บทที่ 198 ห้าร้อยเหรียญทอง
พานเว่ยหมินลอยกระเด็นออกไปจากประตูร้าน
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เดินกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับหลินเป่ยเฉิน
“เจ้าหนู นี่เจ้าโดดเรียนอีกแล้วหรือ?”
ฉู่เหินมองหน้าหลินเป่ยเฉินขณะยกมือทำท่าดีดนิ้วใส่เด็กหนุ่ม
“อ้าว อาจารย์คิดจะระเบิดสมองกันหรืออย่างไรขอรับ”
หลินเป่ยเฉินรีบกระโดดหลบ
ตอนนั้นเองฉู่เหินถึงได้รู้ตัวว่าตนเองตื่นเต้นมากเกินไป การดีดนิ้วของเขาเมื่อสักครู่นี้ เกือบจะกระแทกหน้าผากของหลินเป่ยเฉินเข้าจริงๆ
“ลองใช้กระบี่ดูบ้างขอรับ”
หยางเฉินโจวเดินกลับมาพร้อมด้วยกระบี่ที่แกะสลักลวดลายงดงาม
ฉู่เหินยกมือรับกระบี่เอาไว้และถ่ายทอดพลังลมปราณลงไปยังตัวกระบี่
เช้ง!
ลำแสงสีทองห่อหุ้มคมกระบี่เป็นประกายวิบวาว
ฉู่เหินทดสอบการควงกระบี่ด้วยแขนกลทองคำ เขาพบว่านิ้วมือของตนเองสามารถยึดจับด้ามกระบี่ได้อย่างแนบแน่น ไม่มีทางที่จะทำกระบี่หลุดออกจากมือได้เด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินไม่อยากจะเชื่ออีกแล้ว
หยางเฉินโจวกับพานเว่ยหมินก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
พลังแบบนี้มัน…เกือบเท่ากับผู้ที่อยู่จุดปลายสุดของขอบเขตพลังปรมาจารย์แล้ว
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ฉู่เหินก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน “แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้หลายเท่าทีเดียว ถ้าใช้มันต่อยร่างกายผู้คน คนที่โดนข้าต่อยไม่ตัวระเบิดตายเอาหรือ?”
พานเว่ยหมินมีสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย
โชคดีที่เมื่อสักครู่นี้ ฉู่เหินยังไม่สามารถใช้งานแขนกลได้อย่างคล่องแคล่ว มิเช่นนั้น หมัดที่ต่อยออกมาก็คงกลายเป็นหมัดปลิดชีวิตเขาแน่นอน
ถ้าเพิ่มพลังลมปราณลงไปอีกสักนิด พานเว่ยหมินเชื่อว่าตนเองคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
หลินเป่ยเฉินทั้งตกตะลึงและอดรู้สึกอิจฉาอาจารย์ฉู่ไม่ได้ นับว่าแขนกลข้างใหม่ของเขามันแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
หลินเป่ยเฉินนึกภาพตนเองตัดแขนออกทั้งสองข้างและเปลี่ยนมาใช้แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือบ้าง ถึงตอนนั้น เขาก็คงกลายเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
แต่เมื่อนึกได้ว่าถ้าตัดแขนก็ต้องเจอกับความเจ็บปวดแสนสาหัส เด็กหนุ่มจึงล้มเลิกความคิดไปโดยเร็ว
“แล้วแขนอีกข้างเมื่อไหร่จะเสร็จหรือขอรับ?” หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย
หยางเฉินโจวขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ตอบว่า “วันพรุ่งนี้ข้าคงแกะสลักกระดูกแขนเสร็จ แต่ยังต้องมีอีกหลายส่วนที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น อย่าเพิ่งรีบร้อนไปเลย นี่คืองานศิลปะชั้นสูง จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทำออกมาให้สมบูรณ์แบบ”
“เรื่องความสวยงามช่างมันก่อนเถอะ” ฉู่เหินหัวเราะในลำคอ พูดต่อว่า “ขอให้มันใช้งานได้จริงก็พอแล้ว และถ้าเสร็จทันพิธีเปิดการแข่งขันรอบ 20 คนสุดท้ายก็จะดีไม่น้อย”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต “อาจารย์จะไปร่วมพิธีเปิดด้วยหรือขอรับ?”
ฉู่เหินยิ้มกริ่ม “ตอนแรกข้าไม่อยากไปหรอก แต่บัดนี้…ข้ามีแขนใหม่สุดแข็งแกร่ง จะไม่ไปได้อย่างไร ฮ่าฮ่า อีกอย่างข้าก็อยากจะไปดูฝีมือของเจ้าด้วย”
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าขณะนี้อาจารย์ฉู่กำลังอารมณ์ดีสุดขีด เพราะชายชราควงแขนทองคำหมุนเป็นกังหันลมไม่หยุดหย่อน ในดวงตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความมีชีวิตชีวา
“จริงด้วยสิ ข้าเกือบลืมไปเลย อาจารย์ของเจ้าส่งข่าวกลับมาแน่ะ เขาจัดการกวาดล้างพวกตระกูลใหญ่เรียบร้อยแล้ว พอดีว่าไปเจอห้องเก็บสมบัติอยู่ในภูเขาเซอหนัวโดยบังเอิญ และบริเวณใกล้เคียงก็น่าจะมีของที่ช่วยให้เจ้าพัฒนาฝีมือได้อีกไม่น้อย ดังนั้น อาจารย์ของเจ้าจึงตัดสินใจออกล่าสมบัติอยู่ในป่าอีกสักพัก และฝากฝังให้ข้าดูแลเจ้าต่อไป…”
ฉู่เหินพูดพลางส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้หลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
ดูเหมือนอาจารย์ติงของเขาจะไม่ค่อยฉลาดเฉลียวสักเท่าไร
เป็นคนที่ลงมือทำอะไรไม่เคยวางแผนล่วงหน้า
หลังจบงานประลองกระบี่ อาจารย์ติงก็ไม่เคยได้สั่งสอนวิชาอะไรให้เขาอีก ชายชราเดินทางไปกำจัดเสี้ยนหนามที่ต่างเมือง โดยไม่สนใจสักนิดว่าหลินเป่ยเฉินจะตกระกำลำบากอยู่ในเมืองหยุนเมิ่งอย่างไรบ้าง
ตอนที่ประสบเหตุร้ายในหุบเขาชายแดนเหนือ ถ้าไม่ได้เป็นเพราะโชคดีสุดขีด มีฉู่เหินกับเยว่หงเซียงและคนอื่นๆ คอยช่วยเหลือ หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าป่านนี้ตนเองคงได้เกิดใหม่อีกรอบไปแล้ว
วันพรุ่งนี้ก็จะถึงกำหนดการแข่งขันค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองรอบ 20 คนสุดท้าย ติงซานฉือคิดจะกลับมาให้กำลังใจลูกศิษย์สักนิดก็ไม่มี เพราะเลือกที่จะเข้าป่าไปตามหาสมบัติเสียอย่างนั้น…เมื่อทำแบบนี้ ก็หมายความว่าอาจารย์ติงไม่ได้สนใจความเป็นตายร้ายดีของเขาเลยแม้แต่น้อย
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาเคยกราบไหว้ติงซานฉือเป็นอาจารย์จากใจจริง แต่นับจากนี้ไป เด็กหนุ่มจะทวงคืนความเคารพทุกอย่างกลับมา ต่อจากนี้ไป เขาจะเป็นศิษย์ไม่มีอาจารย์ ไม่อยากกลับมานัก ก็ไม่ต้องกลับตลอดไปเลยแล้วกัน
เป็นอาจารย์แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน
เฮอะ
แต่เมื่อหลินเป่ยเฉินเปิดจดหมายอ่านดู ความขุ่นเคืองใจบนใบหน้าของเขาก็จางหายไป
ในจดหมายเขียนถึงชีวิตประจำวันทั่วไปที่ไม่น่าสนใจแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ควรค่าต่อการสนใจมากที่สุด กลับเป็นการเปิดเผยความจริงที่บอกว่า ติงซานฉือมาประจำการอยู่ที่สถานศึกษากระบี่ที่สามเพราะได้รับมอบหมายให้มาดูแลหลินเป่ยเฉินโดยเฉพาะ
และหากหลินเป่ยเฉินตกอยู่ในอันตราย ท่านจะได้คอยช่วยเหลืออย่างทันท่วงที มิหนำซ้ำ ในจดหมายยังบอกด้วยว่าถ้าเด็กหนุ่มสามารถเปิดจุดก่อกำเนิดพลังปราณธาตุได้สำเร็จ ก็ขอให้เขาเข้าไปที่หอพักอาจารย์และไปยังห้องพักของท่าน เพื่อตามหาคัมภีร์กระบี่ที่มีชื่อว่า ‘คัมภีร์กระบี่สามสัณฐานแห่งเป่ยไห่’
“อาจารย์ของเราก็เป็นคนดีไม่น้อยเหมือนกันนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความดีใจ
จังหวะนั้น หลู่หลิงโจวที่ออกไปซื้ออาหารและสุรา รวมถึงผักกับผลไม้ก็เดินกลับเข้ามาในร้านพอดี เมื่อนางเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน ก็อดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ เนื่องจากหญิงสาวสงสารเด็กหนุ่มที่ถูกศิษย์พี่ของตนเองโกงเงินไปเป็นจำนวนหลายร้อยเหรียญ
“คุณชายหลิน อยู่รับประทานอาหารด้วยกันก่อนสิเจ้าคะ”
หลู่หลิงโจวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
หลินเป่ยเฉินอยากจะรีบกลับไปค้นหาคัมภีร์กระบี่สามสัณฐานใจจะขาด หลังจากพูดขอตัวพอเป็นพิธี เด็กหนุ่มก็หมุนตัวเดินกลับออกมาโดยไม่สนใจใครอีกแล้ว
เมื่อเดินมาถึงประตู เด็กหนุ่มเหลือบตาดูป้ายร้าน ก็เผลอหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
ปรากฏว่าเมื่อวันก่อนป้ายร้านที่เขียนว่า ‘หัวเหล็ก’ นั้นเป็นป้ายเก่าที่ชำรุด เพราะขณะนี้มีป้ายใหม่มาติดแทนที่และเขียนชื่อร้านอย่างถูกต้องว่า ‘หัวค้อนเหล็ก’ พร้อมทั้งมีการวาดลวดลายอาวุธนานาชนิดประดับเอาไว้อย่างน่าเกรงขาม
แบบนี้ค่อยสมกับที่เป็นร้านขายอาวุธหน่อย
แล้วหลินเป่ยเฉินก็เดินจากมา
…
ภายในห้องพักของติงซานฉือในสถานศึกษากระบี่ที่สาม
เด็กหนุ่มพบเจอคัมภีร์ที่ตามหาได้ไม่ยาก
หลินเป่ยเฉินมีกุญแจสำหรับเข้าห้องพักอยู่ในมือ และเมื่อมีข้อมูลจากในจดหมาย เขาก็สามารถพบคัมภีร์กระบี่สามสัณฐานซ่อนอยู่ในกล่องเก็บของใบหนึ่งอย่างง่ายดาย เมื่อเปิดออกดูแล้ว ถึงได้ทราบว่านี่คือคัมภีร์กระบี่ระดับ 3 ดาว เด็กหนุ่มจึงแยกเขี้ยวยิ้มด้วยความดีใจ…
ก่อนหน้านี้ เขามีคัมภีร์กระบี่อยู่ในมือ 4 เล่ม
คัมภีร์กระบี่เหล่านั้นประกอบไปด้วยคัมภีร์กระบี่สามพิฆาต คัมภีร์กระบี่ทะลวงจันทร์และคัมภีร์กระบี่รักนิรันดร์ ซึ่งวิชากระบี่เหล่านี้ไม่เหมาะสมกับระดับพลังในปัจจุบันของเด็กหนุ่มอีกต่อไป และบางวิชาก็เด่นเรื่องการป้องกันตัว มากกว่าการโจมตี
มีแต่เพียงคัมภีร์กระบี่สายน้ำไหลเท่านั้น ที่ยังพอใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกอย่าง คัมภีร์กระบี่ระดับ 2 ดาว ย่อมมีขีดจำกัดอยู่ในตัวมันเอง
แต่ถ้าได้คัมภีร์ระดับ 3 ดาวอย่างกระบี่สามสัณฐานมาฝึกฝน ก็มีโอกาสสูงที่หลินเป่ยเฉินจะกลายเป็นผู้ชนะการแข่งขันรอบ 20 คนสุดท้าย
เด็กหนุ่มเก็บคัมภีร์เดินทางกลับสู่ตำหนักไม้ไผ่ เขาใช้โทรศัพท์สแกนมันสร้างแอปพลิเคชั่นขึ้นมา หลังจากส่งเสียงครางด้วยความสยิวอยู่ในห้องนอน และเสียพลังลมปราณไปเป็นจำนวนถึง 40 GB ในที่สุด เด็กหนุ่มก็กดดาวน์โหลดและติดตั้งแอปกระบี่สามสัณฐานลงในโทรศัพท์
หลินเป่ยเฉินกวาดตามองโลโก้ของแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่อยู่บนหน้าจอ
นอกจากแอปกระบี่สามสัณฐานแล้ว ก็ยังมีแอปโลหิตกระชากวิญญาณทำงานอยู่ด้วยเช่นกัน หลินเป่ยเฉินดาวน์โหลดและติดตั้งแอปโลหิตกระชากวิญญาณเมื่อวานนี้ และมันใช้พลังลมปราณของเขาไปถึง 40 GB เช่นเดียวกัน
เมื่อหันมาใช้การโคจรพลังลมปราณตามหลักวิชามัจฉากลายร่างเป็นมังกรของเฒ่าทะเล ระดับพลังลมปราณในตัวหลินเป่ยเฉินก็เพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า และในที่สุด เมื่อวานนี้เด็กหนุ่มก็สามารถเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับที่ 2 ได้สำเร็จแล้ว และพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายของเขา ก็มีจำนวนมาตรฐานอยู่ที่ 45 GB
“สามแอปนี้กินพลังงานเรามากที่สุด แต่พวกมันก็เป็นไพ่ตายให้เราได้ใช้งานในยามคับขัน แอปหนึ่งใช้สำหรับฝึกกระบี่ อีกแอปใช้ฝึกพลังลมปราณ และแอปสุดท้ายใช้ฝึกการโจมตี แบบนี้ก็เท่ากับว่าเราเป็นต่อคนอื่นอยู่พอสมควรแล้วสินะ” หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความพอใจ
หลังผ่านการต่อสู้ในหุบเขาชายแดนเหนือ เด็กหนุ่มก็ได้รู้ว่าถ้าเขาอยากหาทางกลับโลกมนุษย์ให้ได้เร็วที่สุด เขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งให้มากที่สุดเช่นกัน
เพราะโลกจอมยุทธ์แห่งนี้มันอันตรายมากเกินไป
มีศัตรูกำลังคอยจับจ้องเขาอยู่ในความมืด
ดังนั้น เมื่อวานนี้เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจดาวน์โหลดแอปฝ่ามือเทพเจ้า ร้อยก้าวสู่ปรภพ
นี่คือวิทยายุทธ์ระดับ 3 ดาวเช่นกัน
นอกจากนั้น หลังจากที่สามารถบรรลุขั้นกระบี่กระดูกเหล็กของแอปวิชากระบี่เร้นกายได้แล้ว หลินเป่ยเฉินก็ไม่พบว่าการเปิดใช้งานแอปกระบี่เร้นกายต่อไปจะก่อประโยชน์กับเขาแต่อย่างใด
ดูเหมือนว่าเขาจะบรรลุขั้นสูงสุดของเคล็ดวิชากระบี่เร้นกายเรียบร้อยแล้ว
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าต่อให้เปิดใช้งานแอปนี้ต่อไป ร่างกายของเขาก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
“อย่าบอกนะว่าพอเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นกระบี่กระดูกเหล็ก ก็ถือว่าบรรลุขั้นสูงสุดแล้วเหรอ เป็นไปได้ไหมที่มันจะมีแอปตัวอื่นในแบบที่เก็บเงินเพิ่มมากขึ้น แต่ก็มอบความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายเราได้มากขึ้นเช่นกัน?”
หลินเป่ยเฉินเริ่มคิดฟุ้งซ่าน
แต่ในทันใดนั้นเอง ‘ติ๊ง!’
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ
หลินเป่ยเฉินสั่งงานให้เสี่ยวจี้ฉายภาพจำลองหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมาในอากาศ แล้วเขาก็เห็นว่ามีข้อความแจ้งเตือนอยู่บนหน้าจอหลัก
ข้อความจากแอปจิงตง มอลล์
เด็กหนุ่มกดเข้าไปอ่านทันที
“พัสดุของท่านมาถึงแล้ว ลงนามรับของเลยหรือไม่?”
ของมาส่งแล้วสินะ
หลินเป่ยเฉินทั้งดีใจและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน
ก็ไหนบอกว่าต้องใช้เวลาขนส่งประมาณ 10 วันไม่ใช่หรือ?
ทำไมมาถึงเร็วจริง?
นี่คงเป็นของขวัญจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
หลินเป่ยเฉินกดปุ่ม ‘รับของเดี๋ยวนี้’ โดยไม่ลังเล
‘ติ๊ง! ท่านได้ลงนามรับพัสดุเสร็จสมบูรณ์ หากเกิดความเสียหายกับสินค้า ทางเราไม่มีส่วนรับผิดชอบหรือรับคืนสินค้าแต่อย่างใด การขนส่งครั้งนี้มีค่าบริการ 500 เหรียญทองคำ เราได้หักจากบัญชีวีแชทของท่านเรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านมีความสุขกับสินค้าที่เลือกสรรนะเจ้าคะ’
เกิดแสงสว่างวูบวาบในอากาศ
แล้วในมือของหลินเป่ยเฉินก็ปรากฏหญ้าต้นหนึ่งที่มีความยาวครึ่งเซี๊ยะ
แต่เขาไม่ได้มองต้นหญ้าในมือเลยแม้แต่น้อย
บัดนี้ คำถามใหญ่ที่เกิดขึ้นในใจหลินเป่ยเฉินก็คือ ค่าบริการขนส่ง 500 เหรียญทองคำ มันหมายความว่าอย่างไร?
ความรู้สึกไม่เป็นมงคลถาโถมใส่จิตใจของเขาอีกครั้ง