ตอนที่206 นี่เป็นโอกาสเดียวของคุณ

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่206 นี่เป็นโอกาสเดียวของคุณ

จ้าวเฉียนขับรถกลับเข้าคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว อาบน้ำและเข้านอนไป

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ยังหลับไม่ตื่น จางหยางก็โทรสายเข้ามาหาเข้า

“ฮาโหลผู้จัดการจาง ว่าไงครับ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามเจือน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ

จางหยางตะคอกตอบทันทีอย่างขุ่นเคืองว่า

“นี่แกยังมีอารมณ์นอนอีกเหรอ?!”

จ้าวเฉียนได้ฟังแบบนั้นก็แปลกใจ ได้สติขึ้นมาทันทีและเอ่ยถามขึ้นว่า

“แสดงว่าต้องมีเรื่องแน่นอนใช่ไหมครับ?”

“ก็เออน่ะสิ! หัวโหย้วโทรมายกเลิกความร่วมมือกับพวกเราแล้ว! แกยังมีหน้านอนต่อไหมล่ะ? นี่แกกำลังร่วมมือกับผู้หญิงที่ชื่อเหลียวเซียวหยุน เพื่อแก้แค้นเราใช่ไหม!?”

จางหยางคำรามใส่ด้วยความเดือดจัด

จ้าวเฉียนไม่ได้เอ่ยถามใดๆเขาต่อ และกดตัดสายทิ้งไปทันที จากนั้นค่อยโทรสายไปหาเหลียวเซียวหยุนโดยไว แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รับสายของเขา

เห็นได้ชัดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับหัวโหย้วแน่นอน และเหลียวเซียวหยุนก็ไม่สะดวกรับสายของเขาในเวลานี้

จ้าวเฉียนรีบส่งข้อความหาเธอ ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหลียวเซียวหยุนอ่านแต่ไม่ตอบข้อความ ส่งกลับเพียงคลิปเสียงประมาณสองสามประโยคว่า

“ให้เวลาฉันหน่อย หลังจากนี้จะไปหานาย!”

น้ำเสียงของเหลียวเซียวหยุนดูร้อนรนอย่างมาก

ไม่ต้องถามก็รู้ได้ทันที ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน เธอกำลังพยายามแก้ไขในส่วนของเธออยู่ จ้าวเฉียนไม่กล้ารบกวนเธออีกต่อไป และรอข่าวจากเธอในภายหลังถ้าเกิดเรื่องนี้เขา ทุกคนในออฟฟิศกำลังสาปแช่งเขาอยู่แน่นอน พอคิดได้ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงลุกออกไปอาบน้ำแปลงฟัน และเดินทางไปที่บริษัททันที

ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด ทุกคนในบริษัทกำลังกรนด่าสาปแช่งเขาอยู่จริงๆ พอเห็นเจ้าตัวมาถึงบริษัท ทุกคนก็ตรงเข้าไปรุมล้อมโดยไว

“จ้าวเฉียน นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีก? ทำไมหัวโหย้วถึงยกเลิกสัญญา?”

“ใช่! นี่มันหลายรอบแล้วนะ น่ารำคาญจริงๆ! นี่นายไปคุยกับเขายังไงถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้!”

“นายรีบติดต่อหัวโหย้วไปสิ แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น? อีกฝ่ายจะยกเลิกสัญญาโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง?”

“พวกเรากำลังจะดำเนินโครงการนี้อยู่แล้ว แต่จู่ๆโปรเจคก็ถูกยกเลิกดื้อๆเลย”

…..

จ้าวเฉียนรำคาญเสียงนกเสียงกาเหล่านี้มาก เขาตะโกนลั่นหยุดทุกคนในทันใด

“ฉันเข้าใจความรู้สึกของทุกคนดี! แยกย้ายกลับไปทำงานได้แล้ว! ผมจะรีบแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด!”

หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็ตรงไปที่ห้องทำงานของฟางนี่ทันที และในเวลานั้นเองจางหยางกับหวังเฉียงก็กำลังนั่งหารือกุมขมับกันอย่างเคร่งเครียด

พอเห็นว่าจ้าวเฉียนเดินเข้ามา จางหยางก็ตบโต๊ะดังปัง ชี้หน้าด่าทันทีว่า

“ไอ้เวรนี่! แกยังกล้าเสนอหน้ามาที่นี่อีกเหรอ! ไม่โดนพนักงานข้างนอกกระทืบตายห่าก็บุญแล้ว!”

หวังเฉียงกรนเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น กล่าวเย้ยไปว่า

“ผู้จัดการจางอย่าไปให้ค่าคนแบบเจ้านี่เลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันทำให้เราผิดหวัง โกรธไปก็เสียเวลาเปล่า”

จ้าวเฉียนไม่คิดจะเสวนากับพวกตัวประกอบพวกนี้อยู่แล้ว เขาพูดกับฟ่างนี่โดยตรงว่า

“อีกฝ่ายยกเลิกความร่วมมือแบบนี้ ถ้าไม่มีเหตุผลมากพอก็ฟ้องเลยครับ”

ฟางนี่ถอนหายใจและกล่าวตอบไปว่า

“ฉันโทรหาทางหัวโหย้วแล้ว พวกเขาให้เหตุผลว่า น้องสาวของประธานสั่งให้ระงับโปรเจคกับทางเราน่ะ”

“น้องสาวประธาน?”

จ้าวเฉียนอุทานกับตัวเอง คล้ายว่าตอนนี้พอจะรู้เหตุผลขึ้นมาบ้างแล้ว

น้องสาวของเหลียวปี้ซ่ง รู้สึกว่าสามีของเธอคือ…เฉินกวงหัว? และสองพี่น้องตระกูลเฉินเองก็ถูกจ้าวเฉียนเล่นไว้จนธุรกิจพังพินาศ สถานการณ์ของพวกเขาย้ำแย่มาก ถึงขั้นที่ว่าบริษัทของพวกเขากำลังจะล้มละลายแล้ว นี่เป็นปมความแค้นในอดีตยากที่จะเลือนหาย

เป็นธรรมดาที่เหลียวปี้ซ่งจะต้องเห็นแก่หน้าน้องสาวตัวเอง ดังนั้นเพื่อก้แค้นให้สามี เธอคงไม่ปล่อยให้เหลียวเซียวหยุนกับจ้าวเฉียนได้ร่วมมือกันแน่นอน

จ้าวเฉียนยืนเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจัดการเอง คุณฟางรอข่าวดีได้เลย”

จางหยางหัวเราะเยาะเสียงดังลั่น เอ่ยถามขึ้นว่า

“นี่ยังจะแสร้งทำเป็นเก่งอีกเหรอ! พูดยังกับจัดการปัญหานี้ได้? ฉันไม่เข้าใจจริงๆเลยว่า แกนี่มันบ้ารึเปล่า? ทำไมถึงไปหาเรื่องน้องสาวของเหลียวปี้ซ่ง?”

ฟางนี่รีบหยุดจางหยางไว้ทันที เธอขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เอ่ยตำหนิขึ้นว่า

“จางหยาง อย่าพูดไร้สาระนะ จ้าวเฉียนจะไปมีเรื่องกับเธอได้ยังไง?”

จางหยางยังคงยืนกรานในความคิดของเขา และเอ่ยตอบไปว่า

“ถ้าไอ้เวรนี่ไม่ไปเที่ยวมีปัญหากับคนโน้นทีคนนี้ที แล้วจู่ๆทางหัวโหย้วจะยกเลิกโปรเจคโดยไม่มีเหตุผลได้ยังไง? ความเป็นไปได้เดียวคือ จ้าวเฉียนต้องทำให้น้องสาวของเหลียวปี้ซ่งขุ่นเคืองแน่นอน!”

ในเวลานัน้เองหวานฮันซูก็โทรสายมาหาจางหยาง

“ฮาโหลจางหยาง เมื่อกี้นายโทรหาฉันเหรอ? มีอะไรรึเปล่า?”

“ไม่มีอะไรมาก แค่จะบอกว่าทางหัวโหย้วเพิ่งยกเลิกโปรเจคความร่วมมือกับเราไป!”

“ห่ะ?! ทำไม? เกิดอะไรขึ้นอีก? นี่ฉันเพิ่งเขียนอีเมลรายงานกับทางสำนักงานใหญ่ไปเองว่า บริษัทที่ร่วมลงทุนเพิ่งได้โปรเจคใหม่มา! แล้วแบบนี้จะทำยังไง? นี่นายเล่นมุกอะไรรึเปล่า?”

“โอ้…เพื่อนยาก ฉันไม่ได้เล่นมุก! นี่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ทางนั้นเพิ่งแจ้งยกเลิกมากะทันหันมาก ถ้าได้อะไรคืบหน้าแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกที”

หวานฮันซูเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนนี้เขาอารมณ์เสียอย่างมาก หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาจึงกล่าวขึ้นต่อว่า

“แล้วทำไมจู่ๆหัวโหย้วถึงยกเลิก? มันต้องมีเหตุผลสิ?”

“ประเด็นคือ น้องสาวของประธานหัวโหย้วอย่างเหลียวปี้ซ่ง ไม่ต้องการให้พวกเราร่วมมือกัน ฉันเลยสันนิฐานว่าทั้งหมดน่าจะเป็รเพราะจ้าวเฉียน แต่ยังไม่มีหลักฐานมัดตัวมัน”

“นายบอกว่าน้องสาวของเหลียวปี้ซ่ง? หมายถึงเหลียวปี้เอ๋อร์ใช่ไหม?”

“ใช่ นายรู้อะไรมางั้นเหรอ?”

“เหอะ เหอะ….ซวยจริงๆ! ก็ไอ้จ้าวเฉียนมันเพิ่งส่งน้องชายสามีเธอเข้าคุกไปเดือนกว่า ข้อหาจำหน่ายของละเมิดลิขสิทธิ์ในเกาะซ่งต้าว! ถ้าแกเป็นเธอจะไม่ยกเลิกคำสั่งเหรอ?”

จางหยางหันไปตะโกนด่าจ้าวเฉียนทันควัน คำรมลั่นว่า

“จ้าวเฉียน!! นี่ยังกล้าปฎิเสธอีกไหมว่าไม่ใช่เพราะแก!! ฉันขอถามแกสั้นๆนะ แกใช่ไหมที่ส่งสามีของเหลียวปี้เอ๋อร์เข้าคุก?!”

จ้าวเฉียนพยัดหน้าตอบโดยไม่แม้แต่ปฏิเสธใดๆ

จางหยางกดวางสายโยนโทรศัพท์ทิ้งโดยแรง ชี้หน้าด่าจ้าวเฉียนจ้องตาเขม็ง พลางกล่าวกับฟางนี่ว่า

“ตอนนี้คุณเชื่อสิ่งที่ผมพูดไปรึยังเสี่ยวนี่! ต้นเหตุเป็นเพราะมันอีกแล้ว! จ้าวเฉียน เพราะแกคนเดียวที่ทำให้พวกเราต้องซวย!!”

ฟางนี่กล่าวถามจ้าวเฉียนเจืออารมรน์หงุดหงิดเล็กน้อยว่า

“ทำไมนายถึงตัดสินใจเป็นศัตรูกับคนระดับนี้? นายกำลังทำให้พวกเราถึงทางตันนะ!”

จ้าวเฉียนไม่อยากเปลืองน้ำลายอธิบายกับคนพวกนี้มากเกินไป เขาเพียงพยักไหล่ตอบไปอย่างช่วยไม่ได้ว่า

“เดี๋ยวผมแก้ไขเอง พวกคุณไปดิลกับบริษัทเล่นรอไปก่อน”

หลังจากพูดจบ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างสบายอารมณ์ จ้าวเฉียนผิวปากฮัมเพลงเดินออกไปราวกับทองไม่รู้ร้อน

ทั้งจางหยางกับหวังเฉียงยังคงตะโกนด่าไล่หลัง แต่จ้าวเฉียนไม่แม้แต่สนใจสักนิดและเดินจากไป

หลังออกจากบริษัทแล้ว จ้าวเฉียนก็ส่งข้อความหาเหลียวเซียวหยุน

“ช่วยพาคุณป้าออกมาพบหน้าผมหน่อย”

หลังจากนั้นไม่นาน เหลียวเซียวหยุนก็ตอบกลับมาว่า

“ตอนนี้คุณป้าไม่อยากเจอหน้าฉันด้วยซ้ำ โทรไปก็ไม่รับ ทักไปก็ไม่ตอบ ดูท่าจะยากแล้วล่ะ”

จ้าวเฉียนต้องการลงมือแก้ไขโดยเร็วที่สุด และไม่รอคอยอย่างลมๆแล้งๆแน่นอน เขาจึงรีบพิมพ์ตอบกลับไปทันทีว่า

“อย่างนั้น ส่งเบอร์ของเธอมาเลย เดี๋ยวฉันจะพยายามติดต่อเธอไปเอง ถ้าจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่ปม ตีกระดิ่งจะดังเท่าระฆังได้ยังไง เธอคงอยากคุยกับผมตามตรงมากกว่า”

เหลียวเซียวหยุนรู้สึกว่านี่ก็สมเหตุสมผลไม่น้อย ดังนั้นเธอจึงส่งเบอร์ติดต่อของคุณป้าให้แก่จ้าวเฉียน

จ้าวเฉียนโทรหาเหลียวปี้เอ๋อร์ทันที และเธอก็รับสายกล่าวทักขึ้นว่า

“นั้นใคร?”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มตอบกลับไปว่า

“ผมเอง จ้าวเฉียน ผมต้องการคุยกับคุณแบบส่วนตัว หารือเกี่ยวกับวิธีช่วยบริษัทสามีคุณไง”

เหลียวปี้เอ๋อร์เดือดขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เธอระเบิดอารมณ์ร้ายกรนด่าสาปแช่งตอบาทันทีว่า

“ไอ้สารเลว! แกยังกล้าโทรหาฉันอีกงั้นเหรอ! คิดจะหลอกลวงอะไรอีก!”

จ้าวเฉียนเอ่ยตอบกลับไปว่า

“อย่าเพิ่งใจร้อนไปสิ ผมมีหนทางช่วยเหลือบริษัทสามีคุณจริงๆครับ นี่เป็นโอกาสเดียวของคุณแล้ว พลาดแล้วพลาดเลยนะครับ”

น้ำเสียงกรนด่าหยุดชะงักไปดื้อๆ เหลียวปี้เอ๋อร์เริ่มรวนเรสับสน เพราะถ้าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป บริษัทของเธอกับสามีต้องล้มละลายแน่นอน แต่ทั้งหมดเกิดจากจ้าวเฉียนคนเดียว แล้วเธอจะยอมให้จ้าวเฉียนเข้ามาช่วยได้ยังไง?