ตอนที่ 128 กลอุบายของจ้าวเหวินเทา

จ้าวเหวินเทาเก็บของมีค่าอย่างมีความสุขโดยไม่ทันได้เห็นว่าด้านล่างของคันนาข้างทุ่งนา คุณพ่อจ้าวก็กำลังมองดูเขาเก็บของอยู่

คุณพ่อจ้าวเองก็ได้ยินมาว่าลูกชายของเขาแบกพลั่วเหล็กไปปรับหน้าดินในแปลงนาแล้ว เขาจึงเดินมาดู ก่อนหน้าเขาเดินไปยังที่ดินติดแม่น้ำก็พบว่าที่นั่นถูกปรับเรียบร้อยแล้ว แต่แค่เห็นก็ทราบแล้วว่าฝีมือระดับนั้นไม่ใช่ผลงานของลูกชาย ถึงอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าลูกชายของตนเองเป็นอย่างไร

ผลลัพธ์ที่ได้ตอนมาดูที่ดินบนเขา อืม นี่แหละถึงจะเรียกว่าระดับความสามารถของลูกชาย

เพราะการปรับหน้าดินของแปลงนานี้ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ไม่ปรับเลย ชนิดที่ว่าเขายังต้องผ่านความพยายามอีกรอบ เขาต้องตามเก็บกวาดให้เจ้าเด็กบ้านี่ตั้งแต่ยังเด็ก คุณพ่อจ้าวย่อมเคยชินอยู่แล้ว

จากนั้นก็เห็นเจ้าลูกชายกำลังเก็บของอยู่

ของที่เจ้าเด็กบ้าเก็บนั้นเป็นประกายแวววาว คุณพ่อจ้าวตาดีมาก แค่เห็นก็ทราบแล้วว่ามันคืออะไร นั่นเกรงว่าคงเป็นแหวนทองสินะ?

สีหน้าของเขาเกิดความซับซ้อนขึ้นทันใด

ตอนที่เขาพาลูกชายลงนาไปทำงานตอนเด็ก ๆ ลูกชายย่อมไม่ทำงานอยู่แล้ว ทั้งยังวิ่งว่อนไปทั่วไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ

แต่ตอนที่กลับมาก็จะเก็บของมาด้วยเป็นครั้งคราว ของใหญ่ ๆ ก็จะเป็นพวกสัตว์ป่า ไก่ป่าและเป็ดป่า ส่วนของชิ้นเล็กก็จะเป็นพวกไข่ไก่ป่าและไข่เป็ดป่า ลูกบ้านอื่นน้อยคนมากที่จะเก็บได้ แต่เขากลับทำได้

แต่ลูกชายไม่ได้เก็บกลับมาแค่ของกินเท่านั้น ยังมีแหวนเงินแหวนทอง และสร้อยคออะไรพวกนั้นด้วย

เขารู้ดีว่าพวกคนแก่ที่อยู่รอบหมู่บ้านคุ้นชินกับการนำของเหล่านี้ไปลงนาด้วย บางครั้งก็ทำหล่นหายไป

ยังมีเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนำของเก่าเหล่านี้ของปู่กับย่าออกมาเล่น เล่นไปเล่นมาก็ทำหาย การที่จะเก็บได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่ก็ไม่เคยเห็นใครเก็บได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่สรุปเรื่องนี้ว่าเป็นเพราะความโชคดีของลูกชาย

คงเป็นเพราะการรณรงค์เพื่อทำลายของเก่าทั้งสี่และแต่งตั้งของใหม่ทั้งสี่[1] ในตอนนั้น ของเก่าเหล่านี้หายไปเหล่าคนแก่ก็ไม่กล้าส่งเสียงพูด เพราะกลัวว่าจะสร้างปัญหา

หลายปีมานี้ของเก่าเหล่านี้จึงพบเห็นได้น้อย ได้ยินมาว่าเป็นของมีราคา มีคนเก็บของเหล่านี้โดยเฉพาะ มีบางอย่างสามารถขายได้ถึงร้อยหยวน

คุณพ่อยืนดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ก็ทราบว่าลูกชายเก็บมาได้ไม่น้อย ภายในใจรู้สึกแปลกใจ ของเหล่านี้มาจากไหนกันนะ?

ลูกชายจับฉลากได้ที่ดินแสนธรรมดา จนเขาเองก็รู้สึกเหนือความคาดหมาย เจ้าเด็กบ้านี่ไม่เคยโชคไม่ดีมาก่อนเลย

ตอนนี้มาดู ๆ แล้ว เยี่ยมเลย โชคดีรออยู่ที่นี่นี่เอง!

คุณพ่อจ้าวไม่ได้ส่งเสียง เขาแบกพลั่วเหล็กกลับบ้านไปแล้ว

จ้าวเหวินเทาเองก็ไม่ได้เห็นพ่อของเขา ยังคงตั้งใจออกตามหาสมบัติ จนกระทั่งไม่เจออะไรแล้วจึงหยุดหา

สภาพหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแบบนี้นับว่าเหนื่อยมาก จ้าวเหวินเทาจึงหาจุดที่ลมไม่ผ่านเพื่อนั่งพัก และเขาก็นึกถึงช่วงวันเด็กที่เก็บของเหล่านี้ได้

เขาจำได้ว่าตัวเองเคยหากล่องหนึ่งใบมาใส่ไว้ แต่ฝังไว้ตรงไหนแล้วนะ? ฝังไว้ตรงไหนเขาก็แอบลืมไปแล้ว หากวันนี้ไม่ได้เก็บของเหล่านี้ได้เขาคงนึกไม่ออกแล้ว

ตอนเด็กที่เก็บได้ก็ไม่ได้เยอะขนาดนี้ ของเหล่านี้ในวันนี้ต้องเป็นของที่มีคนทำหล่นแน่นอน

จ้าวเหวินเทาคิดพลางลุกขึ้นกวาดตามองรอบ ๆ ก็พบว่ามีลมตะวันออกเฉียงเหนือเป่าพัดผ่านอยู่ ไม่มีแม้แต่เงาของมนุษย์ เขาจึงสบายใจลงเล็กน้อย ลูกชายโง่อย่างเขาคนนี้ไม่รู้เลยว่าพ่อของเขาเพิ่งจะเฝ้าดูต้นทางให้

หลังจากลงมาจากคันดิน เขาก็ทำการถอดชุดฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ด้านในออกมา สวมเพียงเสื้อแจ็คเก็ตผ้าฝ้าย ผูกปมทั้งสองข้างที่แขนเสื้อ จากนั้นก็ผูกปมที่ชายเสื้อด้านล่างด้วย เขานำของเหล่านั้นที่ใส่ด้านในคอเสื้อเมื่อก่อนหน้านี้ใส่เข้าไปแล้วห่อให้เรียบร้อย

จากนั้นจึงใส่ห่อของเข้าไปในเสื้อแล้วเดินเข้าป่า หาสถานที่ลับตาคนแต่ทำสัญลักษณ์ไว้ ทำการฝังลงไปลึก ๆ และกลบร่องรอยให้เรียบร้อย จึงจะเดินแบกพลั่วเหล็กออกมา

เขาไม่ได้ปรับหน้าดินคันนาแล้ว แต่กลับเข้าหมู่บ้านทันที ทั้งยังเดินมาจากอีกด้านหนึ่งอย่างชาญฉลาด

นี่ไม่ใช่การเก็บของได้เหมือนกับตอนเด็กแล้วที่จะไม่มีคนมาตามหา ต่อให้มาหาจะยอมรับหรือไม่ก็ไม่เป็นอะไร

ตอนนี้ไม่ได้แล้ว เขาคาดว่าหากเก็บของที่หาได้ในวันนี้ไม่ดีมันอาจจะสร้างปัญหาให้ตัวเองได้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะไม่นำกลับบ้าน เก็บไว้ด้านนอกไปก่อน รอดูว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรแล้วค่อยว่ากัน!

จ้าวเหวินเทาเป็นคนมีกลอุบายที่เปลี่ยนได้อย่างว่องไว เขาไม่ได้นำของกลับบ้านทันที แต่นี่ก็ยังดูเหมือนจะขาดอะไรไป

ตอนที่เพิ่งเข้าหมู่บ้าน ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบเดินเข้ามา ครั้นเห็นเขาจึงเอ่ยปากเรียก “พี่จ้าว!”

“หม่าเสี่ยวลิ่ว นายจะไปไหนเนี่ย?” จ้าวเหวินเทาเห็นเขาดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา อยากนอนก็มีคนยื่นหมอนมาให้ ต้อนรับอย่างกระตือรือร้นเชียว

หม่าเสี่ยวลิ่วได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝัน จ้าวเหวินเทาแค่กล่าวทักทายแบบสบาย ๆ แต่กลับทำให้เขาดีใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาทราบดีว่าจ้าวเหวินเทาออกไปค้าขาย ทั้งยังซื้อรถที่ใช้น้ำมันด้วย

นอกจากนี้ยังจ้างคนไปทำนา แม้แต่ตนเองก็ไม่ไปด้วยซ้ำ สานสัมพันธ์กับเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

“พี่จ้าว ไม่มีอะไรหรอก คันไม้คันมือนิดหน่อย ว่าจะไปเล่นที่หมู่บ้านตะวันตกน่ะ” หม่าเสี่ยวลิ่วเดินเข้ามา หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าหนึ่งซอง จากนั้นจึงยื่นให้จ้าวเหวินเทาหนึ่งมวน

จ้าวเหวินเทารับมาอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าหนูนายนี่ใช้ได้เลยนะ สูบบุหรี่กับเขาแล้วด้วย!”

“จะไปสู้พี่จ้าวได้ไงล่ะ!” หม่าเสี่ยวลิ่วหยิบไม้ขีดออกมาจากกระเป๋าหนึ่งแท่งเพื่อจุดไฟให้จ้าวเหวินเทา และจุดให้ตัวเขาเองด้วย “พี่จ้าว พี่ไปทำอะไรมาเหรอ?”

“ไปปรับหน้าดินที่แปลงนามา” จ้าวเหวินเทาสูบหนึ่งครั้ง กล่าวด้วยท่าทางนิ่งสงบ “นี่ก็ยุ่งจะแย่แล้ว ฉันยังลงไปทำนาเลย นายยังไปเที่ยวเล่นอีกเหรอ?”

หม่าเสี่ยวลิ่วมองพลั่วเหล็กของจ้าวเหวินเทา พลั่วเหล็กที่อีกฝ่ายใช้ทำสวนสกปรกสักเท่าไรกันเชียว?

เหล็กพลั่วอันนี้สะอาดกว่าหน้าเขาเสียอีก ทั้งยังสะท้อนแสงด้วย ภายในใจก็รู้สึกมีความสุข ว่าแต่เขา ตัวเองก็ไม่ได้ดูเหมือนคนไปปรับหน้าดินเหมือนกันนั่นแหละ

“ในบ้านทุกคนยุ่งกันหมด ผมก็เลยไม่ต้องช่วยแล้ว” หม่าเสี่ยวลิ่วชะโงกหน้าเข้ามาพูด “พี่จ้าว สนใจหรือเปล่า เราไปเล่นกันสักหน่อยไหม?”

“ตอนนี้เนี่ยนะ? ปลอดภัยเหรอ?” จ้าวเหวินเทาแสดงเจตนาแต่ก็ไม่กล้า

ก่อนหน้านี้คนที่เล่นไพ่จะถูกจับ และจับขั้นร้ายแรงด้วย

“จะไปมีอะไร? คนกันเองทั้งนั้น” หม่าเสี่ยวลิ่วรีบกล่าว “อีกอย่าง พวกเราเองก็เล่นไม่เยอะด้วย”

จ้าวเหวินเทากระซิบ “พวกนายเล่นอะไรกัน?”

หม่าเสี่ยวลิ่วพูดเสียงทุ้มต่ำ “ตอนนี้นิยมเล่นไพ่ป๊อกเก้ากัน เล่นง่ายมาก ตาละหนึ่งเหมา”

“โห เยอะมากเลยนะ” จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ

“สำหรับพี่จ้าว หนึ่งเหมายังเยอะอีกเหรอ? บางที่เล่นตั้งห้าเหมา” หม่าเสี่ยวลิ่วกล่าว

“จริงสินะ ถ้าเล่นชนะก็ได้เงินเร็วมากเหมือนกัน” ดวงตาจ้าวเหวินเทาบังเกิดไฟร้อนผ่าว

หม่าเสี่ยวลิ่วรู้สึกว่าเริ่มมีหวัง จึงพูดเสนอต่อไปว่า “ใช่ไง ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับดวงในมือพี่ มือขึ้นระยะเวลาไม่กี่วันก็ชนะทั้งบ้านแล้ว! พี่จ้าว ดวงของพี่ขึ้นชื่อในหมู่บ้านของเราเลยนะ”

“นายพอเถอะ ถ้ามือของฉันมันดีขนาดนั้นฉันจะจับฉลากได้ที่ดินพวกนั้นเหรอ” จ้าวเหวินเทากล่าว จากนั้นพูดด้วยความลำบากใจ “เงินของฉันอยู่กับภรรยา ในกระเป๋าฉันมีเงินนิดเดียวเอง หรือว่านายจะรอฉันสักแป๊บไหม? ฉันจะไปเอาเงินที่บ้าน”

หม่าเสี่ยวลิ่วทำหน้าที่หาคนมาเล่น คนแบบจ้าวเหวินเทาเขาเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว

ครั้งแรกกลับไปบ้านแล้วค่อยหยิบเงินออกมาเล่น คงไม่ได้ออกมาแน่นอน มีเหรอที่คนในบ้านจะให้ออกมา?

“พี่จ้าว เอางี้ ในกระเป๋าฉันมีเงินอยู่ ฉันให้พี่ยืม ถึงเวลานั้นถ้าพี่ชนะก็ค่อยคืนฉัน ใช้โอกาสตอนที่ยังเช้าพวกเราไปเล่นกันสักสองสามตา ชนะแล้วก็ยิ่งดีเลย แต่ถ้าแพ้ก็ไม่เป็นไร กลับบ้านไปกินข้าว แล้วค่อยเอาเงินมาคืนฉันก็ได้” หม่าเสี่ยวลิ่วแย้มยิ้ม

“เอาสิ” จ้าวเหวินเทาดีใจมาก เขาอัดควันบุหรี่เต็มปอด ก่อนจะโยนทิ้งบนพื้นแล้วดับไฟ “ฉันไม่ปิดบังนายนะ ฉันเองก็ไม่กล้าไปขอเงินจากภรรยาจริง ๆ นั่นแหละ”

“พวกผู้หญิงจะไปเข้าใจอะไร ชอบแต่ดูแลเรื่องของผู้ชาย น่ารำคาญจะตาย! ไปเถอะ!” หม่าเสี่ยวลิ่วกล่าว

จากนั้นทั้งสองคนก็เดินกอดคอไปที่หมู่บ้านตะวันตกด้วยกัน

…………………………………………………………………………………………………………………………

[1] การรณรงค์เพื่อทำลายของเก่าทั้งสี่และแต่งตั้งของใหม่ทั้งสี่ (破四旧立四新) ในการชุมนุมของยุวชนแดง หลิน เปียวได้เรียกร้องให้ทำลายสิ่งเก่าทั้งสี่ ซึ่งได้แก่ ขนบธรรมเนียมเก่า, วัฒนธรรมเก่า, นิสัยใจคอเก่า ๆ และความคิดเก่า ๆกระแสปฏิวัติได้พัดพาประเทศไปราวกับพายุ โดยยุวชนแดงเป็นนักรบที่โดดเด่นที่สุด การเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับ “ของเก่าทั้งสี่” ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย เช่น การเปลี่ยนชื่อถนน สถานที่และแม้แต่ชื่อผู้คน โดยทารกที่เกิดมาจะมีชื่อที่สอดคล้องกับ “การปฏิวัติ” แต่กิจกรรมด้านอื่นๆ ของยุวชนแดงมีลักษณะเป็นการทำลายล้างมากกว่า โดยเฉพาะในขอบเขตวัฒนธรรมและศาสนา โบราณสถานหลายแห่งทั่วประเทศถูกทำลาย รวมถึงสุสานและสิ่งประดิษฐ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ห้องสมุดที่เต็มไปด้วยตำราทางประวัติศาสตร์และหนังสือต่างประเทศถูกทำลาย หนังสือถูกเผา วัด โบสถ์ มัสยิด อารามและสุสานถูกปิด เป็นต้น

สารจากผู้แปล

บุญเก่าเยอะจริง ๆ เหวินเทาเอ๊ย ขนาดพ่อยังให้ท้ายอย่างลับ ๆ เลย

ริจะเล่นการพนันไปถามฉูฉู่ก่อนนะว่าจะให้ไปเล่นไหม

ไหหม่า(海馬)