ชิงผลวิญญาณ

 

 

 

มนุษย์ยักษ์ที่อยู่ตรงข้ามมีสีหน้าเ**้ยมโหดฉายแวบผ่าน มือหนึ่งเคลื่อนไหว ชั่วขณะนั้นพลันกำกระบองสีดำบนบ่าเอาไว้ ลูกตาบนร่างเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกะพริบตาปริบๆ

 

 

เมื่อดวงตาจำนวนมากบนร่างเคลื่อนไหวพร้อมกัน ไม่ว่าผู้ใดก็อดที่จะขนพองสยองเกล้าไม่ได้

 

 

หานลี่ที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนั้น กลับรู้สึกยินดี กั้นลมหายใจ

 

 

ขอแค่เจ้าสองตัวที่อยู่ด้านล่างลงมือสู้กัน แผนของพวกเราก็จะง่ายขึ้นโดยอัตโนมัติ

 

 

เสียง “ปัง” ดังขึ้น กิ้งก่าอ้าปากออก เงาสีแดงสดสายหนึ่งพุ่งออกมา จากนั้นโคลนใต้กรงเล็บยักษ์ก็ระเบิดลำแสงสีเงินออกมา

 

 

เงาสีแดงสดหายไป ถูกของประหลาดๆ ทะลุผ่านออกมาจากดิน แล้วร่อนลงบนพื้น

 

 

หานลี่ใจหายวาบ จ้องเขม็งไป ถึงพบหุ่นเชิดสีเงินร่างมนุษย์หัวเป็นมังกรวารี

 

 

แต่แค่หุ่นเชิดตัวนี้ถูกลิ้นยาวๆ ที่น่ากลัวของกิ้งก่ายักษ์ทะลวงผ่านกึ่งกลางลำตัว ทันใดนั้นร่างกายก็ระเบิดออก กลายเป็นกองเศษเหล็กกองหนึ่ง

 

 

ดูแล้วชั่วพริบตาที่หุ่นเชิดนี้ลงมือก็คงจะเผยร่องรอยออกมา จึงถูกกิ้งก่ายักษ์พบเข้าแล้วจึงถูกทำลายทิ้ง

 

 

ถึงแม้ว่ามนุษย์ยักษ์พันตาที่อยู่ตรงข้ามจะมีสติปัญญาไม่สูงนัก แต่เมื่อเห็นการกระทำเช่นนั้นก็ตกตะลึง ทันใดนั้นพลันกลอกลูกตาบนร่างไปมา เปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนถูกพ่นออกมาจากดวงตา

 

 

เสียงครืนดังขึ้น หุ่นเชิดอีกตัวที่อำพรางตัวอยู่ใต้ร่างยักษ์ถูกเส้นไหมสีดำเจ็ดแปดสายทะลวงผ่านเช่นกัน

 

 

ไม่รู้ว่าเส้นไหมเหล่านี้คืออะไร หลังจากนั้นแยกตัวออกเป็นทั้งสี่ด้านแล้ว ก็สับหุ่นเชิดสูงสองสามจั้งออกเป็นชิ้นๆ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งจนไม่มีสิ่งใดต้านทานได้

 

 

เมื่อเห็นฉากนี้ หานลี่พลันสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง สายตาเปล่งประกายไม่หยุด

 

 

ดูแล้วความอันตรายในภารกิจนี้คงจะเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทว่าผลเห็ดมังกรเกี่ยวข้องกับสมุนไพรระดับหลอมสุญตาในวันข้างหน้า ต่อให้อันตรายมากกว่านี้ เขาก็มีเพียงต้องทำใจดีสู้เสือเสี่ยงดูอีกครั้งแล้ว

 

 

ถึงอย่างไรเสียขอแค่มีเมล็ดของสมุนไพรชนิดนี้ เขาก็สามารถเร่งการเจริญเติบโตของมันอย่างไร้ขีดจำกัดได้

 

 

เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่ก็เยือกเย็นขึ้นอีกครั้ง

 

 

หลังจากมนุษย์ยักษ์แค่นเสียงข่มออกมาจากปาก ก็วางกระบองยักษ์ลงไปบนบ่าอีกครั้ง

 

 

กิ้งก่ายักษ์จ้องเขม็งไปยังมนุษย์ยักษ์แวบหนึ่งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ร่างกายเคลื่อนไหว หมอบลงไปบนพื้นดินอีกครั้ง สัตว์ประหลาดยักษ์ทั้งสองตัวกลับมายืนกรานใส่กันเหมือนก่อนหน้าอีกครั้ง

 

 

ทว่าหานลี่กลับจ้องไปด้านล่างเขม็ง ไม่กล้าแบ่งจิตไปที่อื่นเลยแม้แต่น้อย

 

 

ในเมื่อหุ่นเชิดไม่มีผล ตามแผนเดิมแล้วพวกของหล่งตงก็น่าจะร่วมมือกันดึงดูดความสนใจของกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์อยู่ใกล้ๆ จะได้หาโอกาสให้เขาชิงผลวิญญาณไป

 

 

เพียงแค่สองสามชั่วลมหายใจ หัวของกิ้งก่ายักษ์ก็มีเสียงพิณอันไพเราะดังขึ้น จากนั้นวงแหวนสีเหลืองเป็นวงๆ ก็ปรากฏขึ้น พุ่งไปหากิ้งก่ายักษ์ที่อยู่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันลำแสงสีขาวพลันสว่างวาบ ขวานสั้นสีขาวทองสองด้ามปรากฏขึ้น หลังจากพลิ้วไหวเล็กน้อย มังกรวารีสายรุ้งสีขาวยักษ์สองสายพลันสับลงมาจากกลางอากาศราวกับออกมาจากน้ำ

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างคนสองสายปรากฏขึ้นสูงขึ้นไปยี่สิบสามสิบจั้ง นั่นก็คือหญิงสาวและหล่งตง

 

 

ทว่าหญิงสาวกำลังใช้มือหนึ่งดีดไปบนสมบัติวิญญาณลอกเลียนแบบพิณวิญญาณ ส่วนหล่งตงกลับควบคุมสมบัติสองชิ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

อย่ามองว่ากิ้งก่ายักษ์ตัวใหญ่ แต่การเคลื่อนไหวกลับคล่องแคล่วอย่างหาที่เปรียบ ชั่วพริบตาที่การโจมตีปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก็ร้องคำรามต่ำๆ ออกมาแล้วยืนขึ้นทันที เขาประหลาดสีแดงบนหัวเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นสายรุ้งสีแดงพลันพุ่งออกมา หมุนวนติ้วๆ คาดไม่ถึงว่าจะรองวงแหวนสีเหลืองและสายรุ้งสีขาวสองสายเอาไว้

 

 

จากนั้นแผ่นหลังของกิ้งก่ายักษ์พลันมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ เสียง “ฟิ้ว” แหวกผ่านอากาศดังขึ้น ขนยาวสองสามฉื่อกลายเป็นลำแสงสีเขียวมรกตพุ่งแหวกผ่านอากาศไป ในเวลาเดียวกันหางยักษ์พลันกวัดแกว่งอยู่ที่เดิม จึงเหลือเพียงเงารางๆ ที่หายวับไป

 

 

ครู่ต่อมาหางกิ้งก่ายักษ์ยาวยี่สิบจั้งเศษพลันมาปรากฏตัวด้านข้างหญิงสาวและหล่งตงได้อย่างไรก็ไม่รู้ กวาดไปอย่างรุนแรง ยังไม่ทันได้กวาดไปจริงๆ พายุโหมกระหน่ำก็ก่อตัวขึ้น ชั่วครู่ก็ม้วนทั้งสองเข้าไปด้านใน

 

 

กิ้งก่ายักษ์คู่ควรกับที่เป็นอสูรโบราณกลายพันธุ์จริงๆ เมื่อถูกโจมตี ก็โจมตีกลับอย่างเฉียบแหลมราวกับห่าฝน

 

 

ถึงแม้จะรู้ว่ากิ้งก่ายักษ์นั้นต่อกรยาก หญิงสาวชุดขาวและหล่งตงเองก็ใจจนสะดุ้งโหยง

 

 

โชคดีที่ทั้งสองเองก็ไม่ได้คิดจะต่อสู้อย่างหนักอะไรอยู่แล้ว

 

 

ทันใดนั้นหญิงสาวพลันชูมือขึ้น ยันต์สีทองแผ่นหนึ่งพุ่งออกไป กลายเป็นลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มเอาไว้ จากนั้นก็พลิ้วไหวแล้วหายไปราวกับภูตผี ปรากฏขึ้นอีกแห่งห่างออกไปสามสิบจั้งเศษ

 

 

หล่งตงกลับเปล่งเสียงกู่ร้องยาวๆ ออกมา ชั่วครู่บนร่างพลันมีเกราะสงครามสีเหลืองปรากฏขึ้น เกราะสงครามเกราะนี้มีเกล็ดสีทอง ปกคลุมทั้งศีรษะและแขนขาทั้งสี่ แผ่นหลังมีปีกสัมฤทธิ์ขนาดยักษ์คู่หนึ่ง

 

 

ปีกทั้งสองกระพือ ชั่วขณะนั้นเงาเป็นสายพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ มองไกลๆ แล้วดูเหมือนเงาร่างคนหลายสายทอตัวเรียงอยู่เต็มท้องฟ้า ท่าทางน่าตกตะลึง

 

 

ไม่ว่าจะเป็นลำแสงสีเขียวหรือว่าหางของกิ้งก่ายักษ์ ภายใต้เคล็ดวิชาหลีกหนีของทั้งสองคน จึงถูกกวาดออกไปจนเกลี้ยง

 

 

ทว่าทั้งสองคนที่อยู่กลางอากาศกลับไม่กล้าหยุดพักแม้ชั่วครู่ เพราะว่าการหมุนโคจรรอบหนึ่งของลำแสงเหล่านี้นั้นคาดไม่ถึงว่าจะดูอัศจรรย์มาก ไล่ตามหลังทั้งสองมาติดๆ อย่างไม่ลดละ หลังจากที่หางยักษ์มีลำแสงประหลาดเปล่งประกายสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกะพริบวาบเรืองๆ พายุเฮอร์ริเคนไล่ตามทั้งสองมาติดๆ อย่างไม่ลดละ

 

 

ครานี้กิ้งก่ายักษ์และทั้งสองพลันไล่ตามกันมาอย่างไม่ลดละ

 

 

ถึงแม้ว่าความสนใจกว่าครึ่งของกิ้งก่ายักษ์จะถูกทั้งสองดึงดูดไป แต่ก็ยังคงให้ความสนใจทางมนุษย์ยักษ์พันตาที่เป็นปฏิปักษ์อยู่เล็กน้อย กลัวว่าอีกฝ่ายจะถือโอกาสนี้แย่งผลวิญญาณไป แต่เมื่อมองไปก็วางใจได้สองสามส่วน

 

 

ที่แท้มนุษย์ยักษ์ที่อยู่ตรงข้าม ชั่วพริบตาที่กิ้งก่าและคนสองคนที่อยู่กลางอากาศลงมือนั้น ก็มีคนอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศด้านหลัง

 

 

คนหนึ่งร่ายอาคมชูมือขึ้นอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นลูกเพลิงสีดำพลันทะลักออกมา อีกมือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศอีกด้าน กรงเล็บยักษ์เปล่งประกายสีดำข้างหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือหัว แล้วตะปบลงมาอย่างรุนแรง

 

 

เสียงอึกทึกดังขึ้น ดูเหมือนว่ามนุษย์ยักษ์จะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ถูกลูกเพลิงทั้งหมดโจมตีไปบนร่าง ในเวลาเดียวกันกรงเล็บยักษ์สีดำก็ตะปบไปที่หน้าผากของมนุษย์ยักษ์

 

 

สตรีและชายหนุ่มคิ้วขาวพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกยินดี

 

 

แต่ฉากต่อจากนั้น ก็ทำให้รอยยิ้มของทั้งสองคนแข็งค้าง

 

 

ฉับพลันนั้นกลางเปลวเพลิงสีดำพลันมีเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นของมนุษย์ยักษ์ดังขึ้น ทันใดนั้นลูกตาสีเงินขาวบนร่างพลันกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นพลังที่ไร้รูปร่างพลันปรากฏขึ้น เปลวเพลิงสีดำที่เกาะติดร่างทยอยกันถูกลูกตาเหล่านั้นดูดเข้าไป ชั่วพริบตาก็หายไปจนเกลี้ยง

 

 

ส่วนชายหนุ่มคิ้วขาวนั้นที่ใช้ความสามารถสร้างกรงเล็บยักษ์ลวงตานั้นกลับไม่อาจทำร้ายมนุษย์ได้เลยแม้แต่ปลายก้อย มนุษย์ยักษ์พันตานั้นดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด แค่ใช้มือหนึ่งพลิกฝ่ามือตบไปเหนือศีรษะ ตบกรงเล็บยักษ์จนกลายเป็นกลุ่มควัน

 

 

ความสามารถเช่นนี้ แน่นอนว่าทำให้สตรีและชายหนุ่มคิ้วขาวมีจิตใจหนักอึ้ง

 

 

ทว่า การโจมตีของพวกเราเห็นได้ชัดว่าทำให้สัตว์ประหลาดยักษ์โกรธเกรี้ยวแล้ว

 

 

ใบหน้าของมนุษย์ยักษ์เผยสีหน้าโหดเ**้ยมออกมา ท่ามกลางเสียงคำราม ลูกตาสีเงินบนร่างดูดซับเปลวเพลิงสีดำเข้าไป ทันใดนั้นก็กลอกตาไปมาระหว่างทั้งสองคน แล้วจ้องเขม็งไป

 

 

ท่ามกลางลำแสงสีดำสว่างวาบ พ่นลำแสงสีดำออกมา ห่อหุ้มทั้งสองเอาไว้

 

 

หญิงสาวและชายหนุ่มคิ้วขาวล้วนเคยเห็นความร้ายกาจของเส้นไหมสีดำมาเมื่อครู่ เมื่อเห็นสถานการณ์นี้พลันหน้าเปลี่ยนสี ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้พวกมันสัมผัสกับตัวเอง

 

 

ทันใดนั้นคนหนึ่งก็ควักของสิ่งหนึ่งออกมาโยนไปใต้ร่าง ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นกระสวยลำแสงสีเขียว ร่างกายพลิ้วไหวเข้าไปอยู่ด้านใน ทันใดนั้นก็เปล่งแสงสว่างจ้าและพุ่งออกไป

 

 

อีกคนหนึ่งพลันพลิกตัวในทันใด กลายเป็นอินทรียักษ์ขนาดสองสามจั้งเรือนกายสีม่วงดำ สองปีกสยายออก เคลื่อนย้ายหนีไปเช่นกัน

 

 

เห็นได้ชัดว่าปีศาจทั้งสองตัวนี้คิดจะหลบหลีกและยื้อเวลาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่คิดจะปะทะกับมนุษย์ยักษ์ตรงๆ

 

 

ครานี้พวกของหล่งตงและฮูหยินทั้งสี่พลันใส่ลมปราณเต็มกำลัง ทะลวงมาเหนือกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์จากทั้งสี่ด้าน หลบการโจมตีที่อันตรายของทั้งสองได้อย่างน่าทึ่ง และบางครั้งก็ถือโอกาสโจมตีกลับ ทำให้อสูรยักษ์ทั้งสองร้องคำรามออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

แต่ถึงแม้ว่ากิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์จะโจมตีมาไม่หยุดราวกับแมลงวัน แต่กลับนิ่งงันอยู่ที่เดิม ตนใดก็ไม่มีท่าทีจะไล่ตามทั้งสี่คนไป

 

 

มิเช่นนั้นถึงแม้ว่าทั้งสี่คนจะมีเคล็ดวิชาหลีกหนีที่น่าตกตะลึง แต่ก็ไม่มีทางยื้อเวลากับสัตว์ประหลาดระดับหลอมสุญตาได้นานนัก ครานี้ทั้งสี่คนแค่ประสบกับอันตราย ก็เคลื่อนย้ายหนีออกไปไกลภายในหอบเดียว

 

 

เช่นนั้นพวกเขาจึงพอล้อมโจมตีกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์ไม่หยุดเท่านั้น

 

 

แต่ผลของการกระทำเช่นนี้ แน่นอนวว่าก็ทำให้สัตว์ประหลาดทั้งสองเต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธแค้น

 

 

แต่เมื่อทั้งสี่คนโจมตีออกมาอย่างไม่ยั้งมือ พวกมันกลับไม่ยอมออกห่างจากผลวิญญาณเลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

 

 

เมื่อทั้งสี่คนหนีพ้น สายตาของกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์ที่ค่อยๆ ตกอยู่บนร่างของทั้งสี่คน ความสนใจที่มีต่อวิญญาณจึงเหลือไม่ถึงสองส่วน

 

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ร่างกายของหานลี่กลับร่อนลงไปข้างล่างอย่างเงียบเชียบ จากร่างที่กำลังล่องหนของเขา ถึงแม้ว่าสัตว์ประหลาดระดับหลอมสูงสองตัวจะไม่อาจมองเห็นได้ นั่นก็เพราะมีที่พึ่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หานลี่ถึงได้กล้ารับภารกิจนี้

 

 

ถึงแม้จะเช่นนั้นหานลี่ก็ยังระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่กล้าร่อนลงมาในพรวดเดียว

 

 

มองเห็นว่าร่างกายอยู่ห่างจากผลเห็ดมังกรพวกนั้นไปแค่ร้อยจั้งแปดสิบจั้ง สี่สิบจั้ง สิบจั้งเศษอย่างช้าๆ ในใจจึงยิ่งบีบรัดมากขึ้น

 

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ชั่วพริบตาที่เขาเด็ดผลวิญญาณมา ร่างกายก็ไม่อาจรักษาการล่องหนได้อีก ในเวลาเดียวกันนั้นกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์ก็พบตนเองในทันใด การกระทำต่อจากนี้ ก็คือเขาจะปกป้องชีวิตตนเองอย่างไรแล้ว

 

 

ร่างกายล่องหนหยุดลงใกล้กับผลวิญญาณแค่คืบ ไม่เพียงจะได้กลิ่นสมุนไพรที่โชยมาอ่อนๆ แม้กระทั่งมองเห็นมังกรวารีน้อยใต้ผิวของผลวิญญาณอย่างชัดเจน

 

 

หานลี่ไม่ได้รีบร้อนลงมือเด็ดผลวิญญาณมา แต่ใช้มือหนึ่งปัดไปที่กำไลเก็บของ ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีของสองสามอย่างปรากฏขึ้น

 

 

หานลี่เม้มริมฝีปาก ฉับพลันนั้นพลันถูมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แล้วชูขึ้นอีกครั้ง ลูกกลมๆ เปล่งแสงสีเงินระยิบระยับสองสามลูกพุ่งออกไปหาสัตว์ยักษ์ทั้งสองพร้อมกัน

 

 

จากนั้นมือหนึ่งก็ตะปบไปที่เบื้องหน้าด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้า ผลวิญญาณสดๆ พวงนั้นหายไปภายในพริบตา

 

 

ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เผยออกมา ปีกคู่นั้นที่แผ่นหลังสยายออก คนก็พลิ้วไหวท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง

 

 

เสียงคำรามดังสนั่นสองเสียงดังขึ้น เงาสีแดงสายหนึ่งและเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อแทบจะในเวลาเดียวกัน ชั่วครู่ก็ทะลุผ่านร่างของหานลี่ไป

 

 

แต่ทันใดนั้น ‘หานลี่’ ก็หายตัวไปในพริบตา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแค่เงารางๆ เท่านั้น

 

 

ร่างเดิมของเขาเคลื่อนย้ายออกไปก่อนแล้ว

 

 

เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น ลูกไฟฟ้าขนาดสองสามหมู่ปรากฏขึ้นทั้งสองด้าน ประจุไฟฟ้าหนาๆ เท่าปากชามสองสามสายเปล่งแสงกะพริบระยิบระยับไม่หยุด แม้กระทั่งทำให้รอบๆ เกิดพายุโหมกระหน่ำขึ้น เสียงฟ้าร้องดังขึ้นไม่หยุด ราวกับว่ากลืนกินทุกอย่างเข้าไปข้างใน

 

 

เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่ปาน!