บทที่ 423

บทที่ 423

แม้แต่หยวนยู่ก็ไม่สามารถต้านทานห่าฝนธนูที่กระหน่ำลงมาได้หมด ทว่าแม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ หากแต่หยวนยู่ก็ไม่ต้องการที่จะถอยหนี เขากัดฟันแน่นและอดทน ด้วยตราบใดที่เขาขึ้นฝั่งได้ ชายเลือดร้อนก็มีความมั่นใจมากพอ ว่าตนนั้นสามารถที่จะฆ่าพวกทหารซุ่มโจมตีทั้งหมดบนฝั่งได้

ภายใต้ห่าฝนธนูของอีกฝ่าย ระยะทางดูเหมือนจะไกลมาก มันยากสำหรับเขาที่จะก้าวไปข้างหน้าได้

ในเวลานี้ถังหยินที่เฝ้าดูการต่อสู้จากด้านหลังไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป เพราะถึงจะมีลางสังหรณ์ว่าอีกฝ่ายอาจจะซุ่มโจมตีพวกเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยคิดเลยว่าการเตรียมการของพวกมันจะน่ากลัวขนาดนี้… ถึงขนาดที่เอาเครื่องยิงหินมาด้วย !!!

ไม่ต้องพูดถึง 300 แพและทหาร 6 พันคนเลย แม้ว่าจะมีแพ 3,000 และทหาร 6 หมื่นคนเข้าโจมตีพร้อมกัน มันก็คงไม่อาจสามารถผ่านแม่น้ำได้ด้วยซ้ำไป !

เมื่อเห็นทหารตายทีละคนที่ก้นแม่น้ำ ถังหยินก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกฉีกแหวก ด้วยเขากลัวว่าจะต้องสูญเสียหยวนยู่ไป !

หยวนยู่ต้องการที่จะรุดหน้าต่อไป แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฆ้องที่ดังอยู่ข้างหลัง จึงได้แต่กระทืบเท้าอย่างแรงและถอนหายใจก่อนจะตะโกน “ถอย !”

หยวนยู่ปล่อยให้แพเปลี่ยนทิศทาง จากนั้นถอยหนีไปทางใต้ ส่วนแพอื่น ๆ ก็ไม่กล้าที่จะชะลอแม้แต่น้อย พวกเขาตามชายเลือดร้อนไปติด ๆ

…พวกเขาทั้งหมดพ่ายแพ้ อย่างไรก็ตามมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่าถอยในตอนนี้ ด้วยธนูของอีกฝ่ายยังคงไม่หยุดยิง ราวกับว่าพวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าหยวนยู่จะสิ้นชื่อที่ลำน้ำแห่งนี้ !!!

ภายใต้การโจมตีจากทั้งฝนธนูและก้อนหินขนาดใหญ่ จำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บของกองทัพเฟิงนั้นมากมายนับไม่ถ้วน จาก 300 แพเหลือเพียง 30 แพและจากทหาร 6 พันนายกลับมาได้เพียงไม่กี่ร้อยเท่านั้น …ความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวชขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ถังหยินเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก

ชายหนุ่มนั่งอยู่ในรถม้า สีหน้าของเขามืดจนน่ากลัว ส่วนดวงตาของเขาก็เอาแต่จ้องมองไปยังแม่น้ำตรงหน้า หมัดของถังหยินกำแน่นจนทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ก่อนที่แสงจ้าจะกะพริบขึ้นในดวงตาของเขา

บรรดาแม่ทัพนายกองที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างของรถม้าต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน การแสดงออกของพวกเขาไม่ดีไปกว่าถังหยิน ….พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังและเช็ดเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

จีหยิงส่ายหัวและถอนหายใจ กองทหารข้าศึกได้ทำการซุ่มโจมตีที่ฝั่งเหนือจริง ๆ เสียด้วย ! …น่าเสียดายนักที่ทหารของเขาหลายพันคนต้องมาตายเช่นนี้ !!!

ในเวลานี้หยวนยู่กำลังหน้าแดงด้วยความอับอาย เขากระโดดตัวลอยจากแพ เข้าไปคุกเข่าที่หน้ารถม้าแล้วพูด “แม่ทัพผู้ต่ำต้อยคนนี้ทำงานผิดพลาด ! ได้โปรดลงโทษข้าด้วยขอรับ !!!”

หลังจากที่พูดจบ หยวนยู่ก็จึงก้มศีรษะลงรอให้ถังหยินเอ่ยคำ แต่หลังจากนั้นไม่นาน …เมื่อเขายังไม่ได้ยินคำพูดใดของถังหยิน มันก็ทำให้เขาถึงกับงงงวยจนต้องเงยหน้าขึ้นมอง “นายท่าน ?”

หลังจากที่หยวนยู่เรียกถึงสามครั้ง ถังหยินก็จึงค่อยลืมตาขึ้นมา เขาถอยสายตาและมองไปที่หยวนยู่ จึงเป็นฝ่ายหลังที่พูดทวนขึ้นอีกครั้งว่า “ข้าทำให้พวกพ้องของเราต้องตายไปมากมายในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้ายินดี…ที่จะรับโทษ…”

ถังหยินเหล่ตาของเขา จากนั้นก็หัวเราะออกมาดังลั่นและพูดว่า “ชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงมันยิ่งกว่านั้นความผิดของการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้อยู่กับเจ้าแต่เป็นข้า ถ้าจะบอกว่าครั้งนี้ใครผิด ….มันก็คงจะเป็นข้าเองนี่แหละ !”

ว่าแล้วก็ชี้นิ้วไปอีกด้านหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า “แม้ว่าเราจะแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ แต่เราก็ถือว่าล่อศัตรูออกมาได้สำเร็จ ในครั้งต่อไปเราจะทำลายกองทัพศัตรูทั้งหมด …พวกมันต้องชดใช้ความตายของพวกพ้องเราด้วยเลือดของพวกมัน !!”

ไม่มีแม่ทัพผู้พ่ายแพ้อย่างแท้จริงในโลกใบนี้ ในฐานะผู้บัญชาการกองทัพ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ เรื่องวุ่นวายทั้งหลายก็จะประดังเข้ามาราวกับน้ำป่าไหลหลาก จนทำให้ขวัญกำลังใจของทั้งกองทัพลดลง !!

….ตอนนี้เมื่อถังหยินเห็นว่ามีทหารเพียงไม่กี่ร้อยนายจาก 6 พันคนที่รอดกลับมาได้ ส่วนแพไม้ที่เขาเพียรสร้างมาตลอด 5 วันก็ถูกทำลายไปด้วย ไม่เพียงแต่เขาไม่ร้อนใจ เขากลับยังหัวเราะและปลอบใจหยวนยู่ในขณะที่ล่าถอย

แม้แต่จีหยิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เพราะชื่นชมปฏิกิริยาของถังหยิน

ถังหยินมองไปยังทหารโดยรอบ จากนั้นจึงโบกมือและพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “กลับเมืองก่อน แล้วค่อยคุยกันต่อ !”

“ขอรับ นายท่าน !”

ในการสู้รบที่แม่น้ำทางตอนเหนือ กองทัพเทียนหยวนพ่ายแพ้ต่อกองทัพเปิงที่ดักซุ่มโจมตีอย่างย่อยยับ เมื่อเขากลับไปที่เมือง ชายหนุ่มก็พลันเรียกหลีเทียนและอัยเจียให้เข้ามาพบพลางสั่ง “ไปตรวจสอบทีว่ากำลังที่ดักซุ่มมีเท่าไหร่ แล้วมีจุดใดบ้างที่มีเครื่องยิง …แม่น้ำสายนี้ยาวยิ่งนัก ดังนั้นข้ามั่นใจว่ามันจะต้องมีซักจุดที่เราใช้ข้ามไปได้แน่ !!!”

ด้วยเพราะกองกำลังที่ซุ่มโจมตีแนบเนียนยิ่ง จึงทำให้แม้แต่เครือข่ายใยพิภพที่เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองก็ไม่สามารถตรวจจับอะไรได้ หลีเทียนและอันเจียจึงต้องรับผิดชอบต่อความผิดของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับโทษจากถังหยิน แต่หลังจากกลับออกไปพวกเขาก็พลันกลายเป็นขยันขันแข็งและทำงานกันอย่างบ้าคลั่งในทันที

หลังจากทั้งสองคนจากไป ถังหยินก็หันไปพูดกับจีหยิงอีกครั้งว่า “ท่านแม่ทัพ คราวนี้กองทัพของเราแทบไม่เหลือแพไม้แล้ว สั่งให้ทหารสร้างต่อไป”

“รับทราบขอรับ” จีหยิงตอบรับในพลัน

“แล้วก็…” ถังหยินถอนหายใจอย่างขมขื่นก่อนจะกล่าวว่า “ส่งคนไปที่แม่น้ำเพื่อกอบกู้ซากศพทหารของเราให้มากที่สุด…”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จีหยิงก็พลันกัดริมฝีปากของเขาและตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ขอรับ ข้าจะรีบดำเนินการ !”

“นอกจากนี้ ยังมีพลเรือนจำนวนมากที่เสียชีวิตและบาดเจ็บขณะกำลังข้ามฟาก กองทัพของเราต้องมอบเงินให้กับครอบครัวของพวกเขาเพื่อเป็นค่าชดเชย !”

“ขะ… ขอรับ นายท่าน !”

หลังจากบอกพวกเขาทุกอย่างที่ต้องทำ ถังหยินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาโบกมือและพูดว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นก็ไปเถอะ”

“นายท่าน ท่านยังไม่หายดี ขอให้พักผ่อนเสียหน่อยเถอะขอรับ !” ทุกคนเห็นว่าใบหน้าของถังหยินบิดเบี้ยว จึงพูดออกมาด้วยความกังวล

ถังหยินพยักหน้าและหลับตาไม่พูดอะไรสักคำ

เหล่าแม่ทัพนายกองจากไปทีละคน แต่อู่เหมยนั้นไม่

อู่เหมยเดินไปหาถังหยิน คว้าจับมือเขาและปลอบชายหนุ่มเบา ๆ “ ถังหยิน แม้ว่าเราจะสูญเสียในครั้งนี้ แต่กำลังรบหลักของเราก็ยังอยู่…”

ถังหยินหัวเราะ ลืมตาขึ้นมองไปที่อู่เหม่ยและถามกลับ “เสี่ยวเหมย แม้ว่าเราจะสามารถสร้างแพไม้ได้เป็นพัน และใช้กำลังทหารมากกว่า 5 หมื่นนายให้ออกไปรบพร้อมกัน แต่พวกเขาก็คงจะผ่านไปได้เหรอ ทั้งก้อนหิน และฝนธนูนั้นน่ะ”

อู่เหมยกะพริบตาโตราวกับจิ้งจอกและถามอย่างสงสัย “ทำไมจะไม่ได้กัน ? ครั้งก่อนเจ้าส่งกำลังไปเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าครั้งหน้าใช้หลักแสนเล่า ? ถ้าพวกเราโจมตีอย่างเต็มกำลัง …มันจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน !!!”

ถังหยินหยุดยิ้มและพูดอย่างครุ่นคิด “มันไม่ง่ายอย่างนั้น ตอนที่อยู่บนแพเราจะตอบโต้การโจมตีของพวกมันไม่ได้เลย และแม้ว่าเราจะสามารถเอาชนะได้จริง ๆ แต่มันก็ต้องแลกกับชีวิตทหารของเราอีกเท่าไหร่ …จะมีคนต้องตายไปอีกกี่คน ?”

อู่เหมยไม่ได้คิดมากเกินไปและกล่าวอย่างมั่นใจว่า “การต่อสู้ย่อมมีการเสียสละเพื่อให้ได้ชัยชนะมา …นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ !”

ถังหยินส่ายหัวและหัวเราะอย่างขมขื่น “ถ้าแค่เพียงชัยชนะครั้งนี้ก็ถือว่าดีไป แต่ว่าเจ้าก็รู้ดีถึงเป้าหมายที่แท้จริงของข้า ดังนั้นข้าจึงสูญเสียกำลังทหารมากเกินไปไม่ได้ และไม่ว่าผลของการต่อสู้จะเป็นอย่างไร มันก็จะถือเป็นการสิ้นเปลืองกำลังพลเกินความจำเป็นอยู่ดี ….มันดูเหมือนข้าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีมาก แต่ในความเป็นจริงข้าอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายและทุกการเคลื่อนไหวของข้าเหมือนเดินอยู่บนน้ำแข็งบาง ๆ”

หญิงสาวรู้เพียงว่าถังหยินในตอนนี้เป็นผู้ควบคุมกองทัพและควบคุมราชสำนัก อย่างไรก็ตาม ..มันมีกี่คนในแคว้นกันที่ต้องการเห็นเขาขึ้นเป็นผู้นำ และมีกี่คนกันที่รอให้เขาถูกโค่นล้ม !!!!

ในความเป็นจริงมันก็เป็นอย่างที่ถังหยินพูด เขาทำได้แค่ชนะห้ามแพ้เด็ดขาด ด้วยหากเขาสูญเสียมากเกินไป เขาจะทิ้งปมปัญหาไว้ให้ขุนนางพวกนั้นใช้โจมตีได้ !!!

อาจกล่าวได้ว่าความกดดันที่ถังหยินจะต้องแบกรับนั้นไม่สามารถจินตนาการได้สำหรับคนอื่น ๆ และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่เขาพูดออกมาดัง ๆ เช่นนี้

“ถังหยิน ?”

เป็นเรื่องยากสำหรับอู่เหมยที่จะเอ่ยปลอบด้วยคำหวาน นางทำได้เพียงโน้มตัวไปข้างหน้าและจับแขนถังหยินไว้พลางพูดเสียงต่ำ “ข้าจะช่วยเจ้าเอง !”

ถังหยินที่ได้ยินแบบนั้นพลันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะให้กำลังใจตัวเองและพูดแผ่วเบา “จ้านอู่ฉาง แม่ทัพที่มากความสามารถของหนิง…”

เมื่อได้ยินเขาพูดเกี่ยวกับสงครามอีกครั้ง อู่เหมยก็พลันย่นคิ้วบางของนางและถามเบา ๆ ว่า “ถังหยิน เจ้าวางแผนจะทำอะไร ?”

ถังหยินพึมพำกับตัวเองด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “ถ้าเราสู้ตรง ๆ ไม่ได้ ก็ต้องลอบโจมตี แต่เราจะเดินทางข้ามน้ำยังไงไม่ให้โดนจับได้… ?”

แม่น้ำที่ขวางหน้าทั้งกว้างและลึก ทำให้กระแสน้ำเชี่ยวกรากยิ่ง

ส่วนทหารในกองทัพเทียนหยวนส่วนใหญ่ก็เป็นพลทหารเดินเท้า มีเพียงไม่กี่คนที่คุ้นเคยกับน่านน้ำ มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะลอบเข้าไปในพื้นที่…