บทที่ 1285 – โลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์, หนอนไหมมังกรทอง, การพัฒนาของมังกรไอยรา

 

เมื่อถานท่ายหยวนได้ยินสิ่งที่อวี้ลู่หยานกล่าว นางรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันใด ตอนนี้นางชัดเจนแล้วว่าความสัมพันธ์ของนางและชิงสุ่ยได้ก่อขึ้นแล้ว เว้นแต่นางจะตัดสินใจไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต แต่ถ้านางตัดสินใจแต่งงานก็คงเป็นชิงสุ่ยเพียงคนเดียวเท่านั้น ระหว่างนั้นนางนึกถึงคำพูดของอาจารย์ขึ้นมา อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่าอย่างไร? นางจะได้รับผลกระทบอะไรจากคำเหล่านั้นบ้าง?

 

อย่าไรก็ตามมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถานท่ายหยวนมองไปยังรอยยิ้มของอวี้ลู่หยาน ผู้ซึ่งไม่ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเลย นางพบเจอผู้หญิงเช่นนี้มามากมายหลายคน ไม่มีผู้ชายคนใดที่แข็งแกร่งแล้วมีผู้หญิงเพียงคนเดียวและเช่นเดียวกันผู้หญิงที่แข็งแกร่งมักจะไม่แต่งงานกับผู้ชายธรรมดาๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ถึงแม้ผู้หญิงจะแข็งแกร่งเพียงใดก็มักจะต้องใช้ผู้ชายร่วมกับคนอื่นอยู่เสมอ

 

มีคู่ชายหญิงที่แข็งแกร่งไม่กี่คู่บนโลกใบนี้ที่พบรักกันและครองคู่ไปด้วยกันตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามเรื่องเช่นนี้พบเจอได้ยาก

 

ชิงสุ่ยคว้ามือของอวี้ลู่หยานเอาไว้พร้อมทั้งมือของถานท่ายหยวนเช่นกัน พวกเขานั่งลงบนม้านั่งที่ลานบ้าน แม้ว่าปีใหม่จะได้ผ่านพ้นไปแล้วแต่อากาศก็ยังคงหนาวอยู่ มีแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายเป็นอย่างยิ่ง

 

ทั้งสามนั่งลงอย่างเงียมงันโดยไม่มีคำกล่าวใดๆออกมา หญิงสาวทั้งสองต่างพักศีรษะของตนเองไว้บนไหล่ของชิงสุ่ย มีกลิ่นน้ำหอมลอยมาจากร่างกายจากพวกนางทั้งสอง ชิงสุ่ยรู้สึกพอใจจนไม่อาจหาคำบรรยายได้ เขาไม่เคยรู้สึกโชคดีเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต แม้ว่าเขาจะมีเงินทองมากมายแต่ก็ไม่สามาถเทียบได้กับความสุขทางจิตวิญญาณที่เขาได้รับในตอนนี้

 

“ชิงสุ่ย ที่นี่ถือว่าเป็นบ้านหลังหนึ่งของพวกเราใช่หรือไม่?” อวี้ลู่หยานเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้ม

 

“แน่นอน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตข้างหน้า ที่นี่ก็จะเป็นบ้านของพวกเราเสมอ ตราบที่เจ้าต้องการ พวกเราจะเดินทางมาพักผ่อนที่นี่ ณ ที่แห่งนี้ ที่ๆได้บันทึกความทรงจำที่มีค่าเอาไว้” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างมีความสุข

 

เมื่อหญิงสาวทั้งสองได้ยินเกี่ยวกับความทรงจำของชิงสุ่ย พวกนางต่างคิดไปถึงเรื่องแบบนั้น พร้อมกับคิดอีกครั้งว่าใช่ความทรงจำเดียวกันกับของชิงสุ่ยหรือไม่ แต่พวกนางก็ไม่มั่นใจนักว่าชิงสุ่ยหมายถึงในแง่ใด

 

“ถ้าอาจารย์รู้เข้า นางคงจะหยอกล้อข้าเป็นแน่”  ถานท่ายหยวนกล่าวอย่างซึมเศร้าเล็กน้อย

 

“พวกผู้หญิงต้องกลัวอาจารย์หยอกล้อเพียงเพราะได้คู่ครองเช่นนั่นหรือ? พวกเจ้าทั้งสองคงไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกันใช่ไหม?” ชิงสุ่ยมองไปทางถานท่ายหยวนด้วยท่าทีท้อใจ

 

เมื่อเห็นท่าทีของชิงสุ่ย ถานท่ายหยวนยิ้มออกมา “เจ้ายังไม่ใช่ผู้ชายของข้าเสียหน่อย เจ้ากับข้าอาจจะจบลงด้วยการเลิกราก็เป็นได้”

 

“หึ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าคงไม่พอใจสินะที่ยังไม่ได้ข้าเป็นคนรัก เช่นนั่นคืนนี้พวกเราทั้งสามมานอนด้วยกันเถอะ” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวทั้งสองพร้อมกล่าวออกช้าๆ

 

“ฝันไปเถอะ ผู้ชายทุกคนล้วนเป็นคนพาลและจิตใจคิดแต่เพียงเรื่องสกปรก ”

 

 

ในคืนนั้นชิงสุ่ยเข้าไปพักในดินแดนหยกยุพราชอมตะในขณะที่อวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวนนอนด้วยกัน เขาทราบดีว่าพวกนางทั้งสองคงมีเรื่องอะไรให้พูดคุยกันมากมาย

 

หลังจากที่เข้ามายังดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยเริ่มฝึกฝนวิชาที่คุ้นเคยอีกครั้ง มันเป็นเหมือนกับพิธีที่เขาต้องทำทุกครั้ง เขาหยิบขวดที่บรรจุโลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมา ในเวลานี้คงเหมาะสมที่เขาจะได้ใช้มัน

 

ชิงสุ่ยเริ่มเขย่าขวด มีโลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์เพียงสี่หยดถูกบรรจุไว้ข้างใน ด้วยการรับรู้ทางวิญญาณของเขาสามารถบ่งบอกได้ว่าสิ่งนี้ทรงพลังมาก ยิ่งไปกว่านั้นพลังเหล่านั้นเป็นเหมือนสิ่งที่ชิงสุ่ยค้นเคย

 

มังกรเพลิงวัยเยาว์ที่เขาได้พบในอดีตและมังกรมรกตที่เขาพบในจิตสำนึกล้วนมีกลิ่นอายเช่นนี้ เพียงแต่กลิ่นอายไม่บริสุทธิ์เท่ากับสิ่งที่กำลังพบเจอ อย่างไรก็จามนี่เป็นถึงโลหิตแก่นแท้ หรืออีกเหตุผลที่เป็นไปได้ก็คือมังกรที่เขาเคยพบเจอยังไม่ใช่มังกรที่ทรงอำนาจมากที่สุด

 

เนื่องจากสิ่งนี้เป็นโลหิตแก่นแท้ของสัตว์อสูรจำพวกมังกร ดังนั้นมังกรไอยราเกล็ดทองคำควรจะได้มันไปหนึ่งหยด

 

ปรสิตหนอนไหม!

 

ชิงสุ่ยนึกถึงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กชนิดนี้ขึ้นมาทันใด หรือควรจะมอบให้มันอีกหนึ่งหยดด้วย? เมื่อเขากำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขารู้สึกตื่นเต้นและรีบเรียกปรสิตหนอนไหมออกมาทันใด

 

สิ่งเล็กๆเหล่านี้ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเขามังกรที่แหลมคมทั้งสองและร่างกายที่เปล่งแสงสีทองออกมาและแม้ว่าดวงตาของมันจะมีขนาดเพียงเม็ดข้าวเท่านั้น แต่มันก็มีความฉลาดมาก มันกลิ้งไปมาอย่างมีความสุขบนฝ่ามือของชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยเทโลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาหนึ่งหยดและทันใดนั้นเอง กลิ่นอายที่ทรงพลังถูกแผ่ออกมา เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้ก็ลังเลขึ้นมาทันทีว่าควรจะมอบให้ปรสิตหนอนไหมหรือไม่ เพราะว่าร่างกายของมันมีขนาดเล็กกว่าขนาดของโลหิตแก่นแท้อสูรเสียด้วยซ้ำ

 

ชิงสุ่ยใช้ความคิดเพื่อถามปรสิตหนอนไหมว่าต้องการโลหิตแก่นแท้อสูรหรือไม่ถ้าหากเสี่ยงที่จะได้รับอันตราย คำตอบที่เขาได้รับกลับมาคือการกลืนโลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเต็มคำ ทันใดนั้นร่างกายของมันเปล่งแสงสีทองสดใสออกมาและดับไปในทันทีและปรากฏขึ้นอีกครั้งในสระโลหิตแก่นแท้ของเขา

 

ชิงสุ่ยถึงกับต้องตกใจ โลหิตแก่นแท้ในสระโลหิตแก่นแท้ของเขาเริ่มเดือดพล่าน สระถูกเติมเต็มไปด้วยโลหิตแก่นแท้ของชิงสุ่ยและการเคลื่อนไหวของมันทั้งหมดล้วนเกิดจากการเดือดพล่าน

 

เส้นใยโลหิตทองคำอินทนิลดูเหมือนจะเริ่มแข็งแรงและหนาขึ้นแล้ว ชิงสุ่ยต้องตกใจอีกครั้ง พลังทางกายภาพของเขากำลังค่อยๆเพิ่มขึ่้น

 

สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจนั่นก็คือพลังทางกายภาพของเขาถูกเพิ่มขึ้นสองพันเมฆา ถ้าทั้งหมดนี้เพิ่มขึ้นเพียงสองพันเมฆาก็ถือว่าเพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิด แต่การที่พลังทางกายภาพถูกเพิ่มขึ้นสองพันเมฆาทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจ ในก่อนหน้านี้เขารู้สึกได้ว่าเส้นเลือดในร่างกายของเขากำลังพัฒนาขึ้น นี่เป็นผลมาจากการเพิ่มพลังในเลือดของเขา

 

พลังในภาพรวมของเขาถูกเพิ่มขึ้นอีกครั้งทั้งหมดนี้เกิดจากเลือดของเขา ข้อได้เปรียบอีกอย่างหนึ่งที่ได้มาคือการดูดซับและการควบคุมพลังนี่ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับการที่คนเราได้ฝึกฝนร่างกายและมีความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

หนอนไหมมังกรทองที่อยู่ในสระโลหิตแก่นแท้ของเขาดูเหมือนว่าจะเข้าสู่ภาวะจำศีล ทั่วทั้งสระโลหิตแก่นแท้ของเขาจะมีความอบอุ่นเกิดขึ้น ราวกับว่ามันกำลังทำงานร่วมกันเลือดอย่างเป็นธรรมชาติ เขารู้สึกได้เลยว่ามันจะช่วยเพิ่มความสามารถของเขาอย่างไร้ผลกระทบ เมื่อเขากำลังจะเดินทางออกไปก็สังเกตุเห็นหนอนไหมหิมะสองตัวกำลังเคลื่อนไหวอยู่ราวกับว่าพวกมันกำลังมีความสุข ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะโตขึ้นอีกแล้ว

 

หลังจากสังเกตุเห็นหนอนไหมหิมะปกติดี ชิงสุ่ยจึงเดินทางออกมา ดูเหมือนว่าหนอนไหมมังกรทองกำลังจะพัฒนาร่างอีกครั้ง เขามีความสงสัยว่าหนอนไหมมังทองจะออกมาในรูปแบบใดกัน

 

ชิงสุ่ยมีความพอใจเป็นอย่างมาก เขาเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรแห่งสวรรค์และโลกตัวนี้จะโตช้าเสียหน่อย เขารู้สึกได้ว่าเลือดของสัตว์อสูรตัวนี้อาจจะบรรลุไปถึงอีกระดับได้

 

มังกรไอยราเกล็ดของคำร้องออกมาเสียงดังเมื่อมันรับรู้ถึงโลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์ ราวกับว่ามันเป็นมังกรในร่างของช้าง เมื่อเห็นเช่นนี้ชิงสุ่ยไม่ลังเลอีกต่อไป เขาต้องการจะมีพลังที่เพิ่มขึ้นและต้องการเพิ่มความสามารถให้กับสัตว์อสูรของตนด้วย ในเร็วๆนี้มหาทวีปอู่เซียตะวันตกอาจจะต้องสู้รบกับชนป่าเถื่อนจากทางใต้ อาจกล่าวได้ว่าพวกมันทั้งหมดจะใช้สัตว์อสูรเข้าต่อสู้

 

ทั้งหมดก็เพราะพวกมันมีความใกล้ชิดกับสัตว์อสูรและมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับพวกสัตว์อสูร แต่สำหรับพวกมนุษย์ถูกพัฒนามาเป็นสัตว์ระดับสูงแล้ว

 

เมื่อมังกรไอยราเกล็ดทองคำได้รับโลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์ มันได้เปล่งแสงสีทองเฉิดฉายออกมา ในขณะที่มันดูดซึมโลหิตแก่นแท้อสูรศักดิ์สิทธิ์เข้าไปโดยตรง ก็เกิตเหตุการณ์ขึ้นในทำนองเดียวกับหนอนไหมมังกรทองซึ่งดูเหมือนว่าจะมีสายเลือดแห่งมังกรเสียแล้ว

 

โฮ่กกก!

 

มีแสงสีทองสาดส่องออกมาจากร่างของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ร่างกายของมันไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น แต่ความน่าเกรงขามของมันถูกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า ในตอนนี้กลิ่นอายของมันดูเหมือนกับสัตว์อสูรโบราณให้ความรู้สึกที่โหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง

 

กลิ่นอายทรงพลังเหล่านั้นที่ถูกปล่อยออกมาให้รู้ความรู้สึกราวกับว่าโลกและท้องฟ้ากำลังจะถูกฉีกออกจากกัน

 

แสงสีทองค่อยๆจางหายไปปรากฏให้เห็นมังกรไอยราเกล็ดทองคำที่อยู่ในความพึงพอใจ แม้ว่าขั้นตอนเหล่านี้จะเกิดขึ้นในเวลาไม่นานแต่พลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำก็ถูกเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ

 

พลังทางกายภาพของมันถูกเพิ่มขึ้นเก้าหมื่นเมฆาหรือเทียบเท่าเก้าสุริยา

 

ชิงสุ่ยรีบตรวจสอบในทันใด!

 

คชสารผสานมังกร : พลังติดตัว ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทางกายภาพห้าสิบเท่า

 

พลังถูกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล! ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

 

ทักษะเอราวัณโกรธา : เพิ่มพลังโจมตีสามเท่าแบบสุ่มสูงสุดสี่สิบเป้าหมาย

 

จำนวนเป้าหมายที่ถูกโจมตีถูกเพิ่มขึ้นถึงสิบเป้าหมาย นี่เป็นการโจมตีในวงกว้างของมังกรไอยราเกล็ดทองคำเมื่อต้องการโจมตีศัตรูจำนวนมาก วิชานี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีไว้

 

ก้าวพสุธาเอราวัณ : เมื่ออยู่ในจุดที่เหมาะสม จะสามารถเพิ่งพลังโจมตีทางกายภาพได้สูงสุดห้าเท่า และทำให้ศัตรูที่อยู่รอบข้างเป้าหมายหยุดชะงักไม่สามารถเคลื่อนที่ได้

 

ความกล้าหาญของมันถูกเพิ่มขึ้นเช่นกัน ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว ชิงสุ่ยมักใช้วชิระสยบอสูรและก้าวพสุธาเอรวัณของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ อย่างไรก็ตามในครั้งหลังๆพวกเขาได้เปลี่ยนไปใช้วิชาในสายควบคุมแทนซึ่งมันทำให้พลังโจมตีนั้นอ่อนลง แต่หลังจากที่สายเลือดของมังกรไอยราเกล็ดทองคำถูกปลุกให้ตื่นขึ้น พลังของมันได้ถูกเปลี่ยนไปอีกครั้ง ในอนาคตอันใกล้นี้พลังของมันจะถูกแสดงออกอย่างเฉิดฉายเป็นแน่

 

วชิระลี้ภัย : กระโดดข้ามระยะทางสามพันเมตร!

 

ปราณกระบี่วชิระ : ปลดปล่อยปราณโจมตีฝ่ายศัตรูและซ่อนเร้นรังสีฆ่าฟัน ลดความเร็วของศัตรูลงสองในสิบส่วนเป็นระยะเวลาสองชั่วโมง

 

วชิระสยบอสูร : เมื่อใช้วิชานี้ออกมา ศัตรูทั้งหมดในรัศมีหนึ่งพันเมตรถูกลดพลังลงหนึ่งในสิบส่วน สูงสุดห้าสิบเป้าหมาย ระยะเวลาสองชั่วโมง

 

แม้จะไม่มีการเปลี่ยนใดๆในสามวิชาหลังนี้ แต่ชิงสุ่ยก็ยังพึงพอใจ

 

การจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่ง : พุ่งเข้าโจมตีเป้าหมายอย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่มหลังคุกคามได้มากถึงห้าเท่า

 

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในวิชานี้เช่นกัน มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

 

เปลวเพลิงนรกานต์ทมิฬ : เปลวเพลิงใต้ฝ่าเท้าของมังกรไอยราเพิ่มพลังโจมตีสองในสิบส่วน ในเวลาเดียวกันเพิ่มความเร็วกลางอากาศขึ้นสองเท่า

 

เกราะเกล็ดมังกร : เพิ่มพลังป้องกันของมังกรไอยราเป็นสองเท่า เพิ่มพลังทางกายภาพขึ้นซึ่งเป็นพลังพื้นฐานของมังกรไอยรา

 

เมื่อชิงสุ่ยเห็นพลังของเกราะเกล็ดมังกรเขาถึงกับต้องตะโกนร้องออกมา ในตอนนี้มังกรไอยราเกล็ดทองคำมีความแข็งแกร่งทางร่างกายเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเทียบเท่ากับวิหคเพลิงเลยทีเดียว มังกรไอยราในตอนนี้จะไม่แพ้แม่ว่าศัตรูจะเป็นถึงมังกร

 

เมื่อเกราะเกล็ดมังกรทรงพลังมากขึ้น  ชิงสุ่ยรู้สึกถึงบางอย่างที่เกิดขึ้นในจุดตันเถียนของเขา มันเป็นผลพวงที่เกิดจากมังกรไอยรา มังกรไอยราเกล็ดทองคำมีพลังขึ้นกว่าสี่สุริยา และส่งผลให้ชิงสุ่ยมีพลังเพิ่มขึ้นแปดพันเมฆา อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ชิงสุ่ยไม่สามารถรับพลังนั่นได้ทันที เขาต้องเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายตนเองเสียก่อน

 

หลังจากที่ได้พบกับอาจารย์ของถานท่ายหยวน ชิงสุ่ยได้เข้าใจว่ามีผู้คนที่แข็งแกร่งอยู่เสมอและศิลปะการต่อสู้ไม่มีจุดสิ้นสุด เขาจึงต้องฝึกหนักเพื่อให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น หลังจากนั้นเขาจะมุ่งหน้าไปยังอีกสามมหาทวีปที่เหลือ เขาต้องการพบกับคนที่ท่านแม่เคยกล่าวถึง และหญิงสาวอีกคนที่เขาต้องการพบเจอนั่นคือประมุขอสูร

 

หลังจากที่ตรวจสอบสิ่งต่างๆ ชิงสุ่ยถึงกับต้องประหลาดใจที่หินสลักมังกรขดถูกพัฒนาขึ้น พลังป้องกันของสัตว์อสูรจะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่ารวมทั้งวิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำ แต่น่าเสียดายที่ตะเกียงร้อยวิญญาณและกลองสะบั้นสวรรค์ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ

 

หลังจากที่คิดดูแล้ว เมื่อหนึ่งในสามชิ้นนี้ถูกพัฒนาขึ้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี นั่นแสดงให้เห็นว่าอีกสองชิ้นที่เหลือจะถูกพัฒนาขึ้นในเร็วๆนี้ ถ้าหากตะเกียงร้อยวิญญาณและกลองสะบั้นสวรรค์ถูกพัฒนาขึ้น วิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำจะมีพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า

 

ในเวลานี้ มังกรไอยราเกล็ดทองคำมีพลังโจมตีราวๆสี่พันห้าร้อยสุริยาในขณะที่วิหคเพลิงมีสี่พันสุริยา ถ้าหากตะเกียงร้อยวิญญาณและกลองสะบั้นสวรรค์ถูกพัฒนาขึ้นตัวเลขที่เห็นก็จะเพิ่มป็นสองเท่า