พวกเขาต่างก็รู้สึกได้ว่าพลังบนร่างของมู่เฉียนซีแข็งแกร่งขึ้นมาก เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งจะทะลวงพลังวิญญาณเป็นจอมภูตระดับสูงสุด!
“เจ้าหนุ่มนี่… เขา… เขาเป็นปีศาจชัด ๆ!”
เขาทำได้อย่างไรกัน ?
ตานคุนในเวลานี้เป็นผู้ที่นิ่งสงบที่สุด เรื่องประหลาด ๆ ของท่านผู้นำตระกูลมู่ เขาเห็นจนคุ้นชินแก่สายตาไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงเวลาเริ่มการประลองฝีมือในรอบที่สองแล้วไม่ใช่รึ ? เจ้าสำนักตานซิน เหตุใดยังไม่ประกาศอีกเล่า ?”
เจ้าสำนักตานซินลอบคิดในใจ ‘มาได้ทันเวลาพอดี นับว่าโชคดียิ่งนัก แต่รอไปก่อนเถอะ ศิษย์สำนักข้าจะเอาฝีมืออันเก่งกล้าขยี้เจ้าให้ต้องอับอายเป็นแน่!’
ไม่ว่าอย่างไร เจ้าสำนักตานซินก็คิดว่าต่อให้เจ้าหนุ่มผู้นี้มาทันเวลา ด้วยความสามารถของเขา คิดจะคว้าอันดับหนึ่งนั้นไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน เจ้าสำนักตานซินกล่าวประกาศ “ถึงเวลาการแข่งขันแล้ว ข้าจะประกาศรายละเอียดการประลองฝีมือในรอบที่สอง สำหรับการแข่งขันรอบนี้ ศิษย์ทุกคนสามารถหลอมยาได้ตามใจตน ผู้ใดหลอมยาระดับสูงกว่า สรรพคุณดีเยี่ยมกว่า ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะ”
ตานคุนได้ยินเช่นนี้ กัดฟันแน่นด้วยความโกรธทันที ตาเฒ่านี่เป็นสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริง ๆ!
มิน่า… สำนักตานซินถึงได้มีความมั่นใจมากเช่นนี้ เป็นเพราะรู้กฎกติกามาก่อนแล้ว อีกทั้งยังเตรียมตัวมาก่อนแล้ว
สถานการณ์ตรงหน้าในเวลานี้ไม่เอื้ออำนวยต่อท่านผู้นำตระกูลมู่แม้แต่น้อย!
“เริ่มการแข่งขันได้”
ศิษย์ของสำนักตานซินเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้หนึ่งปี พวกเขาได้ฝึกหลอมยาระดับสูงมาเป็นพิเศษเพื่อให้การแข่งขันในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
แต่ละคนเริ่มทำการหลอมยาระดับห้า ระดับหก และอื่น ๆ!
ศิษย์สำนักเย่าอู๋หลอมยาอย่างเชื่องช้า ทว่าก็ไม่ช้ามากนัก ถึงอย่างไรของรางวัลที่รออยู่ตรงหน้าก็เป็นของแสนล้ำค่า พวกเขาจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง
มู่เฉียนซีกวาดตามองไปที่พวกเขา นางรู้ดี… หากคิดจะคว้าอันดับหนึ่ง อย่างน้อยต้องหลอมยาระดับแปด
อันตัวนางยังอยู่ห่างจากระดับราชาแห่งภูต หากจะหลอมยาระดับสูงเช่นนี้ แน่นอนว่าค่อนข้างยากเล็กน้อย นับว่าการหลอมยาในครั้งนี้ศิษย์สำนักตานซินกับสำนักเย่าอู๋ใช้อุบายไม่น้อยเลย
พลังจิตของศิษย์พี่หวังแห่งสำนักตานซินพุ่งออกมาอย่างสูง จากนั้นเขาเริ่มควบคุมหลอมยาอย่างไหลลื่นราวกับมัจฉาที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในธารา
ขณะเดียวกัน ศิษย์พี่หวงฝู่ของสำนักเย่าอู๋หยิบเอาหยกวิญญาณวิเศษออกมาเพื่อที่จะทำให้พลังจิตของเขาเหนือกว่าปกติธรรมดา
ตานคุนกล่าว น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเต็มสิบส่วน “พวกเจ้า… เพียงแค่งานการแลกเปลี่ยนนี้ พวกเจ้าถึงกับลงทุนทำถึงขนาดนี้เลยเชียวรึ ?!”
เจ้าสำนักตานซินยิ้ม กล่าวว่า “เพื่อให้ศิษย์สำนักของพวกเราหลอมยาออกมาดี การนำเอาทรัพยากรล้ำค่าเพียงนิด ๆ หน่อย ๆ ออกมาให้พวกเขาใช้นับว่าเป็นเรื่องสมควรแล้ว”
เย่าเก๋อ “หากสำนักตานจี้ของพวกเจ้ามีอุบายเช่นนี้จะนำออกมาใช้ก็ย่อมได้ ในฐานะที่เราเป็นสามสำนักใหญ่ในด้านการปรุงยา พวกเราย่อมรู้ดีว่าเวลาหลอมยาต้องมีตัวช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงจะดี”
ตานคุนหันมองมู่เฉียนซี ผู้นำตระกูลมู่… มีไพ่เด็ดอะไรก็รีบนำออกมาใช้เสียเถอะ หากมัวรอช้าเกรงว่าจะไม่ทันการเอาได้
ในเมื่อทุกคนเปิดทางให้เช่นนี้ เพื่อความแน่ใจเต็มหนึ่งร้อยส่วนว่าจะหลอมยาระดับแปดออกมาสำเร็จ มู่เฉียนซีหยิบขวดยาขวดหนึ่งขึ้นมากระดกดื่มในทันที
นางไม่ทราบเลยว่าจวินโม่ซีจะกลับมาเมื่อใด ยาที่เขาให้มานั้นต้องมีวันใดวันหนึ่งใช้หมด ดังนั้นมู่เฉียนซีเลือกที่จะพึ่งลำแข้งตัวเอง นางจะทำมันขึ้นมาเองโดยที่นำเอาเม็ดยาของเขามาเป็นส่วนผสมทำเป็นยาน้ำบรรจุในขวดแก้ว
หลังจากที่กระดกยานี้เข้าปาก นางก็รู้สึกได้ว่าพลังของนางนั้นพุ่งขึ้นเพียงพอที่จะสามารถหลอมยาระดับแปดออกมาได้แล้ว
“เจ้า!”
เจ้าสำนักตานซินและเจ้าสำนักเย่าอู๋รู้สึกไม่ค่อยดีนัก พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
แต่ต่อให้พลังวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นแล้วจะมีประโยชน์อันใดเล่า ?
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการหลอมยานั่นก็คือพลังจิตต่างหาก เด็กหนุ่มอายุเพียงสิบกว่าปี จะเอาพลังจิตที่แข็งแกร่งจากที่ใดมาหลอมยาระดับสูงได้ ?
เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น มู่เฉียนซีก็หยิบเอาสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่านานาชนิดมาใส่ทีละอย่าง สมุนไพรวิญญาณที่นางคัดมาใช้นั้น ล้วนแต่เป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสูง เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนี้ พลันเบิกตากว้างมองด้วยความตกใจจนดวงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า
“สวรรค์! สมุนไพรวิญญาณระดับสูงทั้งนั้น เขานำมาจากที่ใดกัน ?!”
“สมุนไพรวิญญาณระดับสูงช่างมันเถอะ ดูผลสีแดง ๆ นั่นเสียก่อนสิ หากข้าจำไม่ผิด ผลสีแดง ๆ นั่นคงจะเป็นสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี ผลอัคคีเพลิงสวรรค์”
“เด็กหนุ่มผู้นี้ความสามารถไม่เพียงพอ แต่เขากลับเอาสมุนไพรวิญญาณระดับสูงเช่นนี้มาเป็นวัตถุดิบ จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว”
“เห็นสมุนไพรวิญญาณมากมายเช่นนี้ ข้าอยากจะปล้นเขาจริง ๆ ช่างน่าปล้นดีแท้!”
ทุกคนมองไปที่สมุนไพรวิญญาณที่มู่เฉียนซีหยิบออกมาด้วยสายตาลุกโชนเสมือนมีไฟแผดเผา หากไม่ใช่เพราะผิดที่ผิดเวลา มีหวังพวกเขาพุ่งพรวดเข้าไปตั้งนานแล้ว
ตานคุนคิดในใจ ‘สิ่งของเหล่านี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของที่ผู้นำตระกูลมู่มี ทว่าผู้นำตระกูลมู่ได้ทำให้กบในกะลาเหล่านี้ตกอกตกใจกันอย่างมาก’
ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังปรุงยาอยู่นั้น เจ้าสำนักทั้งสองสำนักมองไม่ออกเลยว่านางกำลังปรุงยาระดับใด สูตรยาที่รวมสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นเข้าด้วยกัน พวกเขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย
เจ้าสำนักตานซินกล่าวถามเสียงต่ำ “ท่านนักปรุงยาเวินเหริน ท่านรู้หรือไม่ว่ายาที่มู่ซีกำลังหลอมอยู่เป็นยาระดับใด ?”
นักปรุงยาเวินเหรินส่ายหน้า กล่าวว่า “ยาที่มู่ซีกำลังหลอม ข้าเองก็ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน หากอยากรู้ว่าเป็นยาระดับใด เกรงว่าจะต้องรอให้จบการแข่งขันก่อนถึงจะรู้”
แต่ต่อให้หมดเวลา ไม่แน่มู่ซีก็อาจจะหลอมยาไม่สำเร็จก็เป็นได้
ใช้สมุนไพรวิญญาณล้ำค่ามากมายเช่นนี้ หากหลอมยาออกมาล้มเหลว ก็เท่ากับว่าสิ้นเปลืองสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้เสียเปล่า
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างช้า ๆ การแลกเปลี่ยนระหว่างสำนักปรุงยาทั้งสามสำนักก็เข้าสู่นาทีที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ศิษย์ทั้งสามสำนักปรุงยาตั้งใจปรุงยาอย่างใจจดใจจ่อ
ในระหว่างนี้ก็มีผู้ร่วมแข่งขันที่หลอมยาล้มเหลว และจำต้องออกจากสนามไป แต่ส่วนมากที่เหลืออยู่ก็ยังคงใจจดใจจ่อหลอมยาต่อไป
มีบางส่วนที่หลอมยาออกมาได้สำเร็จ ส่วนมากยาที่หลอมออกมาก็จะเป็นพวกยาระดับสี่ ยาระดับห้า ยาระดับหกมีบ้างเล็กน้อย
มาถึงช่วงอึดใจสุดท้าย ยังเหลือผู้เข้าแข่งขันสามคนสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในขั้นตอนการหลอมยา สามคนนี้ก็คือมู่ซี ศิษย์พี่หวังจากสำนักตานซินและศิษย์พี่หวงฝู่จากสำนักเย่าอู๋
ทันใดนั้นศิษย์สำนักเย่าอู๋อุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “สำเร็จแล้ว ศิษย์พี่หวงฝู่หลอมยาสำเร็จแล้ว!”
เม็ดยาถูกนำออกมาอย่างช้า ๆ ด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งยิ่ง
ดวงตาของเหล่าบรรดาผู้ตัดสินเปล่งประกายขึ้นเมื่อเห็นเม็ดยาวิญญาณนั่น “ยาวิญญาณระดับหก ไม่เลวเลย!”
“อายุของหวงฝู่ยังไม่ถึงสามสิบปี ทว่าเขาสามารถหลอมยาระดับหกได้ ช่างเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าเคารพจริง ๆ!”
ศิษย์พี่หวงฝู่นำเอาเม็ดยาบรรจุใส่ขวดแก้วภายใต้สายตาของผู้คนที่จ้องมองด้วยความอิจฉา เขานำยาขวดนั้นมอบให้กับผู้ตัดสิน
หวงฝู่มองไปยังอีกสองคนที่ยังคงหลอมยาอยู่ในเวลานี้ …ใช้เวลานานในการหลอมยาก็ใช่ว่าจะเป็นยาระดับสูงกว่า เขาไม่พ่ายแพ้ให้กับสองคนนั้นอย่างแน่นอน
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ศิษย์พี่หวังจากสำนักตานซินก็วางมือลง เม็ดยาวิญญาณสีเหลืองถูกนำออกมา แสงที่เปล่งประกายออกมาอย่างเรืองรองดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก
ผู้ตัดสินคนหนึ่งอุทานขึ้นอย่างตระหนกตกตื่น “โอ้! ยาจินกวาง ยาวิญญาณระดับเจ็ด วิเศษ! วิเศษดีแท้! ศิษย์สำนักตานซินฝีมือเก่งกาจยิ่งนักที่สามารถหลอมยาระดับเจ็ดออกมาได้”
ตานซิงยิ้มพลางกล่าว “ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ศิษย์ผู้นี้ยังต้องฝึกฝนอีกมาก”
เพื่อให้ศิษย์ผู้นี้มีพลังจิตเพียงพอที่จะหลอมยาจินกวางออกมาได้ สำนักตานซินของพวกเขาได้สูญเสียทรัพยากรที่ล้ำค่าไปให้กับเขา ทว่าเพื่อแลกกับสูตรยาเหล่านั้น ลงทุนครานี้อย่างไรก็คุ้มค่า
ตานซิงกล่าวขึ้นว่า “ตานคุน การแข่งขันใกล้จะจบลงแล้ว มู่ซีศิษย์สำนักเจ้าจะหลอมยาสำเร็จได้ทันตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ ?”
ไม่ว่ามู่ซีจะหลอมยาอันใดออกมา ก็ไม่มีทางที่จะเหนือกว่ายาจินกวางไปได้ ดังนั้นอันดับหนึ่งต้องเป็นของสำนักตานซินอย่างแน่นอน
สำนักตานจี้นั้นเห็นทีคงพ่ายแพ้แน่แล้ว
.