บทที่ 283
ตระกูลหยางเป็นหนึ่งในหกตระกูลมหาอำนาจ ซึ่งความแข็งแกร่งนั้นไม่อาจจะดูหมิ่นได้ หยางหมิงหยู่คนรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดของตระกูลหยาง ซึ่งเรื่องที่เขาสั่ง ลูกน้องไม่กล้าละเลยอย่างแน่นอน

สามารถกล่าวได้ว่าเขารู้ทุกการกระทำของเอียนชิงเฉิงในช่วงสามปีที่ผ่านมาเป็นอย่างดี

หลังจากหยางหมิงหยู่ฟังรายงานจากลูกน้องแล้ว รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่จองหองของเขา “กล้ารับผู้หญิงของผมหยางหมิงหยู่เป็นสาวใช้ ผมจะคอยดูว่าเขาจะมีกี่ชีวิต!”

เรื่องของการประชุมสูงสุดฮ่านหยางนั้นไม่สามารถปิดบังพวกคนที่มีใจมุ่งมั่นได้

ตระกูลเอียนก็รู้เรื่องนี้ แต่ท่าทางของพวกเขาสงบกว่ามาก

เอียนหม่านชวนพ่อของเอียนชิงเฉิง ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเอียน เมื่อเขารู้ว่าเอียนชิงเฉิงกลายเป็นสาวใช้ของเฉินโม่ เขาโกรธจนหน้าขาวซีด และสั่งว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องนำตัวเอียนชิงเฉิงกลับมาให้ได้

แต่ยังไม่ทันที่คำสั่งนี้จะสั่งออกไป เอียนอานฉงซึ่งเป็นผู้ที่ปกครองตระกูลเอียนอย่างแท้จริง ได้ออกมาขัดขวาง

“ผมเห็นด้วยกับแนวทางของชิงเฉิงเป็นอย่างมาก ในเมื่อเธอสามารถละทิ้งความเย่อหยิ่งของคุณหนูได้ และการขัดเกลาสำหรับเธอแล้วมันเป็นเรื่องดี และผมคิดว่าการที่ชิงเฉิงทำเช่นนี้ เธอต้องมีเหตุผลของตนเอง”

ตามคำกล่าวที่ว่าคนที่เป็นพ่อย่อมรู้นิสัยของลูกตนเอง แต่จิ้งจอกเฒ่าอย่างเอียนอานฉงรู้จักเอียนชิงเฉิงดีกว่าพ่ออย่างเอียนหม่านชวนเสียอีก

เอียนหม่านชวนขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และยังไม่สามารถยอมรับว่าลูกสาวของตนเองที่เป็นคนหนูไปเป็นสาวใช้ให้คนอื่นได้ ซึ่งบุคคลนี้เป็นคู่หมั้นของเอียนชิงเฉิงอีกด้วย ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป จะทำให้ชื่อเสียงของเอียนชิงเฉิงถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

แต่เขาไม่กล้าขัดคำสั่งของเอียนอานฉง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ และสาบานอยู่ในใจว่าต่อไปตอนที่เฉินโม่มาสู่ขอ เขาจะต้องจัดการเขา เพื่อระบายความโกรธแค้นในใจ!

……

มณฑลฮ่านหยาง เมืองอู่โจว อำเภอเฟิ่งซาน

ชุมชนปี้อวิ๋นซึ่งเป็นบ้านของเฉินโม่ และเฉินโม่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายปี มีความทรงจำในวัยเด็กมากมาย

หลังจากเวลาผ่านไปหกร้อยปี เมื่อเฉินโม่ยืนอยู่หน้าประตูชุมชนอีกครั้ง ความทรงจำมากมายก็ปรากฏขึ้นราวกับฉากในหนัง และมันก็เหมือนความฝัน

“คุณพ่อ สบายดีไหม?”

“ถานชิวเซิง สวีจื่อหาว เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนตอนนี้พวกนายน่าจะกำลังเรียนมัธยมต้นในอำเภอเฟิ่งซานอยู่ใช่ไหม?”

เมื่อคิดถึงคนเหล่านี้ เฉินโม่ก็อดยิ้มไม่ได้ คนเหล่านี้เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กที่ดีที่สุดของเขา และพวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ดีที่สุดในโรงเรียนมัธยมต้นอีกด้วย

จนถึงตอนนี้เฉินโม่ยังคงจำท่าทางเรื่อยเฉื่อยของถานชิวเซิงได้ “ฮ่า ๆ ผมแซ่ถาน เกิดช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นพ่อของผมจึงตั้งชื่อว่า ชิวเซิง!”

สวีจื่อหาวที่สุขุมและฉลาด แล้วยังมี เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนที่นิ่งและสง่างาม ได้ยินมาว่าชื่อของเธอนั้น เป็นเพราะแม่ของเธอชอบดูเรื่องโปเยโปโลเยมาก ดังนั้นชื่อของเธอจึงได้รับอิทธิพลมาจากหนังเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเป็นผู้หญิงลึกลับมาก หลังเรียนจบมัธยมปลายแล้วเธอก็เหมือนหายตัวไปจากโลกใบนี้ ไม่เคยได้ยินข่าวของเธออีกเลย เธอเหมือนกับผีผู้หญิงที่อยู่ในหนัง

เฉินโม่และถานชิวเซิงเคยไปที่บ้านของเธอหลายครั้ง ได้ยินเพื่อนบ้านบอกว่าครอบครัวย้ายไปที่อื่นแล้ว

เวลาผ่านไป เฉินโม่และคนอื่นเดินมาถึงประตูบ้านแล้ว

หลี่ซู่เฟินเปิดประตู บ้านนี้มีสามห้องนอนและหนึ่งห้องรับแขก ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ที่ผนังห้องรับแขกมีตัวหนังสือแขวนไว้ ซึ่งเป็นคำว่ายับยั้งตนเองอย่างเคร่งครัดและอุทิศตนเพื่อสาธารณชน!

เพียงแค่มองจากการตกแต่งบ้าน ก็สามารถเห็นคุณลักษณะของเจ้าของบ้าน เหมือนกับเฉินจิงเย่ ยับยั้งตนเองอย่างเคร่งครัดและอุทิศตนเพื่อสาธารณชน สุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวัง

ไม่มีคนอยู่บ้าน หลี่ซู่เฟินบ่นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว พ่อของลูกยังทำงานอยู่อีก ฮึ่ม ดูเหมือนว่าถ้าไม่มีสารวัตรกำนันแล้ว อำเภอเฟิ่งซานก็จะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้”

“เฉินไต้ซือ ชิงเฉิง เชิญพวกคุณนั่งตามสบาย เสี่ยวฉิงไปชงชา!” หลี่ซู่เฟินปฏิบัติต่อซงจื่อและคนอื่น ๆ ด้วยความสุภาพ