“ห้าร้อยห้าสิบล้านตำลึง” ซั่งกวนฉู่เอ่ยตามมาติดๆ

ผู้ที่เพิ่งเสนอราคาก่อนหน้านี้คือผู้ที่โหมโรง ผู้ที่เสนอราคาขึ้นมาในเวลานี้ต่างหากคือตัวเอกของจริง

กู้ชูหน่วนรู้ว่าอี้เฉินเฟย ซั่งกวนฉู่ รวมถึงเยี่ยจิ่งหานกำลังพยายามอยู่ แต่ไม่รู้ว่าในสามผู้ยิ่งใหญ่นี้ ใครคือผู้ที่อยู่เหนือที่สุด

“หกร้อยล้าน”

“หกร้อยห้าสิบล้าน”

“เจ็ดร้อยล้าน”

ฮือฮา…

ไม่มีใครตะโกนเสนอราคาขึ้นมาอีกนอกจากอี้เฉินเฟยและซั่งกวนฉู่

ไม่ว่าจะอยากได้ไข่มุกสีครามมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็รวบรวมเงินมากขนาดนั้นไม่ได้อยู่ดี

กู้ชูหน่วนเหลือบมองเยี่ยจิ่งหาน

หมอนี่เอาแต่ดูตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้เสนอราคาขึ้นมาเลย เป็นไปได้ไหมว่าเขาคิดจะรอให้อี้เฉินเฟยกับซั่งกวนฉู่สู้กันให้จบก่อนค่อยเสนอราคา

เจ็ดร้อยล้านตำลึงไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ เสียด้วย

เทียบเท่ากับเงินในท้องพระคลังได้แล้วมั้ง

อี้เฉินเฟยเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงจากรัฐหวา ทั้งยังเป็นนักปราชญ์ขงจื๊อลำดับที่สาม นอกจากนี้ยังมีฐานะแอบแฝงที่ไม่เป็นที่รับรู้อีกมากมาย เขาจะมีเงินก็ไม่แปลก

แต่ซั่งกวนฉู่มีอะไร เขาหาเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน

หรือควรจะพูดว่าเขาเองก็มีฐานะแอบแฝงอยู่เบื้องหลังเหมือนกัน

“เจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึง” อี้เฉินเฟยกล่าว

ซั่งกวนฉู่น่าจะกำลังลังเลอยู่จึงไม่ได้เสนอราคาขึ้นมาอยู่พักใหญ่

ทุกคนเข้าใจว่าแขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวห้องนั้นกลัวว่าจะหาเงินมาไม่ได้ จึงคิดจะยอมแพ้

ต่อให้องค์จักรพรรดิเสด็จมาเองก็อาจจะหาเงินเจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึงมาไม่ได้ด้วยซ้ำ

ไม่นานหลังจากนั้น ในห้องส่วนตัวที่อยู่ถัดจากซั่งกวนฉู่ก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า “แปดร้อยล้านตำลึง”

ฮือฮา…

ผู้ยิ่งใหญ่ในห้องส่วนตัวหมายเลขสามคือใครกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะเสนอราคาขึ้นมาถึงแปดร้อยล้านตำลึง

นิ้วที่กำลังเคาะโต๊ะของอี้เฉินเฟยชะงักไปนิดหนึ่ง ทันใดนั้นจิตสังหารก็แผ่ออกมาจากตัวเขา

เผ่าเพลิงฟ้า…

เป็นพวกนั้นอีกแล้ว

ฮึ…

“แปดร้อยห้าสิบล้าน”

“เก้าร้อยล้าน”

“เก้าร้อยห้าสิบล้าน”

ห้องส่วนตัวหมายเลขสามเงียบไป เนิ่นนานกว่าจะตอบมาว่า “หนึ่งพันล้าน”

“หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน”

คนที่สงบนิ่งอย่างเสี่ยวลู่ยังอดเดาะลิ้นไม่ได้

หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน…

นี่คือราคาสูงที่สุดในประวัติการของการประมูลที่หอประมูลเฟิงเซียง

นอกจากนี้… นี่ยังเป็นเพียงแผนที่ไข่มุกมังกรคราม ไม่ใช่ไข่มุกมังกรสีครามจริงๆ หากเป็นไข่มุกมังกรสีครามละก็ การแย่งชิงจะออกมาเป็นรูปแบบใด?

ปึ่ง!

ผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลขสามตบโต๊ะอย่างแรง

ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่งต่างได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ดังมาจากในนั้น “ว่าไงนะ… เงินที่จัดสรรไว้ถูกปล้น ใครที่มันบังอาจขนาดนั้น แม้แต่เงินของพวกเราเผ่าเพลิงฟ้ามันยังกล้าขโมย”

“ดูเหมือน… ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของนิกายเทพอสูรขอรับ”

“นิกายเทพอสูรอีกแล้วรึ ไม่ใช่ว่าส่งคนไปคอยจับตาดูที่นิกายเทพอสูรแล้วหรืออย่างไร เหตุใดจึงปล่อยให้พวกมันทำสำเร็จได้”

“นิกายเทพอสูรร่วมมือกับหอเทียนหวั่ง ข้าน้อย… ข้าน้อยคาดการณ์ผิดพลาด ดังนั้นก็เลย…”

“แล้วตอนนี้ยังมีเงินที่พอจะโยกย้ายได้อีกเท่าไร”

“ไม่มีแล้วขอรับ อย่างมากก็นำมาได้เพียงหนึ่งพันล้าน การจัดสรรใหม่ ต่อให้รีบแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนขอรับ”

“บัดซบ รีบไปรวบรวมเงินมาเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องประมูลไข่มุกสีครามให้ได้”

“ขอรับๆๆ”

อี้เฉินเฟยได้ยิน เยี่ยจิ่งหานได้ยิน ซั่งกวนฉู่ก็ได้ยินเช่นกัน

ประสาทการรับรู้ของกู้ชูหน่วนดีมาก แม้ว่านางจะได้ยินไม่ชัดแต่ก็พอจะเข้าใจความหมาย

หอเทียนหวั่ง?

มันคือองค์กรแบบไหนกันนะ

เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าบนโลกนี้ช่างมีองค์กรอยู่มากมาย

เสี่ยวลู่บิดสะโพกและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แขกผู้มีเกียรติในห้องส่วนตัวหมายเลขเจ็ดเสนอราคาหนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน ยังมีใครให้มากกว่านี้อีกหรือไม่”

ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัด

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าแผนที่ไข่มุกมังกรครามจะต้องตกเป็นของแขกหมายเลขเจ็ด เยี่ยจิ่งหานก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “หนึ่งพันห้าร้อยล้าน”

ฮือฮา…