ข้ากลัวนางหรือไง”

สาวใช้ไม่พูดอะไร กลัวไม่กลัวนางไม่รู้ แต่นางเป็นถึงพระชายา

นางจะข่มท่าน ส่วนท่านอ๋องกลัวเมียและจะฟังแต่นาง นั่นไม่ได้แปลว่าวันดีๆ จะสิ้นสุดลงหรอกหรือ

หนานกงเหยี่ยนอุ้มจวินฉูฉู่เข้ามาในห้อง หลังจากนางเอนหลังนอนโดยไม่พูดอะไร หนานกงเย่ก็เรียกหมอประจำจวนให้เข้ามา จวินฉูฉู่ร้องไห้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง ไม่ใช่ฉูฉู่จริงๆ นะเจ้าคะ ฉูฉู่เพียงแค่ไปหาเซียวเซียวเท่านั้น”

“ข้าเชื่อ” หนานกงเหยี่ยนเช็ดน้ำตาให้จวินฉูฉู่และรีบเข้าไปกอดนาง หลังจากนั้นหมอประจำจวนจึงเข้ามาและตรวจอาการให้จวินฉูฉู่ นั่นเองหนานกงเหยี่ยนจึงค่อยออกไป

จวินฉูฉู่ทั้งหิวทั้งเหนื่อย หลังจากกินข้าวกินยาเรียบร้อยจึงผล็อยหลับไปบนเตียง

หนานกงเหยี่ยนคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียง

แต่พอนั่งไปครู่หนึ่งก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ไปดูพระชายารอง ให้นางคัดลอกตำราให้เสร็จ เมื่อกลับไปแล้วข้าจะไปตรวจดู ถ้าเขียนได้ไม่ดีข้าจะตีมือนาง”

“เพคะ” แม่นมในจวนรีบออกไปบอกกล่าวอวิ๋นหลัวฉวน

เมื่อนึกถึงใบหน้ากลมๆ เล็กๆ ของอวิ๋นหลัวฉวน หนานกงเหยี่ยนก็ยิ่งหงุดหงิด ไม้แก่ถึงอย่างไรก็ดัดยาก

ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ที่วังมาสองสามวันและยังไม่พบหลักฐานในคดีของหนานกงเย่ เมื่อไปกราบทูลองค์จักรพรรดิ จักรพรรดิอวี้ตี้จึงไม่พอพระทัยมากและตัดเบี้ยหวัดของเขาครึ่งปี จากนั้นจึงรับสั่งให้ทั้งคู่ออกจากวัง

ฉีเฟยอวิ๋นหลับเป็นตายเมื่อออกมาจากวัง หลังจากหลับไปเต็มตื่นสามวันสามคืนนางจึงค่อยออกมาจากจวนท่านอ๋องเย่เพื่อไปเยี่ยมท่านแม่ทัพฉีอย่างสดชื่นแจ่มใส

แม่ทัพฉีได้รับข่าวล่วงหน้าและไปรออยู่ที่หน้าประตูตั้งแต่เช้า เขาดีใจมากเมื่อเห็นลูกสาวกลับมาหาและแทบจะรอพบฉีเฟยอวิ๋นไม่ไหว

“อวิ๋นอวิ๋น”

“ท่านพ่อ เข้าไปกันเถอะเจ้าค่ะ” ฉีเฟยอวิ๋นก้าวเข้าไปช่วยประคองท่านแม่ทัพฉี จากนั้นสองพ่อลูกจึงเดินเข้าไปพลางพูดคุยกัน

จิ้งจอกหางสั้นเกาะอยู่บนไหล่ของอาอวี่ หลังจากเข้าไปในจวนแม่ทัพ จิ้งจอกหางสั้นก็กระโดดลงไปแล้ววิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว

ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้วมองจิ้งจอกหางสั้นที่วิ่งออกไปไกลลิบด้วยความละเหี่ยใจ หากมาเยี่ยมอีกสักสองสามครั้ง ปลาที่อยู่ในบ่อน้ำของจวนแม่ทัพคงจะหมดเป็นแน่

“ท่านพ่อ สั่งให้คนเตรียมปลาในบ่อน้ำให้มากขึ้นเถิดเจ้าค่ะ ทางที่ดีควรผสมพันธุ์ให้เร็ว จิ้งจอกหางสั้นมาบ่อยๆ จนปลาที่นี่มีไม่พอจะให้นางกิน” ฉีเฟยอวิ๋นสารภาพ

แม่ทัพฉีกล่าวว่า “ข้าสั่งให้คนเตรียมไว้แล้ว วางใจเถิด มีพอให้นางกินแน่”

“อื้ม”

สองพ่อลูกเข้าไปและพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นและแม่ทัพฉีต้องการคนจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างอะไรนิดหน่อย

แม่ทัพฉีเป็นผู้นำทัพไปออกรบ คลังอาวุธและโรงหล่อก็มีอยู่ครบแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นต้องการเข็มฉีดยาที่ทำจากเหล็ก แต่นางอยากลองใช้ทองแดง เหล็ก อะลูมิเนียม แต่เหล็กนั้นนางยังไม่เคยเห็น เพราะดูเหมือนว่าที่เมืองต้าเหลียงจะยังไม่เคยมีสิ่งนี้

ไว้หาพบแล้วจะสร้างก็ยังไม่สาย

แม่ทัพฉีตั้งใจพาฉีเฟยอวิ๋นไปที่โรงหล่อ ฉีเฟยอวิ๋นเลือกคนมาและหยิบภาพแบบร่างออกมาให้ดู มีสองสามคนที่เห็นภาพแล้วเข้าใจ

หลังจากเลือกคนได้แล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงไปที่สวนหลังจวนแม่ทัพเพื่อมองหาที่เหมาะๆ เพราะวางแผนว่าจะหลอมเข็มฉีดยาที่จวนแม่ทัพแห่งนี้

ทว่าขณะที่กำลังวางแผนใช้สถานที่ หนานกงเย่ก็ตามมาถึง

ฉีเฟยอวิ๋นที่กำลังสั่งการถูกเขาขัดจังหวะ

“ออกเรือนแล้วแท้ๆ แต่เหตุใดจึงยังกลับมารบกวนพ่อตาที่นี่อีก ข้าสั่งให้คนขยายพื้นที่ที่ลานหลังจวนไว้แล้ว พระชายาใช้ที่นั่นสร้างสิ่งที่พระชายาต้องการได้ตามสบาย”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกห่อเหี่ยวเล็กน้อย เมื่อหันหน้ากลับไปก็พบว่าหนานกงเย่เดินมาอยู่ที่ด้านหลังแล้ว เขาใช้สองมือโอบเอวของนางไว้ ฉีเฟยอวิ๋นต้องปรับตัวตามสภาพแต่ก็ยังหน้าแดงเล็กน้อย

“ปล่อยหม่อมฉันเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นต้องการผละออกจากหนานกงเย่ แต่เขาไม่ยอม

“ข้ารีบมาจากตู้ฟางจุนเพื่อมาหาอวิ๋นอวิ๋น แค่กอดนิดหน่อยจะกลัวอะไร” หนานกงเย่ฉวยโอกาสจูบฉีเฟยอวิ๋นจนฉีเฟยอวิ๋นหน้าแดงไปถึงลำคอ

“หน้าไม่อาย!”

อาอวี่ถอยออกไปทันที ไม่มองพวกเขา

ช่างที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ตกใจมากเช่นกัน นี่นะหรือคือขุนนางผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

“อะแฮ่ม…” ท่านแม่ทัพฉีเดินผ่านประตูเข้ามาและกระแอมไอเมื่อทนมองไม่ได้ นั่นเองหนานกงเย่จึงยอมปล่อยมือ

“ท่านพ่อตา” หนานกงเย่ไพล่มือไว้ด้านหลังเหมือนคนซื่อๆ ที่ประพฤติตัวดี แต่เขาใช้มือข้างหนึ่งจับมือของฉีเฟยอวิ๋นไว้จนดูหวานเลี่ยน

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอย่างเคืองๆ คนผู้นี้ช่างหน้าไม่อายจริงๆ

ทว่าแม่ทัพฉีกลับไม่ถือสา เป็นสามีภรรยากันทั้งยังหนุ่มสาวขนาดนี้ จะต้องกลัวอะไร

ฉีเฟยอวิ๋นยังคงเป็นเด็กเสมอในสายตาของแม่ทัพฉี

“ท่านพ่อ”

“อืม” แม่ทัพฉีเหลือบมองคนที่อยู่ด้านหลังนิดหนึ่งและหันกลับมามองหนานกงเย่ “ได้เวลากินข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”

“ท่านพ่อตา ข้าอยากจะพานางกลับ การหล่อเข็มฉีดยาไม่ใช่เรื่องที่จะทำเสร็จได้ภายในชั่วข้ามคืน หากอวิ๋นอวิ๋นกลับมาที่จวนแม่ทัพบ่อยๆ ข้าคงไม่ไว้วางใจ จะมากับนางก็ไม่มีเวลา ถ้าไม่กลับก็กังวลว่านางจะโหมงานหนักเกินไป”

แม่ทัพฉีเลิกคิ้ว คนผู้นี่ช่างพูดเสียจริง

“พวกท่านสองสามีภรรยาลองปรึกษากันเถิด” แม่ทัพฉีคร้านที่จะสนใจพวกเขา

เมื่อออกไปยังห้องอาหาร ฉีเฟยอวิ๋นก็ถูกพาไปร่วมกินอาหารกับครอบครัว

หลังจากกลับไปในตอนค่ำ ฉีเฟยอวิ๋นก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง… ดูเหมือนว่าระดูจะมาผิดปกติ

แย่แล้ว คงไม่ได้ตั้งครรภ์หรอกนะ?

เมื่อเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นดูกลุ้มๆ หนานกงเย่จึงถอดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมพักผ่อนและเอ่ยว่า “อวิ๋นอวิ๋น วันนี้ข้าไม่อาบน้ำแล้ว พักกันก่อนเถิด”

“ท่านอ๋อง ข้ามีเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือไม่” ฉีเฟยอวิ๋นมองหนานกงเย่อย่างเศร้าๆ

“ถ้าไม่เหมาะจะพูดก็ไม่ต้องพูด ข้าชอบถอดเสื้อผ้าแล้วมอง” หนานกงเย่โยนเสื้อผ้าทิ้งไปและรอขึ้นเตียง

ฉีเฟยอวิ๋นเอนกายลงและกอดคอหนานกงเย่เอาไว้ “ท่านอ๋อง ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ฟังตอนนี้ หากทำอะไรหนักไปท่านจะไม่เสียใจทีหลังแน่นะเพคะ”

หนานกงเย่เลิกคิ้ว “มีอะไรหรือ”

“หม่อมฉันลองนับดู ระดูไม่มาสี่สิบกว่าวันแล้วเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าระดูของนางมาคลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่นางก็บำรุงร่างกายตนเองอยู่บ้าง ถึงจะมาผิดปกติแต่ก็ไม่ได้ผิดปกติจนเกินไป

สีหน้าของหนานกงเย่ชะงักไปเล็กน้อย เขาลุกขึ้นและอุ้มฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมาจากเตียง ฉีเฟยอวิ๋นจึงถือโอกาสซบลงกับอกของเขา

หนานกงเย่อุ้มนางไว้และถามว่า “จริงหรือ”

ฉีเฟยอวิ๋นกลอกตา “หม่อมฉันว่างหรืออย่างไรถึงต้องสร้างเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา”

“เช่นนั้นพระชายาลองตรวจดูเร็วๆ เถิดว่ามีหรือจริงหรือไม่” หนานกงเย่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “ท่านอ๋อง ในยุคหลังจากนี้มีคำกล่าวที่ว่า หมอรักษาตัวเองไม่ได้ ที่นี่ไม่มีอะไรแบบนี้หรอกหรือเพคะ”

“นั่น… ข้าก็ไม่รู้ เช่นนั้นก็สั่งให้พวกเขามาที่นี่”

พูดจบหนานกงเย่ก็ตะโกนเสียงดังว่า “อาอวี่ ไปเชิญหมอประจำจวนทุกคนมาที่นี่”

“……”

ได้ยินดังนั้นอาอวี่จึงรีบไปตามหมอมาทันที

หมอประจำจวนทยอยกันเข้ามา ทันทีที่เห็นว่าท่านอ๋องเย่ซึ่งไม่ได้สวมเสื้อคลุมกำลังอุ้มฉีเฟยอวิ๋นอยู่ พวกเขาก็ก้มศีรษะด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ยิ่งนานวันก็ท่านอ๋องยิ่งมีความใคร่ในกามมากขึ้น

โชคดีที่พระชายามีนิสัยเป็นเช่นนี้ หากเป็นคนอื่นคงกระโดดลงบ่อน้ำหนีอายไปแล้ว

“ท่านอ๋อง กระหม่อมรอรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ” หมอประจำจวนเอ่ยพลางประสานมือคำนับ

ฉีเฟยอวิ๋นผลักหนานกงเย่และลุกขึ้นนั่ง วางมือลงบนโต๊ะและเอ่ยอย่างไว้ตัวว่า “ข้ารู้สึกไม่สบายกระเพาะ ท่านหมอตรวจอาการให้ข้าหน่อยเถิด”

เหล่าหมอประจำจวนมองหน้ากันและกันและส่งตัวแทนก้าวไปข้างหน้า

“พระชายา ข้าน้อยขออภัย”

ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ในเสื้อคลุมสีขาว แม้ว่าจะค่อนข้างมิดชิดแต่ก็ยังเป็นชุดนอนอยู่ดี ดังนั้นหมอประจำจวนจึงไม่กล้ามองอะไรมั่วซั่ว แค่คิดก็ยังไม่กล้า

หมอนั่งอยู่ตรงหน้าแต่หันหน้ามองไปทางอื่น ทว่ามือก็ยังคงตรวจอย่างระมัดระวัง

สีหน้าของหมอประจำจวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมุ่น

หมอประจำจวนคนอื่นๆ ต่างกล้าๆ กลัวๆ พระชายายังตรวจรักษาตนเองไม่ได้ แล้วพวกเขาจะไปรักษาได้อย่างไร

“พระชายา ระดูยังมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หมอถามเหงื่อตก

ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นลืม คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ลืมไปแล้ว ข้าไม่เคยจำเรื่องระดูเลย”

หมอประจำจวนลำบากใจ “กระหม่อมต้องตรวจดูอีกทีพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนมือ จากนั้นหมอประจำจวนจึงตรวจอาการต่อไป คราวนี้เขาลุกขึ้น “พระชายา กระหม่อมตรวจดูแล้วไม่ใช่อาการของโรคกระเพาะ แต่ทรงครรภ์พ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่แปลกใจเลย และเป็นหนานกงเย่ที่แทบจะทนไม่ได้ เขาจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ

“แน่ใจหรือ” หนานกงเย่มีสีหน้าเยียบเย็น หมอประจำจวนกลุ้มใจเล็กน้อยว่าแน่หรือไม่แน่กันแน่

“กระหม่อมไม่แน่ใจ” หมอประจำจวนจำต้องเอ่ยออกมา

“เช่นนั้นก็ให้หมอคนอื่นตรวจดูเถิด” ฉีเฟยอวิ๋นสั่ง พวกหมอต่างมองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ถูกก่อนจะเดินไปดูอาการของฉีเฟยอวิ๋น

หนานกงเย่มีสีหน้าเคร่งขรึม “ไร้ประโยชน์ ไปดูได้แล้ว”

พอได้ยินคำว่าไม่แน่ใจ หนานกงเย่ก็แทบจะอยากถีบหมอประจำจวนให้ตาย

ทันใดนั้นหมอประจำจวนก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เขาเสียโอกาสครั้งใหญ่ไปเสียแล้ว

หมอประจำจวนแทบทุกคนเข้าใจว่าท่านอ๋องกำลังใจร้อนอยากได้บุตรชาย

หนึ่งในนั้นก้าวออกมาและตรวจดูอาการอย่างละเอียด จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นมาแสดงความยินดีกับหนานกงเย่ “ยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง พระชายาทรงครรภ์แล้วจริงๆ”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกหดหู่ นางตั้งครรภ์งั้นหรือ

ไม่ถามแล้วหรือว่าระดูมาหรือไม่

หนานกงเย่อารมณ์ดีมาก “แน่ใช่หรือไม่”

“แน่พ่ะย่ะค่ะ”

หมอประจำจวนทำผลงานได้ดีมาก

และรีบไปรับความดีความชอบ

“เอาละ คนต่อไป” หนานกงเย่อารมณ์ดีมาก มองอะไรก็ดีไปหมด

ฉีเฟยอวิ๋นให้หมอประจำจวนเข้ามาตรวจอาการทีละคนๆ เพียงแต่เมื่อตรวจดูแล้วผลก็ดูจะเหมือนเดิม ตรวจเสร็จก็ไปแสดงความยินดีกับหนานกงเย่

เมื่อตรวจดูจนครบ มีเพียงคนแรกคนเดียวเท่านั้นที่เสียใจและก้มหน้าลงอย่างหวานอมขมกลืน

หนานกงเย่ตกรางวัลให้ผู้ที่ตรวจดูอาการทุกคนยกเว้นหมอคนแรกที่ตรวจไม่พบ และฉีเฟยอวิ๋นก็เกรงใจที่จะไม่ให้รางวัลเขา

ดังนั้นจึงบอกว่า “แม้ว่าจะตรวจอาการไม่ถูกต้อง แต่หมอก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ท่านอ๋องไม่ตกรางวัลให้ ข้าจะให้รางวัลเอง”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหงเถาและลี่ว์หลิ่วที่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู “เอาตามรางวัลที่พวกเขาเพิ่งได้ไป ให้ไปสองเท่า”

“เจ้าค่ะ”

หงเถารีบไปจัดการให้

หลังจากไล่ทุกคนไปแล้วฉีเฟยอวิ๋นจึงล้มตัวลงนอน หนานกงเย่ปิดประตูและเดินไปเดินมาอยู่ภายในห้อง ฉีเฟยอวิ๋นกลอกตาอย่างหดหู่ มีอะไรให้น่าเดินหรืออย่างไร

“ท่านอ๋อง ท่านมีความสุขหรือ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ การมีลูกมันสำคัญมากนักหรือไง

“แน่นอน ข้ากำลังจะเป็นพ่อคนแล้ว” หนานกงเย่พูดพลางนั่งลงบนเตียงและจับมือของฉีเฟยอวิ๋นไว้ราวกับว่ากับกำลังตื่นเต้นกับอะไรสักอย่าง

ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาและรู้สึกหดหู่ขึ้นมา