ตอนที่ 87 ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 87 ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ

พวกเขาจะใช้วิธีการเช่นนี้กับนางอย่างงั้นหรือ? หากนางตกลงไปด้วยง่าย ๆ คงจะแปลกแล้ว!

ซูหวานหว่านเหลือบมองพวกเขาเล็กน้อย ทั้งเอ่ยถ้อยคำถากถาง “นี่เป็นวิธีการของร้านอาหารไท่อันอย่างงั้นหรือ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่ร้านอาหารแห่งนี้จะเงียบดั่งป่าช้า ไม่มีแม้แต่ลูกค้า”

หลังจากพูดจบ ซูหวานหว่านก็ขยับข้อมือตนเอง เข็มในมือของนางทิ่มลงไปยังมีดที่จี้อยู่บริเวณเอวของตน หลังจากนั้นมันก็หักเป็นสองส่วน

“นี่เจ้าทำได้อย่างไรกัน?!” ผู้ดูแลร้านพลันตะลึง เขาเบิกตากว้าง มือที่ถือมีดอยู่สั่นเทาขึ้นมา

“ข้าไม่ได้ใช้มนตร์ดำหรือพลังอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะมีดของเจ้าต่างหากที่มันไม่ดี! มีดนี้ช่างไม่มีคุณภาพเอาเสียเลย มันหักเองเจ้าจะมาตำหนิหาว่าข้าเป็นคนทำอย่างงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านยิ้มหยัน ผู้ดูแลร้านไม่ได้ทำอะไรต่อและเสี่ยวเอ้อของร้านเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

“แม่นาง ช้าก่อน!” ชายผู้หนึ่งในชุดผ้าไหมสีขาวกำลังเดินลงมาพร้อมกับถาดไม้ เขาวิ่งเข้าไปดักหน้าซูหวานหว่าน ยกถาดที่มีผ้าสีแดงพร้อมระบายยิ้ม “แม่นาง นายท่านของพวกเราต้องการเชิญท่านมาพูดคุยกัน ไม่ว่าท่านจะไปหรือไม่ หรือผลจะออกมาเช่นไร เงิน 100 ตำลึงนี่จะเป็นของท่าน”

คำเชิญเช่นนี้ นางชอบเสียเหลือเกิน!

ซูหวานหว่านพยักหน้าเอ่ยอย่างเย็นชา “นำทางไปสิ”

ผู้ดูแลร้านเห็นดังนั้นก็ยืนพึมพำอยู่ด้านหลัง “แม่นางผู้นี้ดูจะชอบเงินเหลือเกิน ช่างไม่สมกับเป็นสตรีดีงามเสียเลย”

“หืม?” ซูหวานหว่านหยุดเดิน และเหลือบมองผู้ดูแลครู่หนึ่ง แววตาของนางคมกริบราวกับมีดเล่มคม ส่งผลให้ผู้ดูแลร้านปิดปากเงียบไม่กล้าเอ่ยคำใดอีก ซูหวานหว่านจึงเอ่ยวาจาส่อเสียด “แล้วผู้ใหญ่ที่ใช้อาวุธข่มขู่เด็กน้อยเช่นนี้มีสิทธิ์อันใดมาเอ่ยวาจากัน”

“เจ้า…” ผู้ดูแลอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา ทว่าชายชุดผ้าไหมจ้องเขม็งไปที่ผู้ดูแลร้าน เขาจึงปิดปากตนเองและเดินตามไป

ซูหวานหว่านและชายคนนั้นเดินขึ้นมายังห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสาม เมื่อผลักประตูเข้าไปก็พบกับชายผู้หนึ่งใส่หน้ากากนั่งพิงเก้าอี้อยู่ มีคนถือพัดโบกปรนนิบัติ ข้างกายมีหญิงสาวสองคน หน้าตาสละสลวย นั่งเชิดหน้าท่าทางหยิ่งผยอง!

เมื่อเห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามา ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ออกไป”

“คุณชาย…” หญิงสาวทั้งสองรีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป แต่ก่อนพวกนางจะจากไป นางทั้งสองได้จ้องมองซูหวานหว่านราวกับตนได้แย่งผู้ชายของพวกนางไป

ซูหวานหว่านยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกนางจากไปแล้ว ซูหวานหว่านจึงนั่งลงและเอ่ยถามออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ข้าสงสัยว่าคุณชายมีเรื่องอันใดอยากจะคุยกับข้างั้นหรือ?”

เขารินน้ำชาลงถ้วยก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชา “ร้านอาหารไท่อันเป็นของข้า แต่ว่าเจ้ากลับมาทำให้มันกลายเป็นเช่นนี้ ดังนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะคุยกับเจ้าเรื่องอะไรงั้นรึ?”

อย่างไรนะ? มีอะไรเหตุใดไม่พูดออกมาตรง ๆ อยากให้นางพูดหรือยอมอ่อนข้อให้อย่างงั้นหรือ? ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาเบา ๆ “ขอโทษนะ หากเจ้าไม่มีสิ่งใดจะคุยกับข้า เช่นนั้นก็ลาก่อน”

กล่าวจบซูหวานหว่านก็ลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไป ทว่าชายหนุ่มคนนั้นตบโต๊ะอย่างแรงและกล่าวอย่างเย็นชา “แม่นางซู เจ้าไม่เห็นแก่หน้าข้าเลยหรือ?”

ซูหวานหว่านหันกลับไปมองอีกฝ่ายพร้อมยืนพิงกำแพงและคลี่ยิ้มออกมา “เจ้าเป็นใคร? พวกเรารู้จักกันอย่างงั้นหรือ? แล้วจะให้ข้าเห็นแก่หน้าเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้าพูดอะไร? พวกเราไม่รู้จักกันงั้นหรือ?” ชายหนุ่มตรงหน้าถอดหน้ากากออก

ซูหวานหว่านเกิดอาการตกใจ ใบหน้าของชายคนนั้นเหมือนกับคุณชายถังมาก! หากว่านางไม่เคยเจอกับคุณชายถังมาก่อน นางคงไม่สามารถแยกออกได้

“แม่นางซู เจ้าไม่ควรกล่าววาจาเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ให้โอกาสเพื่อให้ข้าเสนอเงินมากมายให้แก่เจ้าล่ะ?” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน บอกลูกน้องของตนที่อยู่ด้านข้างให้ไปนำพู่กัน หมึก กระดาษและหินฝนหมึกออกมา “ความจริงแล้วร้านอาหารเจวียเซ่อเป็นร้านของคุณชายถังน้องชายฝาแฝดของข้า และร้านอาหารไท่อันแห่งนี้เป็นของข้า หากเจ้าตอบตกลงที่จะช่วยข้าทำให้ร้านอาหารเจวียเซ่อตกต่ำลงได้ ข้าจะให้เจ้าทำสัญญากับข้าพร้อมกับเงินอีกหนึ่งพันตำลึง เจ้าว่าอย่างไร?”

เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ เขาและคุณชายถังเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน การต่อสู้ที่อยู่เบื้องหลังของสองร้านอาหารแห่งนี้ คงจะเกี่ยวข้องกับมรดกของตระกูลพวกเขาเป็นแน่

ซูหวานหว่านครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมา “เงินหนึ่งพันตำลึงข้าว่ามันน้อยไปเสียหน่อย หากเจ้าสามารถให้ทองคำแท่งกับข้าได้หนึ่งหมื่นตำลึง ข้าอาจจะตกลงก็ได้”

ทองคำแท่งหมื่นตำลึง? หญิงผู้นี้บ้าไปแล้วหรืออย่างไร กล้าดีอย่างไรถึงมาทำตัวมาอวดดี!

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาหัวเราะเยาะออกมาพร้อมกับปรบมือ แต่ทันใดก็มีชายร่างกำยำหลายคนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องและเฝ้าทั้งสองเอาไว้ “เจ้าคิดว่าข้าแค่จะเรียกเจ้ามาพูดคุยอย่างเดียวอย่างงั้นหรือ? บางทีข้าอาจหมายเอาชีวิตเจ้าก็เป็นได้ หากเจ้าไม่ตอบตกลงเจ้าคงไม่ได้ทั้งเงินหนึ่งพันตำลึงและไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้อีกต่อไป!”

เผยธาตุแท้ออกมาแล้วสินะ? ซูหวานหว่านยิ้มเยาะ “คุณชาย ข้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ๆ นางหนึ่งเท่านั้น ข้าจะไปมีความสามารถใดทำให้ร้านอาหารของท่านพัฒนาไปได้มากกว่านี้กัน”

ไม่มีวิธีงั้นหรือ? เขาไม่เชื่อหรอก! เขาได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วว่าซูหวานหว่านไม่เพียงแต่เพิ่มผลกำไรให้แก่ร้านเจวียเซ่อ ทว่านางยังช่วยคุณชายถังสร้างชื่อเสียงให้แก่ร้านหยกอีกด้วย

เขาตบโต๊ะเสียงดัง ทำให้ชายร่างใหญ่ 5 คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเดินเข้ามาล้อมตัวซูหวานหว่านพร้อมกับชักดาบออกมา แสงสะท้อนของดาบดูโหดเหี้ยมไร้ปรานี

ชายคนนั้นเผยสีหน้าไม่พอใจ “ในเมื่อพูดกันดี ๆ ไม่ชอบ ข้าคงต้องใช้วิธีการนี้บังคับเจ้า!”

เหตุใด? จะฆ่านางงั้นหรือ? แววตาของซูหวานหว่านพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางหยิบเข็มเงินในมิติฟาร์มออกมา แต่ในตอนที่กำลังจะลงมือนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ผู้ดูแลร้านเดินเข้ามาแล้วเอ่ยด้วยความร้อนรน “คุณชายขอรับ! ถ้าจะไม่ดีแล้ว! มีพลลาดตระเวนมาตรวจสอบร้านอาหารของเราขอรับ!”

“รีบไปจัดการเร็วเข้าสิ!” เขาเอ่ยปากสั่งการลูกน้องของตน ชายร่างใหญ่ทั้งห้ารีบเก็บดาบ จากนั้นก็พากันออกจากไปจากห้องพร้อมกับคุณชายและลงกลอนประตูไว้

ซูหวานหว่านยิ้ม เมื่อเสียงฝีเท้าก็เงียบลง นางจึงเจาะหน้าต่างและส่องลงไปที่ชั้นหนึ่ง

พลลาดตระเวนอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง โดยมีไป๋หยวนซูที่นางคุ้นเคยดี เขากำลังให้ลูกน้องของตนตรวจสอบบริเวณชั้นหนึ่งและในห้องครัว เหมือนว่าพวกเขากำลังตรวจสอบความสะอาดของร้านอาหาร

ผู้ดูแลรีบลงไปห้ามพวกเขาที่พยายามจะเข้าไปในครัว “ร้านอาหารของพวกเราไม่ใช่ไม่สะอาดเสียหน่อย! เจ้าควรไปตรวจสอบร้านอื่นเสีย!”

“แต่มีคนมารายงานกับทางการว่ามีหนูที่ร้านอาหารของพวกเจ้า หากเจ้าไม่ยอมให้พวกข้าตรวจสอบหรือเข้ามาขัดขวางการทำงาน พวกเจ้าจะโดนปรับในข้อหาการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้นะ”

ไป๋หยวนซูพูดจบก็โบกมือให้ลูกน้องของตัวเองอีกครั้ง ผู้ดูแลร้านจึงไม่ห้ามอะไรอีก ส่วนคุณชายคนนั้นกำลังเดินลงไปด้านล่าง

ร้านอาหารไท่อันหมายเอาชีวิตนางอย่างงั้นหรือ? เช่นนั้นแล้วนางจะไม่ลืมมอบของกำนัลแก่พวกเขาได้อย่างไรกัน?

ซูหวานหว่านหยุดครุ่นคิดแล้วมองไปที่โต๊ะ นางหยิบเงิน 100 ตำลึงที่พวกเขาเพิ่งวางเอาไว้เข้าไปเก็บในมิติฟาร์ม หลังจากนั้นก็ได้หยิบลวดเหล็กออกมาไขสอดปลดกลอนประตู

เมื่อประตูปลดกลอน ซูวานหว่านจึงก้าวเท้าออกจากห้อง นางนำหนูที่สุนัขจิ้งจอกตัวน้อยชอบไล่ต้อนในมิติฟาร์มออกมา จากนั้นนางก็มองไปรอบ ๆ เพื่อมองหาตำแหน่งของแขกและรู้สึกว่าแขกคนนั้นทำไมดูท่าทางเย็นชานัก ก่อนจะวางหนูลงไปที่พื้น

พวกหนูที่เพิ่งถูกไล่ล่าจากสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนก พวกมันพากันวิ่งไปรอบ ๆ ห้องอาหารทันที หนูตัวหนึ่งวิ่งจากชั้นสามไปยังชั้นหนึ่งและบังเอิญชนเข้ากับสตรีในบริเวณชั้นสอง สตรีผู้นั้นส่งเสียงร้องออกมาทันที “มีหนู!”

ใบหน้าของคุณชายผู้นั้นเปลี่ยนสี เขามองไปยังลูกน้องคนสนิทของตนเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นราวกับอยากจะฆ่าใครสักคน

ซูหวานหว่านคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นางเพียงต้องการแก้แค้นเท่านั้น พลันใดก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากห้องอาหารส่วนตัว “มีคนตาย!”

นางแค่เอาหนูออกมา ทำให้มีคนตายเลยงั้นหรือ?

ซูหวานหว่านเดินเข้าไปที่ห้องอาหารส่วนตัวนั้นพร้อมกับยืนฟัง นางก็ได้เสียงคนคุยกันว่า “เจ้าต้องแกล้งทำดี ๆ นะ! หากเราทำได้ เราจะไปที่ร้านอาหารเจวียเซ่อและไปขอเงินกับแม่นางซู!”

เหตุใดเรื่องนี้ถึงเกี่ยวกับนาง? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วคิดถึงเหตุผล ทว่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก