บทที่ 284
เฉินโม่เหลือบมองเอียนชิงเฉิงแวบหนึ่ง รู้สึกจำใจเล็กน้อย เดิมทีเขาให้พวกเธอกลับไปตรุษจีนที่บ้านตนเอง แต่เอียนชิงเฉิงไม่ยอม จะตามมาให้ได้

ไม่มีทางเลือก เฉินโม่จึงต้องพาเธอมาด้วย

สำหรับเฉินซงจื่อแล้ว หลี่ซู่เฟินได้เปลี่ยนจากเรียกเขาว่าท่านพรตเฉินเป็นเฉินไต้ซือ

เฉินซงจื่อรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เมื่อเห็นว่าเฉินโม่ไม่แสดงอะไร เขาจึงยอมรับด้วยความจำใจ แต่ทุกครั้งที่หลี่ซู่เฟินเรียกเขาว่าเฉินไต้ซือ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญหาย

มีเฉินโม่อยู่ใกล้ ๆ เขาจะกล้าให้คนอื่นเรียกตนเองว่าไต้ซือได้อย่างไร?

เฉินจิงเย่กลับมาถึงบ้านตอนหนึ่งทุ่มกว่า

เฉินจิงเย่เป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าเหลี่ยมและคิ้วดำเข้ม ท่าทางมีคุณธรรม

หลังจากเวลาหกร้อยปี เขาได้พบพ่อของตนเองอีกครั้ง ทำให้เฉินโม่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

หลังการเกิดใหม่แล้ว ทำให้เฉินโม่เข้าใจว่าความจริงชาติที่แล้วชีวิตของเฉินจิงเย่นั้นเหน็ดเหนื่อยและขมขื่นจริง ๆ ผู้ชายคนหนึ่งต้องการอาศัยความสามารถของตนเอง จนมีผลงาน เพื่อพิสูจน์ตนเองให้พ่อตาเห็น และพิสูจน์ให้คนของตระกูลเฉินแห่งหนานซูได้เห็นถึงความสามารถของตนเอง

แต่เวลาไม่เคยรอใคร และยุคสมัยนี้ไม่เหมาะกับบุคลิกของเฉินจิงเย่ ดังนั้นจนกระทั่งเฉินจิงเย่ตาย เขาก็ไม่สามารถพิสูจน์ตนเองได้

เมื่อเผชิญกับแรงกดดันสองเท่า เฉินโม่จำได้ว่าชาติที่แล้วตอนที่เฉินจิงเย่กำลังจะเสียชีวิต มีความเสียใจอยู่ในสายตาของเขา และเขายังกำชับตนเองต้องประสบความสำเร็จในชีวิต เพื่อให้ตระกูลหลี่แห่งยานจิง และตระกูลเฉินแห่งหนานซูได้เห็น

เมื่อมองใบหน้าที่สงบของพ่อตนเอง เฉินโม่คิดอยู่ในใจ “คุณพ่อ วางใจเถอะ ชาตินี้ผมจะทำให้คุณพ่อสมปรารถนา และให้คุณพ่อพิสูจน์ความสามารถของตนเองต่อหน้าตระกูลหลี่และตระกูลเฉิน!”

“เสี่ยวโม่ พวกคุณกลับมาแล้ว!” เฉินจิงเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมไม่โทรมาล่วงหน้าล่ะ?”

หลี่ซู่เฟินกลอกตาแล้วมองเขา “คุณมีเวลารับสายพวกเราด้วยเหรอ?”

เฉินจิงเย่ยิ้มด้วยความอึดอัดและไม่พูดอะไรอีก

เฉินโม่ยกมุมปากขึ้น เขารู้ว่าแม่ของตนเองเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี ความจริงแล้วหลี่ซู่เฟินต้องการลงทุนที่อำเภอเฟิ่งซานมาโดยตลอด เพื่อช่วยสนับสนุนเฉินจิงเย่ แต่เฉินจิงเย่ไม่ยอม เพราะเขากังวลว่าจะมีคนเข้าใจผิดว่าเขาใช้ตำแหน่งช่วยเหม่ยหวา กรุ๊ป

สิ่งนี้ทำให้หลี่ซู่เฟินรู้สึกพะวงในใจอยู่ตลอดเวลา เธอบอกว่าเขาเป็นคนดื้อรั้น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นค่อนข้างดี

ตอนกลางคืน เวินฉิงและหลี่ซู่เฟินทำอาหารเต็มโต๊ะ และพูดคุยขณะรับประทานอาหาร

เมื่อเฉินจิงเย่รู้สถานะของเอียนชิงเฉิงแล้ว เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

สำหรับสถานะของเฉินซงจื่อล้ว แม้ว่าหลี่ซู่เฟินจะแนะนำแล้ว แต่ด้วยตำแหน่งของเฉินจิงเย่ เขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าใจเรื่องในโลกบู๊ ดังนั้นเขารู้เพียงแค่ว่าเฉินซงจื่อเป็นยอดฝีมือ แต่ไม่รู้ความสามารถเฉพาะของเฉินซงจื่อ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลี่ซู่เฟินให้ความเคารพเฉินซงจื่อ เฉินจิงเย่จึงไม่กล้าละเลยเขาเช่นกัน เขาคารวะเหล้าให้เฉินซงจื่อ ซึ่งทำให้เฉินซงจื่อตกใจจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก และคอยสังเกตสีหน้าของเฉินโม่เป็นระยะ

หลังทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เวินฉิง ซังซัง และเอียนชิงเฉิงไปทำความสะอาดถ้วยชาม ส่วนเฉินซงจื่อพุดคุยกับครอบครัวของเฉินโม่อยู่ในห้องรับแขก

หลังจากพูดคุยกันสักพัก เฉินจิงเย่มองเฉินโม่และกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวโม่ ตอนนี้ลูกก็อายุสิบแปดปีแล้ว ตามกฎของตระกูลเฉินแห่งหนานซูแล้ว ลูกต้องได้รับการทดสอบจากตระกูล”

เฉินโม่รู้เรื่องการทดสอบของตระกูลเฉิน

ตระกูลเฉินเริ่มต้นจากการทำธุรกิจ แล้วเข้าสู่การเมือง โดยมีการวางรากฐานที่ยิ่งใหญ่

ดังนั้นบรรพบุรุษของตระกูลเฉินจึงตั้งกฎว่าเมื่อลูกหลานของตระกูลเฉินมีอายุครบสิบแปดปี พวกเขาจะได้รับเงินทุนเริ่มต้นจากตระกูล และเริ่มเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจ

กฎนี้ตระกูลเฉินเรียกว่า ‘สงครามธุรกิจ’

จำกัดเป็นเวลาหนึ่งปี และจะมีการเปรียบเทียบอย่างเปิดเผยในการประชุมประจำปีที่สอง คนที่อยู่สามอันดับแรกจะได้รับการบ่มเพราะความสามารถจากตระกูล

ตระกูลเฉินแห่งหนานซูยืนหยัดมานานหลายปี และระบบการทำสงครามธุรกิจก็มีบทบาทสำคัญ แม้กระทั่งผู้นำตระกูลเฉินทุกรุ่น ก็ถูกคัดเลือกจากคนที่เป็นอันดับหนึ่งในสงครามธุรกิจ