ท่านหญิงหย่งจยารู้สึกสันหลังเย็นวาบเมื่ออยู่ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าองค์หญิง สายตาทุกคู่ที่มองมาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน แผ่นหลังเจ็บจี๊ดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ เพราะถูกกลุ่มขันทีและเหล่าองครักษ์คุมตัวออกจากตำหนัก
ณ พระที่นั่งอี้เจิ้ง บรรยากาศตึงเครียด
หนิงซีฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรทอง ด้านล่างฝั่งซ้ายคือสองสามีภริยาทูตต้าสือ ฝั่งขวาคือพระชายาฉิน เยี่ยนอ๋องซื่อหนิงและเจ้าหน้าที่ทูตจากหลี่ฝานย่วนอีกหลายท่าน
ตรงกลางห้องโถงของพระที่นั่งมีลังสินค้าว่างเปล่าวางอยู่หลายอัน ถึงแม้ว่าของข้างในถูกย้ายออกมาหมดแล้ว แต่ไข่แมลงที่ตายแล้วยังมีเมือกเหนียวติดอยู่ที่ไม้บ้างเล็กน้อย
หน้าลังสินค้ามีคนคนหนึ่งถูกมัดมือเอาไว้และคุกเข่าอยู่ ตัวสั่นระริกผิดปกติ หากไม่ใช่เฉี่ยวเย่ว์ที่ออกไปตลาดดอกไม้และนกเมื่อช่วงเช้าแล้วจะเป็นใครได้อีก!
ท่านหญิงหย่งจยายืนอยู่ด้านนอกคานประตูพระที่นั่งอี้เจิ้งและสูดหายใจเข้าลึก ขันทีที่นำทางมองนางด้วยหางตาและกล่าวว่า “ท่านหญิง เชิญเดินหน้าขอรับ”
นางทำใจให้สงบ จัดชายกระโปรงให้เรียบร้อย เปลี่ยนสีหน้า เดินเข้าไปแล้วคุกเข่าลง “หย่งจยาถวายบังคมเสด็จลุงเพคะ” นางพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้มีความหวาดกลัวปะปนอยู่ด้วย นางหันซ้ายหันขวาคล้ายแมวที่ตระหนกตกใจ “เสด็จลุงเรียกหย่งจยาเข้าพบด้วยเรื่องสินค้าการพาณิชย์เมื่อหลายวันก่อนนี่เอง หย่งจยาตกใจมากเลยเพคะ…ตอนที่หย่งจยาอยู่ตำหนักหลวนอี๋ แทบจะไม่ออกนอกประตูใหญ่ ไม่ล่วงข้ามประตูสอง แต่เหตุใดถึงถูกผู้อื่นใส่ร้ายเช่นนี้เพคะ”
ห้องโถงพระที่นั่ง เต็มไปด้วยทูตจากที่ต่างๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นเรื่องทางการ แต่ยังเรียกเสด็จลุงคำแล้วคำเล่า
หน้าด้านเสียจริง ยังกล้ากล่าวหาผู้อื่นก่อนอีก!
อวิ๋นหว่านชิ่นขยิบตา ท่านหญิงหย่งจยาผู้นี้กล้าคิดเพ้อเจ้อแม้กระทั่งกับพี่ชาย จะหน้าด้านเสียหน่อยก็คงไม่น่าแปลก นางจึงได้เตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าด้วยการแจ้งให้เฟิ่งจิ่วหลังรับทราบก่อน และวานให้เขาไปเชิญสองสามีภริยาทูตเข้าวังอีกที
ต่อหน้าคนนอก เรื่องนี้จะต้องจัดการด้วยความโปร่งใสมากที่สุด
แม้ว่าหนิงซีฮ่องเต้อยากออกตัวปกป้องเพียงใด แต่ดูท่าแล้วก็คงยาก หากจะใช้ไพ่แห่งความเห็นใจก็คงยากเช่นเดียวกัน
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ หนิงซีฮ่องเต้เห็นลังไม้สินค้าส่งออกมีหนอนขึ้น เยี่ยนอ๋องจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง และยังพาเฉี่ยวเย่ว์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ทูตจับตัวได้จากการวางกับดักมาถึงหน้าพระพักตร์ แม้ว่าเฉี่ยวเย่ว์กัดฟันแน่นไม่ยอมรับ แต่หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่หลานสาว สีหน้าของหนิงซีฮ่องเต้ก็เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ตอนนั้น
พอได้ยินคำพูดและท่าทีของหย่งจยาที่เต็มไปด้วยความน้อยใจและความไม่ยุติธรรม หนิงซีฮ่องเต้ก็เริ่มเกิดความสงสัย หลานสาวคนนี้อยู่ในสายตาของตนมาโดยตลอด เวลาอยู่ต่อหน้าก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังประพฤติดี แม้ว่าจะเอาแต่ใจตัวเองบ้างเวลาลับหลัง นั่นก็เป็นเพียงอีกหนึ่งนิสัยของนางเอง แต่ไม่น่าถึงขั้นทำเรื่องไม่ดีต่อผู้อื่นแล้วยังไม่มีผลดีต่อตัวเองเช่นนี้ได้
ทำลายการพาณิชย์ของราชสำนักมีผลดีกับนางอย่างไรรึ หนิงซีฮ่องเต้คิดจุดประสงค์การลงมือของนางไม่ออกจริงๆ และตอนนี้ฝ่าบาทใช้น้ำเสียงไม่ได้เคร่งขรึมมาก แค่ยื่นมือออกไปและตรัสว่า “หย่งจยา เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด”
หย่งจยารู้สึกเหมือนยกหินออกจากอก เมื่อเห็นท่าทีของฝ่าบาทยังคงสุภาพนุ่มนวล แล้วนางก็เหลือบมองอวิ๋นหว่านชิ่นหนึ่งที ความสัมพันธ์ฉันท์ลุงกับหลานหรือจะคิดว่ามันปลอมล่ะ เจ้าเป็นแค่คนนอกสายเลือด คิดว่าจะยั่วยุสำเร็จงั้นรึ
ถึงแม้จะหาเถ้าแก่คนนั้นเจอ จับตัวเฉี่ยวเย่ว์ได้ แล้วอย่างไรล่ะ ถ้าข้าไม่ยอมรับซะอย่าง ใครจะทำอะไรข้าได้
และในเวลานั้น สายตาของภริยาทูตทอดไปยังท่านหญิงหย่งจยา ใบหน้าอันงดงามกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คนนี้น่ะหรือที่เป็นคนใส่เข้าไป”
คนตะวันตกเป็นคนพูดจาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
สีหน้าของท่านหญิงหย่งจยาซีดจนต้องรีบคุกเข่าลงฟุบอีกครั้ง นางแอบหยิกเนื้อตรงฝ่ามือของตัวเองหนึ่งที “หย่งจยารับความไม่ยุติธรรมแบบนี้ไม่ได้ เสด็จลุงต้องช่วยหย่งจยานะเพคะ!”
หนิงซีฮ่องเต้เหลือบมองเฉี่ยวเย่ว์หนึ่งทีและขมวดคิ้ว
เฉี่ยวเย่ว์เริ่มตะโกนว่า “ฝ่าบาท เยี่ยนอ๋อง ท่านทูต ท่านภริยาทูต ท่านหญิงของหม่อมฉันไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ นะเพคะ!”
เยียนอ๋องหันไปถามหย่งจยาว่า “การที่พบไข่แมลงในลังสินค้าส่งออก แล้วจำนวนไข่แมลงบังเอิญเท่ากับจำนวนที่ขายออกไปโดยร้านๆ หนึ่งในตลาดนกและดอกไม้ของเมืองหลวงเมื่อหลายวันก่อน เถ้าแก่แซ่ถานยืนยันว่าคนที่ซื้อไปคือสาวใช้ของท่านหญิง แล้ววันนี้สาวใช้ผู้นี้ก็ถูกพวกข้าจับเอาไว้ได้ ในตำหนักของท่านหญิงเลี้ยงนกกระตั้ว เพื่อให้ได้ของที่สดใหม่ ทุกครั้งที่ซื้ออูโถว จะซื้อในปริมาณที่พอเหมาะกับวันสองวัน แต่แล้วเหตุใดครั้งนี้ถึงได้ซื้อจำนวนมากถึงเพียงนี้ หลังจากซื้อเสร็จ เหตุใดถึงบอกเถ้าแก่ว่าห้ามบอกคนอื่น ไม่เช่นนั้นจะปิดร้านของเขาเสีย ท่านหญิงคิดจะทำการอันใดที่ไม่สามารถให้ผู้อื่นรับรู้ได้รึ แล้วอีกอย่าง เถ้าแก่ถานยังบอกอีกว่า เฉี่ยวเย่ว์ไปซื้อในวันแรมสิบ ซึ่งเป็นวันก่อนหน้าที่พระชายาฉินจะส่งสินค้าไปยังหลี่ฝานย่วน ความบังเอิญทั้งหมดนี้ ท่านหญิงจะอธิบายว่าอย่างไร”
ท่านหญิงคิดคำแก้ตัวได้อย่างรวดเร็วและตอบกลับด้วยความหนักแน่นว่า “ฤดูกาลนี้ อากาศหนาวเย็น สามารถเก็บของได้นาน หย่งจยาตั้งใจซื้อไข่แมลงเยอะหน่อยและเก็บรักษาเอาไว้ จะได้ไม่ต้องให้เฉี่ยวเย่ว์ออกไปทุกๆ สองสามวัน ส่วนเรื่องที่จำนวนเท่ากันกับซื้อในวันก่อนส่งของไปยังหลี่ฝานย่วนนั้น…หย่งจยาไม่ทราบจริงๆ เพคะ เรื่องบังเอิญมีอยู่ตั้งมากมาย ถ้าไม่ใช่ แล้วจะมีคำว่า ‘ไม่มีเรื่องราวใดที่ปราศจากความบังเอิญ’ เกิดขึ้นได้อย่างไร หย่งจยาจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเจอเรื่องโชคร้ายเช่นนี้ สั่งให้เถ้าแก่ห้ามพูด? ไม่เช่นนั้นจะปิดร้าน คำขมขู่เหล่านี้ คงต้องลองถามเฉี่ยวเย่ว์แล้วล่ะ หย่งจยาไม่เคยพูดเช่นนี้กับเถ้าแก่คนนั้นเลย! แม้นจะเคยพูด แต่จากคำบอกเล่าเพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียว มันจะยืนยันได้อย่างไรกันเพคะ” นางพูดพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเป็นเม็ดๆ ใบหน้าที่ถูกดูแลมาอย่างดีจนขาวเนียนนุ่ม ไม่เคยต้องถูกลมฝุ่นเปรอะเปื้อน เวลานี้ยิ่งดูน่าทะนุถนอมมากกว่าเดิมเสียอีก
โอ้โห ฉลาดนักนะ ปากก็ช่างพูดเสียเหลือเกิน
อวิ๋นหว่านชิ่นเม้มปาก จากนั้นก็เริ่มเปล่งเสียงออกมาจนดังก้องไปทั่วพระที่นั่ง “แล้วอูโถวที่ท่านหญิงซื้อกลับมามากมายอยู่ที่ใดเพคะ ในตู้แช่เย็นตำหนักองค์หญิงรึ เรื่องนี้คงจัดการไม่ยาก ไปตรวจดูเสียหน่อย ก็จะยืนยันความบริสุทธิ์ของท่านหญิงได้เลย ทหาร ไปหา—”
ท่านหญิงหย่งจยามีกิริยาลุกลี้ลุกลนทันทีที่เห็นองครักษ์เตรียมย่ำเท้าออกไปตรวจดู นางชี้ไปที่เฉี่ยวเย่ว์และพูดขัดขึ้นมาว่า “—วันนั้นเฉี่ยวเย่ว์นำไข่ไปเก็บที่ตู้แช่เย็น นางไม่ทันระวังจนหกล้มลงที่พื้น ไข่แมลงยั้วเยี้ยจะเก็บขึ้นมาได้อย่างไร แถมยังเปื้อนฝุ่นอีก ก็เลยเททิ้งทั้งหมด!”
อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มอย่างมีเลศนัยมากกว่าเดิม “ท่านหญิงลืมไปหรือเปล่าว่าตำหนักองค์หญิงไม่มีตู้แช่เย็น ข้าก็แค่พูดขึ้นมาลอยๆ ท่านหญิงจะนำไปเก็บที่ตู้แช่เย็นตำหนักองค์หญิงได้อย่างไรกัน”
ทันทีที่เยี่ยนอ๋องปรบมือและหัวเราะฮ่าๆ เจ้าหน้าที่หลี่ฝานย่วนหลายคนก็อดขำไม่ได้เช่นกัน แต่หนิงซีฮ่องเต้กลับแสดงสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิม จนทำให้แต่ละคนต้องกลั้นขำไว้ก่อน
ร่างกายของท่านหญิงหย่งจยาสั่นระริก นี่นางวางกับดักให้ตัวนางเองหรือนี่!
นางถอนหายใจเฮือกอยู่หลายครั้ง จากนั้นใช้แขนเสื้อปาดคราบน้ำตาโดยไม่ส่งเสียงใดๆ “ข้าหมายความว่า ตอนที่เฉี่ยวเย่ว์นำไข่ไปแช่ในตู้แช่เย็นของพระราชวัง นางไม่ทันระวังจนพลิกคว่ำหมด”
เฉี่ยวเย่ว์ช่วยเจ้านายพูดต่อว่า “เป็นเช่นนั้นเพคะ ตอนที่หม่อมฉันนำอูโถวไปเก็บ หม่อมฉันเร่งรีบไปหน่อยจนทำมันพลิกคว่ำ หม่อมฉันก็เลยเททิ้งทั้งหมด”
อวิ๋นหว่านชิ่นวางมือบนโต๊ะด้านข้าง แคะเล็บเบาๆ ยิ้มและกล่าวว่า “อ่อ ความบังเอิญของท่านหญิง เรื่องแล้วเรื่องเล่า ช่างเยอะเสียจริงนะเพคะ”
ท่านหญิงหย่งจยาทำท่าอกผายไหล่ผึ่งและหัวเราะอย่างเย็นชา ครานี้ถึงทีข้าโต้กลับบ้างแล้วล่ะ “ทั้งหมดล้วนแต่มีข้อสงสัย ถ้าจะลงโทษข้าด้วยหลักฐานเพียงเท่านี้ ถ้าเช่นนั้นกฎหมายของต้าเซวียนก็คงง่ายไปหน่อยกระมัง! ดั่งคำโบราณที่เคยกล่าวไว้ว่า จับโจรและคนชั่วร้ายต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ในเมื่อในลังสินค้ามีหนอนอยู่ อย่างน้อยพระชายาก็ควรหาหลักฐานที่ข้าปล่อยหนอนเข้าไปไม่ใช่หรือ วันนี้สิ่งที่พระชายากล่าวทั้งหมดล้วนแต่เป็นการคาดเดา หาได้มีสิ่งใดเป็นหลักฐานประจักษ์ไม่!”