ตอนที่ 86 ปัญหาที่ยาก

นางเพิ่งพูดคุยกับซูหวานหว่านมากไปพอสมควร ทว่ายังไม่ได้บอกความลับอะไรให้ซูหวานหว่านได้รู้ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ใบหน้าของซูหยวนหยวนพลันซีดขาว นางกลัวว่าซูหวานหว่านจะบอกเรื่องนี้ให้กับคนในหมู่บ้านรู้เรื่อง

นางกัดฟันตัวเองแน่นพร้อมกับบีบมือตัวเอง ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไปดี เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านยังคงนั่งเขียนใบสั่งยาให้กับตนเอง ซูหยวนหยวนก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปห้ามสตรีที่กำลังวิ่งเข้ามา “ท่านพี่ฉิงฉิง ใจเย็นก่อนเถิด!”

ซูหวานหว่านเหลือบมองซูฉิงฉิงที่ต้องการจะเข้ามาทำร้ายนาง เมื่อคิดถึงเรื่องของซูหยวนหยวนก็อดไม่ได้ที่จะน่าขัน ดูเหมือนว่าครอบครัวของลุงใหญ่และลุงรองจะมีความสัมพันธ์ระหว่างกันดีมาก อีกทั้งหลายปีมานี้พวกเขายังรวมตัวกันเป็นศัตรูกับพวกนางอีก!

“เหตุใจเจ้าถึงยังปกป้องนางอีก! นางคือซูหวานหว่าน ที่ข้าต้องเข้าไปนอนในห้องขังก็เป็นเพราะนางวางแผนเอาไว้ทั้งหมด!” ซูฉิงฉิงทนไม่ไหวจนแทบจะฆ่าซูหวานหว่านเองกับมือ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นซูหวานหว่านก็ยิ้มเยาะ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง”

นางเองก็ลุกขึ้นยืนและยื่นใบสั่งยาให้กับซูหยวนหยวนพร้อมเอ่ยว่า “ใบสั่งยานี้ไม่คิดเงิน เจ้าสามารถนำเงินไปที่ร้านขายยาเพื่อเอายามากินได้ด้วยตนเอง”

หลังพูดจบ ซูหวานหว่านเตรียมตัวเดินออกไป ทว่าซูฉิงฉิงก็ได้ผลักซูหยวนหยวนที่มาขวางตนเองเอาไว้ “เจ้าจะไปไหน! เจ้าเป็นเพียงแมวสามขาเท่านั้น มีสิทธิ์อันใดมารักษาหยวนหยวน แท้จริงแล้วเจ้าอยากฆ่าคนกี่คนกันแน่!”

“ข้าจะแนะนำอะไรให้เจ้าสักอย่างนะ เจ้าควรหุบปากแล้วควรมีศีลธรรมให้มากกว่านี้” ซูหวานหว่านจับมือของซูฉิงฉิงที่จับแขนนางเอาไว้แล้วผลักนางล้มลงกับพื้นอย่างแรง “การรักษาของข้าสามารถทำให้เจียงเส้าปังแข็งแรงและก็อ่อนแอลงได้ เจ้าอย่ายั่วโมโหข้าดีกว่า แม้กระทั่งทำให้เขาตายข้าก็สามารถทำได้ แม้เจ้าจะท้องอยู่แต่ข้าก็สามารถทำให้เจ้าพลาดโอกาสเป็นภรรยาของเจียงเส้าปังได้เช่นเดียวกัน”

“เจ้า!” ซูฉิงฉิงตะโกน นางตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้น แต่เมื่อเห็นซูหวานหว่านที่กำลังข่มอารมณ์โกรธของตนไว้ นางก็ไม่กล้าลงมือทำอะไรอีก

ซูหวานหว่านเดินไปยังประตูบ้านพร้อมกับปัดฝุ่นที่มือของตนเองเบา ๆ พร้อมกับหันกลับไปอย่างช้า ๆ มองไปที่ซูหยวนหยวน “ซูหยวนหยวน เจ้ายังเด็กอยู่มาก ข้าอยากจะแนะนำอะไรเจ้าสักอย่าง ในเมื่อเจ้าเองก็เป็นน้องสาวของข้า อย่าคิดร้ายต่อผู้อื่น ไม่เช่นนั้นเจ้าอย่ามาเสียใจทีหลังหากข้าทำอันใดลงไป”

“เจ้าดูเอาเถิด! นางแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก! นางกลายเป็นคนเลวร้ายไปแล้ว!” ซูฉิงฉิงกัดฟันพูด พลางมองไปที่ซูหวานหว่านที่กำลังเดินออกไปพร้อมกลับหันมาจ้องกระดาษในมือของซูหยวนหยวน “เจ้าป่วยเป็นอะไร? เอามาให้ข้าดูหน่อย”

ซูหยวนหยวนรีบซ่อนมันเอาไว้ “ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ป่วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าเป็นแค่หวัดเพราะอากาศที่หนาวขึ้น”

อะไรนะ? ซูหยวนหยวนป่วย! เป็นไข้หวัดสามารถแพร่ให้ผู้อื่นได้ง่าย! ซูฉิงฉิงจึงหลีกเลี่ยงและถอยห่างออกมาจากซูหยวนหยวนเล็กน้อย ก่อนนางจะเริ่มพูดกับซูหยวนหยวนอีกครั้ง ด้วยนางยังไม่ละความพยายามในการขอยืมเงินจากซูหยวนหยวน

ในขณะเดียวกัน ซูหวานหว่านเดินออกตามหาช่างไม้เพื่อให้เขาช่วยออกแบบที่ยกสำหรับอาหารขึ้นมา นางเดินไปยังร้านอาหารของตนเองทันทีเพื่อหาอะไรใส่ท้อง

ผู้ดูแลหลิวยินดีต้อนรับนางเป็นอย่างดีโดยขอเป็นเจ้ามือในการเลี้ยงอาหารมื้อนี้ แต่พลันใดนั้นก็มีชายชราผู้หนึ่งเดินมา และนางพบว่าเขาคือฮวงเหล่า!

ซูหวานหว่านกุมขมับตนเอง รู้สึกไร้หนทาง นางจึงพูดกับผู้ดูแลหลิวว่า “หากต่อไปเขามากินอาหารที่นี่ก็จดลงสมุดบัญชีของข้าเสีย”

ฮวงเหล่ารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากพร้อมลูบไล้เคราของตนเอง “นำใบบัวมาห่อขนมให้สิบชิ้นเสีย!”

เจ้าคนตะกละคนนี้!

ซูหวานหว่านยกมือกุมขมับอีกครั้ง นางมองไปที่ฮวงเหล่าที่ได้ขนมแล้วเดินออกจากร้านไป เด็กสาวเรียกผู้ดูแลร้านหลิวขึ้นไปบนชั้นสองในห้องส่วนตัวเพื่อพูดคุยเรื่องต่าง ๆ

จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบราคาของอาหารที่ร้าน พบว่ามีหลายจุดที่ต้องแก้ไข ทั้งสองยังคงมีท่าทีลังเลอยู่ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีในการปรับเปลี่ยนผังร้านและเพิ่มจำนวนโต๊ะ ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสี่ยวเอ้อในร้านรีบเดินเข้ามาพร้อมถือยำเห็ดหูหนูมาด้วย “ผู้ดูแลขอรับ! เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว! ยำเห็ดหูหนูที่เราทำถูกลูกค้าต่อว่าว่ารสชาติไม่เหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งยังขอเงินค่าอาหารคืนอีกด้วยขอรับ!”

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?” ผู้ดูแลหลิวครุ่นคิดและลุกขึ้นเตรียมออกไปจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

ทว่าก็ถูกซูหวานหว่านขัดขึ้นมาก่อน นางรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแน่ ๆ และถามออกมาว่า “เห็ดหูหนูพวกนี้พวกเจ้ารับมาจากที่ใด?”

“ท่านพ่อของข้าเป็นคนนำมาส่ง” ผู้ดูแลหลิวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเห็ดหูหนูขึ้นมาชิม ก่อนขมวดคิ้วแน่นด้วยคาดไม่ถึงว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้ เหตุใดรสชาติมันถึงแย่เพียงนี้?

“หื้ม” ซูหวานหว่านคีบเห็ดขึ้นมาชิมและนางก็พบปัญหาได้โดยทันที สองสามวันที่ผ่านมานางไม่ได้รดน้ำหลิงเยว่มาเป็นเวลาหลายวันแล้ว! ดังนั้นคุณภาพของเห็ดหูหนูถึงได้เหมือนกับเห็ดหูหนูที่พบได้ทั่วไป

ซูหวานหว่านตัดสินใจและเอ่ยกับเสี่ยวเอ้อ “เจ้าคืนเงินให้กับลูกค้าเถอะ แล้วให้ขนมกับเขาอีกสองก้อนแทนคำขอโทษ”

เมื่อพูดจบ นางก็เตรียมมุ่งตรงไปยังห้องครัวเพื่อนำหลิงเยว่ออกมาจากมิติฟาร์มและรดให้กับเห็ดหูหนู ทว่าเสี่ยวเอ้อก็พูดขัดขึ้นด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใครกัน! กล้าดีอย่างไรถึงมาออกคำสั่งกับข้า! ผู้ดูแลของพวกเราก็นั่งอยู่ตรงนี้ ข้ายังไม่เห็นว่าเขาจะพูดสิ่งใดสักคำ!”

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่นพลางสบตาเสี่ยวเอ้อ ทว่าไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใด ผู้ดูแลหลิวก็ได้จ้องมองไปที่เสี่ยวเอ้อ “เจ้าจะไปรู้อะไร! รีบไปทำตามคำสั่งเสีย! นี่เป็นเจ้าของร้านอีกท่านของพวกเรา!”

เขาเคยได้ยินมาว่ามีเจ้าของร้านอีกคน ทว่าเขาไม่รู้ว่าเป็นหญิงสาว!

เสี่ยวเอ้อยิ้มเจื่อนและเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินออกไปทันที

ซูหวานหว่านเดินไปที่ห้องครัวและเรียกพ่อครัวทุกคนออกมา นางใช้หลิงเยว่เทลงไปบนเห็ดหูหนู จากนั้นก็พบว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ที่หน้าต่าง นางจึงแกล้งทำเป็นเอาน้ำออกมาจากเหยือก

หลังจากจัดการเรียบร้อย นางก็เดินออกจากห้องครัว เหล่าผู้คนที่รับผิดชอบในครัวต่างรุมเข้ามาล้อมนางและเริ่มลงมือชิมสิ่งนางทำทันที และพวกเขาก็ค้นพบว่ารสชาติของเห็ดนั้นแตกต่างกันมาก ส่งผลให้พวกเขาอยากจะลองทำมันขึ้นมาบาง แต่ก็ต้องพบว่ามันช่างแตกต่างจากที่ซูหวานหว่านลงมือ ทำให้เหล่าพ่อครัวรู้สึกชื่นชมนางเป็นอย่างมาก

ซูหวานหว่านที่เพิ่งออกมาจากห้องครัวก็ได้เข้าไปยืนข้าง ๆ ผู้ดูแลหลิว ผู้ดูแลหลิวที่กำลังพูดอยู่เกิดอาการตกใจ “แม่นางซู เหตุการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว! เรื่องที่สามารถขอเงินคืนได้พวกเราประกาศออกไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับขนมเพื่อเป็นคำขอโทษพอหลายคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็มาขอเงินคืน! พวกเรา…”

ซูหวานหว่านลูบคางของตัวเองพร้อมกับครุ่นคิด “ใครที่สั่งเห็ดหูหนูวันนี้ ข้าจะชดเชยเงินคืนให้พร้อมกับให้ขนมเป็นการขอโทษ และสำหรับวันพรุ่งนี้ร้านอาหารของเราจะทำการปิดตัวลง เปิดเมื่อใดเราจะประกาศบอกอีกที”

“เพราะเหตุใดกัน?” ผู้ดูแลหลิวรู้สึกงงกับความคิดของซูหวานหว่านที่แก้ไขปัญหา ซึ่งมันอาจจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของร้านอาหารเป็นอย่างมาก!

“ถึงจะดูแย่ แต่ลูกค้าอาจจะเห็นได้ว่าร้านของพวกเรานั้นจริงใจ ยิ่งไปกว่านั้นพรุ่งนี้ที่ปิดร้านเพราะว่าข้าจะจ้างช่างไม้มาวัดและทำโต๊ะ พรุ่งนี้พวกเราได้ตกแต่งร้านอาหารใหม่อีกด้วย ข้าจะออกแบบโต๊ะอาหารใหม่ หากออกแบบเสร็จเราอาจจะติดตั้งมันวันมะรืน หากพวกเราไม่บอกวันเปิดร้าน แน่นอนว่าไม่มีใครรู้และจะมีคนอยากรู้แน่นอน หากเจ้าไม่บอก พวกเขาจะมาคอยดูที่ร้านอาหารเจวียเซ่อว่าจะเปิดได้เมื่อใด มันอาจจะเร็วกว่าที่พวกเราประกาศบอกเองเสียอีกนะ”

ความคิดของซูหวานหว่านแม่นยำมาก

ผู้ดูแลหลิวพยักหน้า แม้ว่าเขาจะยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง ทว่าเขาก็ต้องทำตามเพราะว่าคุณชายถังได้สั่งเขาเอาไว้ว่าให้ฟังคำสั่งของซูหวานหว่านคือดีที่สุด

ซูหวานหว่านอธิบายทุกอย่างให้ผู้ดูแลหลิวฟังทั้งหมด นางเดินออกจากร้านอาหารและตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้ให้กับฮวงเหล่าฟังและจะขอกลับบ้านสักสองสามวัน

นางจะเอาผ้าฝ้ายกลับไปด้วยสัก 2 ถึง 3 ศอก เพื่อให้คนในครอบครัวของนางทำเสื้อผ้าใหม่ ซึ่งตอนที่กำลังจะออกจากประตูร้านนางก็มองไปที่ร้านอาหารไท่อัน พร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยภายในใจ

เมื่อเดินผ่านไปถึงที่หน้าประตูร้านอาหารไท่อันก็มีชายคนหนึ่งได้วิ่งออกมา “แม่นาง! ท่านอยากจะกินอะไรหรือไม่? โปรดเชิญที่ร้านของเรา! ร้านอาหารไท่อันของเรามีของเลิศรสมากมาย!”

ซูหวานหว่านจำผู้ชายคนนี้ได้ เขาไม่ใช่คนเดียวกับที่ไล่ซูหวานหว่านออกมาตอนที่นางเสนอขายวัตถุดิบภูเขาให้หรอกหรือ? อีกทั้งยังจำนางไม่ได้อีกด้วย!

ซูหวานหว่านส่ายหัวและพูดออกมาอย่างเยาะเย้ยว่า “อาหารในร้านอาหารไท่อันของเจ้านั้นมีรสชาติแย่มาก ข้าคงไม่อาจเข้าถึงรสชาติเช่นนั้นได้หรอก”

“ห๊ะ!” สีหน้าของชายผู้นั้นบูดบึ้ง “แม่นาง! เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่ายังไง? ไม่กินก็ไม่เป็นไรเจ้ายังมาพูดจาใส่ร้ายร้านของพวกเราเสียหายแบบนี้อีก! เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถแจ้งจับเจ้าได้!”

แจ้งความ? คิดว่านางจะกลัวอย่างงั้นหรือ? ซูหวานหว่านยิ้มเยาะเย้ยกำลังจะโต้แย้งออกมา ทันใดนั้นก็มีชายวัยกลางคนใส่ชุดดำเดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “แม่นางซู นายท่านของเรามีเรื่องอยากจะขอรบกวน”

คนของร้านอาหารไท่อันจะมาไม้ไหนกันแน่!

ซูหวานหว่านพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาทันที “ไม่ไป”

ทันทีที่ผู้ดูแลร้านอาหารไท่อันกำลังเดินเข้ามาใกล้เกือบจะถึงตัวนาง ซูหวานหว่านก็ได้ก้มลงไปเห็นมีดด้ามสั้นที่กำลังจี้ที่เอวของนาง “จะไปหรือไม่ไป!”