บทที่ 1284 – เจ้ามิอาจแตะต้องตัวข้า มีเพียงข้าที่แตะต้องเจ้าได้

 

“หืม… ให้ข้าดูแลเจ้าได้ไหม?” ชิงสุ่ยถามด้วยความลังเลเล็กน้อย

 

นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว มันทำให้ถานท่ายหยวนรู้สึกหวั่นไหวก่อนหันไปมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อ นางกำลังสงสัยว่าตนเองได้ยินผิดไปหรือไม่

 

“เจ้าไม่ได้ยินผิดไปหรอก ข้ากล่าวเช่นนั้นจริงๆ เจ้าเป็นหญิงสาวที่สวยงามอีกทั้งยังมีจิตใจดีอีกด้วย ไม่ว่าใครก็ชอบเจ้า ข้ากำลังสัยว่าข้ากำลังเป็นเช่นนั้นด้วยหรือไม่” ชิงสุ่ยกล่าวออกพร้อมรอยยิ้ม

 

“หึ นี่เป็นครั้งแรกสินะที่เจ้ากำลังชมถึงความงดงามของข้า?” หลังจากมองชิงสุ่ยอยู่สักครู่ ถานท่ายหยวนกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ ส่งผลให้เขาสงสัยว่าถานท่ายหยวนกำลังเลี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหานี้

 

เขาพบกับถานท่ายหยวนครั้งแรกเมื่อเขาเดินทางไปยังทะเลใต้ แต่การพบกันครั้งถัดมานั้นทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเศร้าใจเพราะถานท่ายหยวนจำเขาไม่ได้และได้กล่าวว่าไม่ได้สนใจในตัวเขานัก มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกล้มเหลว

 

อย่างไรก็ตามนั่นเป็นสิ่งที่เขาพอจะเข้าใจ เมื่อย้อนกลับไปเขาเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ตัวตนสำหรับนาง แต่เมื่อชายชราจากตระกูลถานท่ายเห็นในฝีมือและยอมรับเขา ทำให้ตัวเขาเองได้เดินทางมายังมหาทวีปอู่เซียตะวันตกพร้อมกับถานท่ายหยวนและค่อยๆกลายมาเป็นเพื่อนกัน

 

ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น ความรู้สึกพวกนี้ก็อาจจะยังไม่ชัดเจน ชิงสุ่ยได้จับมือและกอดนางเอาไว้ในตอนที่ใช้ทักษะย่างก้าวเก้าเทวา แม้ว่าในการฝึกยุทธิ์จะไม่เกิดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แต่สำหรับผู้หญิงบางคนไม่ได้คิดเช่นนั้น

 

ตัวถานท่ายหยวนเองค่อนข้างที่จะยึดถือความสมบูรณ์แบบ นางไม่ต้องการให้เกิดข้อบกพร่องขึ้นในชีวิตของนางและนั่นทำให้นางไม่สานสัมพันธ์กับผู้ใดมาก่อน

 

อย่างไรก็ตามคนเราไม่สามารถควบคุมได้ทุกสิ่งเสมอไป ถ้าถามนางในตอนนี้ว่าตัวนางเองชอบชิงสุ่ยหรือไม่ นางแทบจะตอบได้ในทันทีว่าไม่ชอบ แน่นอนว่านางก็ไม่ได้เกลียดเขาเช่นกัน แต่ถ้าถามนางว่างผู้ชายคนไหนที่นางจะไม่มีวันลืม และแน่นอนว่าคำตอบนั้นต้องเป็นชิงสุ่ย

 

มีคำกล่าวเอาไว้ว่าถ้าคนเราชอบใครสักคน ถ้าไม่สามาถทำให้เขามารักได้ ให้ทำให้เขาเกลียดเรา นั่นเป็นเพราะถ้าหากว่าเขารู้สึกเกลีดเราแล้ว อย่างน้อยเขาก็ยังมีเราอยู่ในความทรงจำ และในบางครั้งความรักและความเกลียดชังสามาถสลับกันได้อย่างไม่รู้ตัว

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้ดีว่าถานท่ายหยวนไม่ได้ชอบเขาแต่ก็ไม่ได้เกลียดเช่นกัน หรือในบางทีอาจจะเกลียดก็เป็นได้ อีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่มั่นใจก็คือนางต้องการจะแต่งงานหรือไม่ หรือว่านางจะชอบผู้ชายที่มีภรรยาอยู่แล้วหรือเปล่า? ดังนั้นเมื่อชิงสุ่ยต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจเล็กน้อย เขารู้ตัวเองดีว่าเขาถูกจัดอยู่ในประเภทชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว เขาถึงไม่อยู่ในฐานะที่พูดถึงเรื่องความรักกับนางได้

 

ณ เวลานั้น ชิงสุ่ยเกิดความสับสนในตนเอง เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรทำเช่นไร ในบางครั้งก็เกิดภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนขึ้นมา

 

“ข้าไม่มีความจำเป็นจะต้องชมผู้ใดในเรื่องความงามหรอก หากผู้ใดที่ไม่งดงามจะให้ชมอย่างไรก็ไม่มีทางงดงามขึ้นมา” ชิงสุ่ยกล่าว เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าถานท่ายหยวนจะตอบคำถามก่อนหน้าหรือไม่ ถ้านางไม่ต้องการชิงสุ่ยก็จะไม่รบกวนอีก

 

ถานท่ายหยวนนึกถึงอาจารย์ ย้อนกลับไปก่อนหน้าเมื่ออาจารย์ของนางได้พบชิงสุ่ยเป็นครั้งแรก อาจารย์ของนางประเมินชิงสุ่ยไว้เป็นอย่างดีและสนับสนุนให้นางออกไปพร้อมกับชายผู้นี้

 

นางไม่ได้รู้สึกว่าอาจารย์ประสงค์ร้ายต่อนาง ในโลกใบนี้ท่านอาจารย์เป็นคนที่หวังดีต่อนางมากที่สุดแล้ว อีกเหตุผลที่ตัวนางเองได้พบกับชิงสุ่ยอยู่บ่อยๆคงเป็นเพราะตัวอาจารย์ของนางเอง

 

“เจ้าจะดูแลข้าเช่นนั้นหรือ?” ถานท่ายหยวนยิ้มและมองไปยังชิงสุ่ย จนกระทั่งสายตาของนางเริ่มกลับมาเป็นปกติ

 

“อืมม! ใช่แล้ว ข้าต้องการดูแลเจ้าไปเรื่อยๆ” ชิงสุ่ยรีบพยักหน้าอย่างรวมเร็วพร้อมกับกล่าวอย่างจริงจัง

 

“เหตุใดเจ้าถึงต้องการดูแลข้าล่ะ?” ถานท่ายหยวนมีท่าทีที่ผ่อนคลายลง

 

“เจ้าได้เห็นร่างที่เปลือยเปล่าของข้าแล้ว แน่นอนว่าข้าย่อมเป็นของเจ้า” หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ ชิงสุ่ยตอบออกมาอย่างจริงจัง เหตุผลที่กล่าวออกมาทำให้ถานท่ายหยวนถึงกับโกรธ

 

ใบหน้าถานถ่ายหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดงแต่นางก็ยังไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ นางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความเคืองและกล่าว “เอาล่ะ ในอนาคตนี้เจ้าจะเป็นของข้า ข้าจะเริ่มยอมรับในตัวเข้า แต่เจ้าต้องเชื่อฟังคำของข้า ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ยอมรับในตัวเจ้า ”

 

“เอาล่ะ เอาล่ะ ถ้าเจ้าต้องการจะใช้ตัวข้า ได้โปรดอ่อนโยนกับข้าด้วย” ชิงสุ่ยใช้โอกาสตอบโต้กลับไป

 

“เจ้าบ้า เจ้าคนพาล”

 

ถานท่ายหยวนมองไปยังชิงสุ่ย ดวงตาของหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

 

“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ในครั้งนี้ข้าจะกล่าวอย่างจริงจังแล้ว ข้าต้องการจะดูแลเจ้าจริงๆ”ชิงสุ่ยรู้ว่านางรู้สึกโกรธในก่อนหน้าและคงไม่มีอะไรที่ทำให้นางโกรธได้มากกว่านี้แล้ว อย่างไรก็ตามหากเขาต้องการทำให้นางสงบลงก็ต้องกล่าวออกไปอย่างจริงจัง

 

“เจ้าคงรู้สึกดีสินะที่คอยเอาแต่แกล้งข้า” ถานท่ายหยวนขมวดคิ้ว หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบและเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์จะไปสู้ชิงสุ่ยได้อย่างไร? ชิงสุ่ยถือคติของตัวเองและปฏิบัติตามอยู่เสมอหลังจากที่เขามายังโลกเก้ามหาทวีปแห่งนี้ ไม่ว่าคติของเขาจะถูกต้องเพียงใดแต่มันก็ยังมีประสิทธิภาพเสมอมา

 

“ข้าจริงจัง ความจริงแล้วเมื่อเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้น ข้าก็คิดมาเสมอว่าจะคอยดูแลเจ้าอย่างไรดี ดูสิ ข้าวาดรูปของเจ้าอยู่ตลอดเวลา” ชิงสุ่ยหยิบรูปวาดออกมาให้นางดู

 

เขาได้ใช้ความงามของนางเป็นจุดอ้างอิง ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการวาดรูปของชิงสุ่ยจัดอยู่ในเกณฑ์ดีและรูปวาดของนางก็ไร้ที่ติ อย่างน้อยที่สุดรูปวาดในมือเขาก็ดูดีกว่ารูปวาดทั้งหมดในชีวิตของเขา

 

ถานท่ายหยวนรู้สึกตะลึงเมื่อมองไปยังรูปวาดทั้งหลายที่เป็นภาพของนาง และมิอาจหาข้อติใดๆได้จากสิ่งเหล่านั้นเลย มีคนกล่าวไว้ว่าหากต้องการวาดรูปผู้ใดให้ออกมาดีเยี่ยมนั้น ผู้วาดจะต้องมีความใส่ใจกับมันไปถึงกระดูกและจิตวิญญาณ มิฉะนั้นจะไม่มีทางสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาได้

 

ถานท่ายหยวนยังไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับชิงสุ่ยมากนัก ในตอนนี้ชิงสุ่ยคอยมองนางอยู่ตลอด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสดใสและนั่นทำให้นางไม่สามารถหาคำมาตำหนิเขาได้เลย เมื่อมองไปยังรูปวาดเหล่านั้น นางถึงกับต้องตกตะลึงอีกครั้ง

 

หลังจากนั้นนางเงยหน้าขึ้นมองชิงสุ่ย นางสังเกตุเห็นว่าการจ้องมองของชิงสุ่ยมีความชัดเจนแจ่มแจ้งและมันทำให้คำพูดของเขาถูกเพิ่มความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นอีก แม้นว่าในครั้งนี้เป็นการพบกันเพียงครั้งแรก นางก็มิอาจลืมความประทับใจที่มีต่อเขาในครั้งนี้ได้

 

ในตอนแรกนางคิดว่าเป็นเพราะอวี้ลู่หยาน แต่ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น นางตระหนักขึ้นมาได้ว่าการที่คนๆหนึ่งได้เห็นการกระทำของคนๆหนึ่งอย่างใกล้ชิด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง และความรู้สึกนั้นจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อเกิดเช่นนี้นานๆเข้า มารู้สึกอีกทีก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เสียแล้ว

 

รูปวาดพวกนี้สามารถพิสูจน์เรื่องเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

 

ชิงสุ่ยมองไปยังถายท่ายหยวน เขารู้สึกได้ว่านางเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องง่ายที่ผู้ชายจะชอบผู้หญิงโดยเฉพาะเมื่อเกิดเรื่องทำนองนั้นแล้วด้วย ชิงสุ่ยได้คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายไล่ตามถานท่ายหยวนแต่ก็ยังไม่ได้รับโอกาสนั้น

 

ชายหนุ่มมักชอบหญิงงาม หญิงสาวที่โดดเด่น หญิงสาวที่อัธยาศัยดี หญิงสาวที่มีสง่าราศี และหญิงสาวที่มีเสน่ห์ และคงเป็นเรื่องดีหากผู้หญิงสามารถแสดงตนว่ามีเสน่ห์ได้

 

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าตนเองเป็นคนที่ไม่แน่นอน เขาสามารถชอบผู้หญิงได้อย่างง่ายดายแต่เขาก็มีความสามารถในการควบคุมมันให้อยู่ในความพอดี แต่ถึงอย่างนั้นก็เกิดความผิดพลาดให้เห็นเสมอซึ่งถานท่ายหยวนเป็นหนึ่งในนั้น

 

ถานท่ายหยวนหยุดชั่วครู่พร้อมกล่าวอย่างเบาๆ “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องตัวข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถแตะต้องตัวเจ้าได้ เว้นแต่ว่าข้าจะอนุญาตเจ้าแล้ว”

 

ชิงสุ่ยอยากจะพูดอีกแต่เขาไม่คาดมาก่อนว่าถานท่ายหยวนจะตอบกลับในทำนองนี้ เขารู้สึกได้ว่าคำพูดของถานท่ายหยวนมีความคล้ายคลึงกับคำพูดของอาจารย์ของนาง

 

“เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว?” ชิงสุ่ยรีบถามขึ้นมา

 

“ฝันไปเถอะ ไม่มีทาง”

 

“เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเราหมั้นหมายกัแล้วน?” ชิงสุ่ยถามอีกครั้ง

 

“อย่าหวังว่าปัญหาของเจ้าจะคลี่คลายได้อย่างง่ายดาย เจ้าเอาแต่พูดว่าอยากจะดูแลข้า ทำไมเจ้าจงใจจะอุ้มข้าตรงไปที่เตียงเพียงอย่างเดียว” ในตอนนี้สายตาของถานท่ายหยวนมีความเย็นชาเล็กน้อย

 

“ถูกแล้ว อย่างที่เจ้าได้กล่าวไป ข้ารู้ดีว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับเจ้า แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าไม่เคยแตะต้องตัวข้าก่อนหรือ ข้าต้องเตือนความจำเสียหน่อยแล้ว” ชิงสุ่ยยังคงแสดงออกอย่างไร้ยางอาย

 

เมื่อเห็นชิงสุ่ยทำตัวเช่นนี้ ถานท่ายหยวนหมดคำจะกล่าว ในพริบตานางก้าวเดินออกไปสองก้าว พร้อมแสดงความกล้าออกมาโดยการจับคอของชิงสุ่ยไว้พร้อมมองไปยังใบหน้าของเขา

 

ทันใดนั้น ชิงสุ่ยถือโอกาสโอบเอวของนางเอาไว้ทันที

 

“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องตัวข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่แตะต้องเจ้าได้ เจ้ากำลังลืมสิ่งที่ได้กล่าวไปก่อนหน้าแล้วเช่นนั้นหรือ?” ถานท่ายหยวนมองไปยังชิงสุ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีแดง

 

ด้วยใบหน้าที่สวยงามของนางอยู่ในระยะที่ใกล้ชิดเพียงนี้ ทำให้เขารู้สึกได้ถึงการหายใจของนางเสียด้วยซ้ำ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่ทำได้เพียงยืนนิ่งๆ

 

ชิงสุ่ยผละมือของตัวเองออกแต่ในไม่ช้าเขาสวมกอดนางไว้อีกครั้ง เขารู้ดีว่าตั้งแต่ถานท่ายหยวนกล่าวคำพูดเช่นนั้น มันหมายความว่านางได้ยอมรับแล้วว่านางเป็นผู้หญิงของเขา อย่างไรก็ตามด้วยความที่นางเป็นผู้หญิงจึงต้องรักษาท่าทีเอาไว้ก่อน

 

ชิงสุ่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าด้วยรูปวาดเพียงสองสามใบจะทำให้ผลเปลี่ยนไปเช่นนี้ มีสิ่งหนึ่งที่ชิงสุ่ยยังไม่รู้ นั่นก็คือถานท่ายหยวนมีความรู้ในเรื่องการวาดรูปเช่นกันแม้จะไม่เทียบเท่าชิงสุ่ย แต่นั่นทำให้นางทราบถึงการวาดของเขา รูปวาดที่มีความสวยงามระดับนี้ไม่ใช่ว่าจะวาดออกมาได้โดยใช้แค่เพียงจินตนาการเท่านั้น แต่ผู้วาดต้องมีความรู้สึกอันลึกซึ้งต่อตัวแบบ สำหรับชิงสุ่ยที่วาดรูปนางออกมาได้อย่างงดงามและปราณีต นั่นทำให้นางเชื่อใจในตัวชิงสุ่ยและยอมรับในตัวเขา

 

ชิงสุ่ยโอบกอดถานท่ายหยวนด้วยความพึงพอใจ นั่นเป็นเพราะนางเป็นผู้หญิงในรูปพวกนั้นและเขาก็ชอบนางมากเสียด้วย เป็นธรรมดาของชายหนุ่มที่มักชอบหญิงงาม แต่อีกเหตุผลก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิบสองเส้นลมปราณสวรรค์ ชิงสุ่ยมีความกังวลว่าจะสามารถจัดการกับเส้นลมปราณสวรรค์ทั้งสิบสองได้หรือไม่

 

เขาไม่ทราบเช่นกันว่าผู้อื่นสามารถชำระสิบสองเส้นลมปราณสวรรค์ได้อย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เขารู้ก็คือในปัจจุบันคนอื่นๆยังไม่สามารถชำรับสิบสองเส้นลมปราณสวรรค์ได้ อย่างไรก็ตามหญิงสาวที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยสามารถชำระหนึ่งในสิบสองเส้นลมปราณสวรรค์ได้ส่งผลให้ได้รับพลังวิญญาณและความสามรถที่เพิ่มขึ่น

 

“ชิงสุ่ย ข้ารู้สึกแปลกๆ”

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ชิงสุ่ยถามเบาๆ

 

“ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างถูกเพิ่มเข้ามาในหัวใจของข้าในตอนนี้”

 

“ใช่ความกังวลบางอย่างรวมถึงความไม่ชัดเจนใช่หรือไม่”

 

“หืมม! เจ้ารู้ได้อย่างไร?!” ถานท่ายหยวนรู้สึกตกใจ

 

“นั่นเป็นเพราะเจ้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับข้า นั่นก็คือ หยวนเอ๋อเจ้ากำลังมีความรัก!” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของชิงสุ่ย ถานท่ายหยวนรู้สึกว่าบางอย่างเกิดขึ้นมาในหัวใจ

 

ในเวลาไม่นานนักอวี้ลู่หยานก็เดินออกมา นางยิ้มให้และมองดูทั้งสองที่กำลังอยู่ในอ้อมกอด เมื่อถานท่ายหยวนมองเห็นอวี้ลู่หยาน นางรีบผละตัวออกจากชิงสุ่ยด้วยความรู้สึกเขินอายพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง

 

อวี้ลู่หยานยิ้มให้พร้อมเดินไปจับมือของถานท่ายหยวนและกล่าว”ข้ารู้ดีว่าวันนี้ย่อมมาถึง น้องหยวนเหตุใดเจ้าจึงต้องเขินอาย? นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี ข้ากลัวเสียอีกว่าเจ้าจะไม่ชอบเขา ”