บทที่ 282
หลี่ตงหยางยกมือด้วยสีหน้าของเขาจริงจัง “ไม่ได้ ห้ามรบกวนคนที่นั่นจนกว่าจะถึงช่วงเวลาวิกฤตจริง ๆ”

หลี่ตงหยางกล่าวด้วยสายตาเคร่งขรึม “ในเมื่อเด็กเปรตคนนี้มีปรมาจารย์คอยคุ้มครอง ดังนั้นตอนนี้พวกเราเลิกโจมตีเขาด้วยบู๊ชั่วคราวก่อน แล้วใช้พลังของโลกมนุษย์ปราบเหม่ยหวา กรุ๊ปอย่างเต็มที่ ถ้าเด็กเปรตนั้นกล้าเข้ามาแทรกแซงเรื่องของโลกมนุษย์ ผมจะใช้ข้ออ้างนี้ระดมกองทัพไปจัดการเขา!”

หลี่ลี่เหวินและคนอื่น ๆ พยักหน้า และรู้สึกวางใจ ถึงแม้ว่าอาจารย์ของเฉินโม่จะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับกองทัพได้

เพียงแต่ถึงแม้จะระดมกองทัพ เพื่อต้องการจัดการปรมาจารย์บู๊ มันต้องสูญเสียมากเช่นกัน

เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนแล้ว ทหารหนึ่งกองทัพล้อมและปราบปรมาจารย์คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าสุดท้ายปรมาจารย์จะเสียชีวิต แต่กองทัพก็เกือบจะถูกทำลายทั้งหมด ซึ่งในบรรดานั้นยังมีปรมาจารย์ของหน่วยมังกรของหัวเซี่ยอยู่ด้วย

นี่แสดงให้เห็นว่าปรมาจารย์นั้นแข็งแกร่งมาก!

ดังนั้นขอเพียงแค่ปรมาจารย์ไม่ทำอะไรที่อุกอาจเกินไป ทางการมักจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

……

หลิวเมิ่งเหยา คนตระกูลหลิวที่เป็นตระกูลมหาอำนาจของยานจิง วางแผนจะลอบสังหารเอียนชิงเฉิงมาโดยตลอด หลังจากได้รับข่าวจากการประชุมสูงสุดฮ่านหยางแล้ว ทำให้พวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะลอบสังหารเอียนชิงเฉิงอย่างสมบูรณ์

แม้แต่ปรมาจารย์ที่ตระกูลหลี่บูชาก็ยังถูกฆ่าด้วยการโจมตีสองหมัด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปรมาจารย์ที่อยู่ข้างกายเอียนชิงเฉิงนั้นแข็งแกร่งเพียงใด!

ขอเพียงแค่เอียนชิงเฉิงอยู่ข้างกายเฉินโม่ หลิวเมิ่งเหยาก็จะไม่มีโอกาสใด ๆ

ใบหน้าของหลิวเมิ่งเหยาเต็มไปด้วยความโกรธ เขามองผู้อาวุโสบู๊ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความจำใจ และกล่าวด้วยความมึนงง “พี่หมิงหยู่กลับมาแล้ว หวังว่าเขาจะไม่รู้ข่าวของเอียนชิงเฉิง!”

ผู้อาวุโสบู๊ถอนหายใจ “คุณหนู เรื่องแบบนี้ทำได้เพียงทำดีที่สุดเท่านั้น หลังจากนั้นก็แล้วแต่ฟ้าลิขิต! เพราะพวกเราไม่สามารถทำอะไรได้”

ตระกูลหยางแห่งยานจิง ซึ่งเป็นตระกูลมหาอำนาจเช่นกัน

สีหน้าของหยางวั่นเหนียน ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลหยาง เต็มไปด้วยความคาดหวัง เขานำทายาทสายตรงของตระกูลหยาง นั่งอยู่ในห้องโถง เพื่อรอคนรุ่นใหม่ของตระกูลหยางที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดกลับมา

ชายหนุ่มรูปงามที่มีแผลเป็นบนใบหน้า สวมชุดสีฟ้า สีหน้าเย็นชาและจองหอง เดินเข้าไปในห้องโถง

“ผู้นำตระกูล คุณพ่อ คุณแม่ คุณลุงและคุณอาทั้งหลาย ผมกลับมาแล้ว!”

ลูกชายคนที่สองของตระกูลหยางหยางจื้อหย่งและภรรยาหลิวลี่เจินยืนขึ้นด้วยควมตื่นเต้นและเดินไปอยู่ข้างหยางหมิงหยู่พร้อมกัน แล้วทักทายลูกชายตนเองครู่หนึ่ง

“สามปีแล้ว ในที่สุดลูกก็กลับมาแล้ว!” หยางจื้อหย่งน้ำตาคลอเบ้า ส่วนหลิวลี่เจินภรรยาของเขาร้องไห้จนน้ำตาเต็มหน้า

เมื่อนึกถึงเรื่องราวในช่วงสามปีที่ผ่านมา สีหน้าของหยางหมิงหยู่เย่อหยิ่งมากยิ่งขึ้น ดวงตาของเขาแสดงความมั่นใจอย่างแรงกล้า “คุณพ่อ คุณแม่ ถึงแม้ว่าสามปีมานี้จะยากลำบาก แต่ผมมีความก้าวหน้ามากเช่นกัน ตอนนี้ผมถึงระดับแดนในชั้นสูงสุดแล้ว อยู่เหนือหลี่เจ๋อหนึ่งแดน อาจารย์บอกว่าผมมีความหวังที่จะถึงระดับปรมาจารย์ก่อนอายุสามสิบ และบางทีผมอาจจะสามารถทำลายสถิติของหยางติ่งเทียนได้ และกลายเป็นปรมาจารย์อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกฝึกบู๊! ”

“ดีมาก ดีมาก ลูกชายของพ่อเยี่ยมมาก!” หยางจื้อหย่งตบไหล่ที่แข็งแรงของหยางหมิงหยู่ด้วยความตื่นเต้นและหัวเราะเสียงดัง

“เอาล่ะ พวกคุณสองคนถอยไปก่อน จะร้องไห้ทำไมกัน!” หยางวั่นเหนียนผู้นำตระกูลกล่าวเบา ๆ หลังจากหยางจื้อหย่งและภรรยากลับไปที่นั่งของตนเองแล้ว ก็มองหยางหมิงหยู่ด้วยรอยยิ้ม

“หมิงหยู่ เข้ามาใกล้ ๆ ให้ปู่ดูหน้าหลานก่อน!”

“ครับ!” หยางหมิงหยู่ประสานมือแล้วคำนับ จากนั้นเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหยางวั่นเหนียน

“เอาล่ะ ไม่เสียแรงที่เป็นหลายชายที่เก่งที่สุดของหยางวั่นเหนียนครั้งนี้ตระกูลหยางของพวกเรานั้นสามารถกดขี่ห้าตระกูลนั้นได้แล้ว!”

เจ้าใหญ่ เจ้าสาม และคนรุ่นใหม่ทั้งหมดของตระกูลหยาง มองหยางหมิงหยู่ด้วยความอิจฉา แต่พวกเขาทำได้เพียงแค่อิจฉาเท่านั้น ไม่กล้าแสดงความริษยาออกมาแม้แต่น้อย

หลังจากสนทนากันสักพัก หยางหมิงหยู่ก็กลับไปที่ห้องของตนเอง แล้วเรียกลูกน้องที่เก่งของตนเองมาทันที เป็นชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสีดำ

“หมิงหัวรายงานการเคลื่อนไหวในช่วงสามปีที่ผ่านมาของเอียนชิงเฉิงให้ผมฟังทั้งหมด และอย่าให้หลุดแม้แต่น้อย!”

“ครับ! คุณชาย!”