ในตอนนี้เอง กลิ่นหอมของยาลอยมาจากหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ของมู่ซี
เมื่อได้กลิ่นหอมของยานี้ ทุกผู้คนที่อยู่ ณ ที่นั้นเพียงแค่ดมกลิ่นอย่างเดียวก็รู้ได้เลยว่ายานี้มิใช่ยาธรรมดาอย่างแน่นอน
หลังจากยาเม็ดที่มีสีราวกับหยกขาวออกมาจากเตาปรากฏแก่สายตา ทุกผู้คนถึงกับตะลึงอึ้งงัน “นี่… นี่คงมิใช่ยาระดับแปดกระมัง!”
“ภาพลวงตา ต้องเป็นภาพลวงตาเป็นแน่แท้ จอมภูตระดับเก้าทำยาระดับแปดออกมา มันเป็นไปไม่ได้!”
“ไม่อยากเชื่อ…”
แม้แต่นักปรุงยาเวินเหรินยังตะลึงจนถึงกับดีดตัวลุกขึ้นยืน นางนั้นยังไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ภูต แต่กลับสามารถปรุงยาระดับแปดออกมาได้
ความสามารถท้าทายฟ้าดินราวกับปีศาจนี้…
มีปีศาจตนใดเกิดขึ้นในโลกแห่งการปรุงยากันแน่!
ในเวลานี้เอง การแข่งขันได้จบลง
มู่เฉียนซีนำยาใส่ลงไปในขวดหยกอย่างช้า ๆ นางนำยาออกมาวางลงเบา ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ยาของข้านั้นหลอมสำเร็จแล้ว ต่อไปขอเชิญให้กรรมการทุกท่านตัดสินอย่างยุติธรรมเถิด”
เจ้าสำนักตานซินและเจ้าสำนักเย่าอู๋ดีดตัวลุกขึ้นมา
ยาระดับแปด! หากว่าเป็นยาระดับแปดจริง แล้วพวกเขาจะชนะได้อย่างไร ?
คงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน! ไม่นานนักกรรมการก็ได้ตรวจสอบยาทั้งหมดจนเสร็จสิ้น
ศิษย์พี่หวงฝู่แห่งสำนักเย่าอู๋ได้ทำยาระดับหกออกมา ส่วนศิษย์พี่หวังแห่งสำนักตานซินทำยาเม็ดระดับเจ็ดออกมาจริง ๆ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ถูกยาเม็ดระดับแปดของ ‘มู่ซี’ ตีพ่ายไป
เจ้าสำนักตานซินกล่าวขึ้น “นักปรุงยาเวินเหริน มันเป็นไปไม่ได้ นี่มัน…”
นักปรุงยาเวินเหรินกล่าว “ข้ากับนักปรุงยาอีกหลายท่านได้ตรวจสอบแล้ว ยานี้คือยาเม็ดระดับแปดอย่างแท้จริง อีกทั้งคุณภาพยังไร้ที่ติ ไม่มีสิ่งเจือปนใดแม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในบรรดานักปรุงยารุ่นเล็กของทั้งสามสำนัก มู่ซีนั้นเป็นที่หนึ่ง”
เจ้าสำนักตานซินเหมือนกับโดนดูดพลังทั้งหมดที่มีอยู่ไป เขาแทบเป็นลมล้มลง
เจ้าสำนักเย่าอู๋เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรนัก เพียงแต่แสร้งทำเป็นนิ่งสงบอยู่ข้าง ๆ ก็เท่านั้น
นักปรุงยาเวินเหรินยิ้ม มองไปที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวขึ้น “ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ว่ามันคือยาระดับแปด แต่ข้านั้นตาไม่ถึงไม่รู้ว่านี่คือยาอะไร ไม่ทราบว่าเจ้าจะสามารถคลายความสงสัยให้ข้าได้หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเรียบ “นี่คือยาซานชิงฮว่าชี่ระดับแปด สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ซ่อนเร้นของผู้ฝึกตนได้”
นักปรุงยาเวินเหริน “เป็นเช่นนี้เอง มู่ซี พรสวรรค์ในการปรุงยาของเจ้านั้นทำให้ข้าตะลึง พรสวรรค์ท้าทายฟ้าดินเช่นนี้ แม้แต่ความสามารถเช่นข้าเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นอาจารย์ของเจ้า”
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ท่านนักปรุงยาเวินเหรินมิได้แสดงฝีมือแต่กลับถ่อมตนเสียแล้ว จะอย่างไรเสียท่านก็เป็นปรมาจารย์นักปรุงยาอันดับหนึ่งผู้เดียวแห่งภาคตะวันตกของทวีปเซี่ยโจว”
ทุกผู้คนในที่นั้นสูดลมหายใจเข้าลึกไปเฮือกหนึ่ง ในเมื่อนักปรุงยาเวินเหรินถึงกับบอกว่า… ตนนั้นไม่มีความสามารถมากพอที่จะรับมู่ซีเป็นลูกศิษย์
เจ้าหนุ่มนั่นมันวิปริตเกินไปแล้ว!
“ฮ่า ๆ ๆ!” ตานคุนหัวเราะออกมาอย่างภูมิใจ“ตานซิง เย่าเก๋อ ดูเหมือนว่าผู้ที่ชนะการแข่งขันระหว่างสามสำนักโอสถใหญ่ในครั้งนี้จะเป็นพวกเราสำนักตานจี้”
โดยปกติแล้ว ทุกครั้งที่จัดงานแลกเปลี่ยน พวกเขาสำนักตานจี้นั้นมักจะรั้งท้ายเสมอ
นี่เป็นครั้งแรกที่สำนักตานจี้ของพวกเขาได้อันดับหนึ่ง ตานคุนจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร ?!
เมื่อเห็นตานคุนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าของหัวหน้าสํานักทั้งสองก็ดําคล้ำเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ
ตานคุนแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “ในเมื่อพวกเจ้าแพ้ เช่นนั้นเรื่องที่พวกเจ้ารับปาก…”
หัวใจของเจ้าสํานักทั้งสองรู้สึกไม่ดีนัก “เจ้า… พวกเจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า… “หัวหน้าสํานักโอสถทั้งสองคงจะไม่ผิดคำพูดหรอกใช่หรือไม่ ?”
นักปรุงยาเวินเหริน “การเดิมพันในครั้งนี้ข้ารู้เห็นอยู่ตลอด หากสำนักตานซินและสำนักเย่าอู๋กลับคำจะทําให้ข้าผิดหวังอย่างมาก”
ตานซิงใบหน้าเผือดซีด โทสะแล่นเข้าจุกอกเขาเสียจนหายใจเข้าไม่เต็มปอด เขากล่าวเสียงต่ำ “อภัยได้ก็อภัยไปเถิด เรื่องนี้สามารถยืดเวลาสักระยะหนึ่งได้หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีรีบกล่าวขึ้น “หากผู้แพ้เป็นสำนักตานจี้ ข้าฉงนสงสัยนักว่าเจ้าจะยังกล่าวว่าอภัยได้ก็อภัยไปเช่นนี้อีกหรือไม่ ข้าเกรงว่าสำนักตานจี้คงจะต้องรีบมอบใบสูตรยาทั้งหมดให้กับเจ้าในทันทีกระมัง ?”
“แต่ว่า…”
สิ่งที่พวกเขาต้องมอบให้คือสวนสมุนไพรที่สํานักตานซินของพวกเขาเลี้ยงดูมาหลายร้อยปี จะยอมได้อย่างไร ?
“พวกเจ้าเปลี่ยนความต้องการสักหน่อยไม่ได้หรือ ?” เย่าเก๋อกล่าวถาม
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูเหมือนว่าคนที่เสนอสวนสมุนไพรของพวกเจ้ามาเป็นรางวัลไม่ใช่พวกข้า แต่เป็นพวกเจ้าเอง ตอนนี้พวกเจ้าต้องการเปลี่ยน มันช่างไร้สาระระคนไร้ยางอายเสียจริง ข้าเองก็ไม่ได้ขอให้พวกเจ้าใช้สวนสมุนไพรของพวกเจ้ามาเป็นรางวัล”
เมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขาเริ่มหม่นคล้ำลงเรื่อย ๆ มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “แต่…”
เมื่อได้ยินวาจานาง ดวงตาของพวกเขาพลันมีประกายแห่งความหวังสว่างวาบขึ้นมา “แต่อะไรรึ ?”
มู่เฉียนซีหยิบใบสั่งยาออกมาก่อนจะกล่าวว่า “หากสองสำนักใหญ่ของพวกเจ้ามีสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีที่อยู่ในใบสั่งยานี้ ข้าก็ไม่ต้องการสวนสมุนไพรของพวกเจ้า”
หัวหน้าสํานักโอสถทั้งสองที่เดิมทีมีความหวังมองไปที่สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีบนใบสั่งยานั้น ภายในใจพลันรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น
สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเหล่านี้หาได้ยากอย่างมาก หนึ่งชนิดเทียบได้กับสวนสมุนไพรกว่าหลายร้อยแห่งของพวกเขา แล้วพวกเขาจะมีได้อย่างไร ?
หัวหน้าสํานักตานซินกล่าวว่า “สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเหล่านี้พวกข้าไม่มีหรอก เจ้าเปลี่ยนเป็นสมุนไพรวิญญาณอื่นไม่ได้หรือ ?”
เย่าเก๋อ “ต้องการสมุนไพรเหล่านี้ เจ้าตั้งใจกลั่นแกล้งพวกข้าเป็นแน่!”
มู่เฉียนซี “ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเหล่านี้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่จําเป็นต้องกล่าวไร้สาระอันใดอีกแล้ว สวนสมุนไพรของพวกเจ้า มอบมันมาเสีย”
สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเหล่านั้นล้วนสามารถช่วยชีวิตท่านอาเล็กของนางได้ หากมีละก็… ต่อให้ยกสวนสมุนไพรของสํานักโอสถทั้งสองสํานักมาให้ นางก็ไม่สนใจ
แต่กลับไม่มี!
มู่เฉียนซีรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม้แต่สํานักปรุงยาที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีก็ยังไม่มีสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเหล่านี้เลย นางจะหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเหล่านี้ได้จากที่ใดกัน ?
“พวกข้า… สํานักตานจี้ของพวกเจ้าอย่ารังแกกันมากเกินไปหน่อยเลย” หัวหน้าสํานักตานซินกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“เพียงแค่ให้ยอมรับความพ่ายแพ้ สำนักตานจี้ของพวกข้ารังแกพวกเจ้าตรงไหนรึ ?” มู่เฉียนซีมองพวกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
นางกวาดตามองผ่านคนของทั้งสองสำนัก กล่าวว่า “พวกเจ้าไม่อยากส่งมอบใช่หรือไม่ ? …ไม่เป็นไร หลังจากวันพรุ่งนี้ ทั่วทั้งทางตะวันตกของทวีปเซี่ยโจวจะมีข่าวว่าสํานักตานซินของพวกเจ้าพ่ายแพ้แล้วไม่รักษาวาจาสัตย์ เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้าก็นั่งนอนรอชื่อเสียงสำนักของตนถูกทําลายเถอะ”
“อย่าได้สงสัยเลย ข้าบอกว่าจะทำ เช่นนั้นก็คือทําได้แน่นอน”
ในขณะนั้นเอง ใบหน้าของคนทั้งสองสำนักใหญ่แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วง พวกเขาโกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
มู่เฉียนซีกล่าวเพิ่มเติมว่า “มีนักปรุงยาเวินเหรินเป็นพยาน ทุกคนจะต้องไม่สงสัยความจริงของข่าวนี้แน่นอน”
“นักปรุงยาเวินเหริน!” หัวหน้าสํานักตานซินมองนักปรุงยาเวินเหรินราวกับกําลังขอความช่วยเหลือ หวังว่าเขาจะสามารถช่วยพวกเขาได้
ทว่าเห็นได้ชัดว่านักปรุงยาเวินเหรินมิได้ไว้หน้าพวกเขา เขากล่าวว่า “ข้านั้นเป็นผู้ยุติธรรม”
ฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายได้อันตรธานหายไปแล้ว หัวหน้าสํานักของสองสํานักโอสถใหญ่กําลังจะล่มสลาย
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “อย่าดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เลย ยอมส่งมอบเสียดี ๆ”
นี่เป็นข่าวร้ายสําหรับสองสํานักใหญ่อย่างแท้จริง…
หัวหน้าสํานักตานซินกล่าวขึ้นมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ตามข้ามาเถอะ”
.