ตอนที่ 88 รวมตัวกันมากลั่นแกล้ง

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 88 รวมตัวกันมากลั่นแกล้ง

นางกำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไป ทว่าก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเสียก่อน ซูหวานหว่านจึงรีบซ่อนตัวอยู่มุมด้านข้างของห้อง นางเจาะกระดาษที่หน้าต่างให้เกิดรูเล็ก ๆ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

มีชายสองคนนั่งอยู่ด้านในห้อง ชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนโต๊ะมีน้ำลายฟูมปากพร้อมทั้งกลอกตาไปมา ร่างกายของเขากระตุกราวกับโดนยาพิษ

หากนางไม่ได้ยินสิ่งที่ชายสองคนนี้พูดก่อนหน้านี้ ซูหวานหว่านคงเชื่อว่าชายผู้นี้ถูกยาพิษเข้าแล้วจริง ๆ

การแสดงของพวกเขาช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!

ซูหวานหว่านกล่าวชื่มชมในใจ เมื่อนึกถึงไป๋หยวนซูและย้อนคิดถึงสองคนนี้ ดูเหมือนว่าทั้งสองจะคิดแผนการเหล่านี้มานานแล้ว บุคคลที่อยู่เบื้องหลังละครฉากนี้ต้องมีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับนางแน่ ๆ

ใครกัน?

ไม่ว่าจุดประสงค์ของทั้งสองคนคืออะไร ซูหวานหว่านทิ้งความสงสัยเอาไว้ก่อน นางนำหนูออกมาอีกสองสามตัวปล่อยมันเข้าไปในห้องก่อนที่ไป๋หยวนซูและคนอื่นจะขึ้นมา

ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงร้อง ‘จี๊ด’ ‘จี๊ด’ ของหนู คุณชายที่เดินขึ้นมาพลันหน้าเปลี่ยนสีมองไปยังผู้ดูแลร้านที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ไสหัวไปซะ!”

เขาตกงานแล้วหรือ!? ผู้ดูแลร้านทำตัวไม่ถูกและเกิดความลำบากใจอย่างมาก ทว่าไม่กล้าร้องขอหรืออ้อนวอนสิ่งใด เขาถอดเสื้อคลุมแล้วออกจากร้านไป

ภายในห้องอาหาร ไป๋หยวนซูเดินไปเขย่าร่างของชายที่นอนน้ำลายฟูมปากพร้อมเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “พาชายคนนี้ไปรักษา!”

หลังจากนั้นไป๋หยวนซูก็มองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหลังตน “ท่านคงเป็นคุณชายถังฟู่ใช่หรือไม่? โปรดให้ความร่วมมือกับเราด้วย”

คาดไม่ถึงเลยว่าไป๋หยวนซูจะรู้จักชื่อแซ่ของชายผู้นี้ นางรู้สึกว่าไป๋หยวนซูจะต้องรู้เรื่องราวต่าง ๆ อีกเป็นแน่ ซูหวานหว่านจึงตัดสินใจนับแต่นี้เป็นต้นไปว่านางจะต้องผูกมิตรกับไป๋หยวนซูให้มากกว่านี้

“พี่ชาย เห็นแก่หน้าของข้าหน่อยได้หรือไม่ ร้านอาหารของเราไม่ดี เราจะปรับปรุงแก้ไขมันโดยเร็ว” เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบเหรียญเงินออกมาจำนวนหนึ่ง

จะติดสินบนเขางั้นหรือ? ไป๋หยวนซูมองคุณชายถังฟู่ “พวกเจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่? โปรดเป็นพยานให้ข้าด้วย เขากำลังติดสินบนกับพวกข้า”

ชายคนนั้นพยักหน้ารับ “ร้านอาหารไท่อันแย่มาก หากไม่ใช่เพราะว่าร้านเจวียเซ่อมีลูกค้าแน่นเกินไป ข้าคงไม่มาเยือนที่ร้านแห่งนี้เด็ดขาด ข้าและน้องของข้าได้สั่งอาหารไปสองสามจาน มันไม่อร่อยเอาเสียเลย แต่ข้าก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะถูกวางยาจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คุณชายท่านจะต้องรับผิดชอบพวกข้า!”

คุณชายถังฟู่ขมวดคิ้วแล้วคว้าเงินมอบให้แก่ชายผู้นั้น พูดออกมาอย่างเย็นชา “รับเงินไปแล้ว ก็จงไสหัวไปซะ”

หากเขารับเงินไปคุณชายถังฟู่จะไม่เล่นงานเขาหรือ? ชายผู้นั้นส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ชีวิตคนทั้งคน! เงินจำนวนเพียงเท่านี้มันเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก! ท่านอย่าโน้มน้าวข้าเลย!”

“เหอะ” ไป่หยวนซูยิ้มเยาะเย้ยออกมาอย่างเย็นชา พร้อมคว้าที่ข้อมือของคุณชายถังฟู่ จับมัดเอาไว้แล้วลากตัวออกไป

คุณชายถังฟู่ขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ แต่เขารับรู้ได้เลยว่าตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากให้ความร่วมมือกับพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาได้สั่งลูกน้องคนสนิทของตนเองไว้ “เฝ้าซูหวานหว่านเอาไว้ ปล่อยให้นางอดอาหารเป็นเวลาสามวัน”

ยังคิดจะสั่งทำร้ายนางอยู่อีกหรือ? ซูหวานหว่านหัวเราะและเดินออกมาจากมุมห้อง หลังจากเดินออกมา คุณชายถังฟู่มองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความตกใจ “เจ้าออกมาได้อย่างไรกัน!”

“เจ้าลองเดาดู” ซูหวานหว่านถึงกับหัวเราะเยาะออกมา พร้อมพูดอย่างเฉยเมย “คุณชายลงกลอนประตูแน่นมากก็จริง ทว่าข้าสามารถปลดกลอนมันออกมาได้อย่างง่ายดาย”

“เหอะ!” คุณชายถังฟู่ถอนหายใจออกมาอย่างเย็นชา เขาในตอนนี้ไม่สามารถจับตัวซูหวานหว่านเอาไว้ได้แล้ว จึงยอมเดินตามไป๋หยวนซูออกไป ทว่าก่อนจะออกไป เขาได้ส่งสัญญาณให้กับลูกน้องของตน

ซูหวานหว่านไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ นางกำลังจะเอ่ยกับไป๋หยวนซู ทว่าเขาก็พูดขึ้นมาพร้อมทั้งมองไปที่ลูกน้องของตนเอง “งานของเจ้าวันนี้คือปกป้องแม่นางซู ติดตามนางไปทุกย่างก้าว”

นี่เขากำลังส่งคนมาคุ้มกันนางอย่างงั้นหรือ?

คาดไม่ถึงว่าไป๋หยวนซูจะห่วงใยนางมากถึงเพียงนี้ ซูหวานหว่านรู้สึกอุ่นใจ เด็กสาวเอ่ยขอบคุณไป๋หยวนซูและเดินจากมา ส่วนลูกน้องของเขาก็เดินตามนางออกมาอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเดินเตร่ไปมาบนถนน ซูหวานหว่านเดินไปยังร้านขายผ้าและซื้อผ้ามาจำนวนมาก ทว่าก็ต้องพบว่านางไม่สามารถนำเสื้อผ้าหรือสิ่งของไปไว้ในมิติฟาร์มได้ในเวลานี้

นางเสาะหาวิธีทำให้เจ้าหน้าที่คนนั้นแยกตัวออกไปจากนางครู่หนึ่ง เดินไปยังตรอกเล็กและแอบใส่ผ้าเข้าไปในมิติฟาร์มของตนเอง ในตอนนี้นางไม่ต้องหอบของพะรุงพะรังทำให้รู้สึกสบายตัวไม่น้อย แต่พลันใดนั้นเด็กสาวก็เห็นชายคนหนึ่งที่กำลังขายหมวกอยู่จึงเกิดความสนใจอยากเข้าไปดู ทว่ากลับมีชายชุดดำปรากฏตัวขึ้นที่มุมตรอก

คนเหล่านั้นตามนางมาจริง ๆ!

ช่างตั้งใจทำงานกันเสียเหลือเกิน!

ซูหวานหว่านพยายามขบคิดวิธีทำลายร้านอาหารไท่อัน นางเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงทางตัน

จะทำอย่างไรดี?

จะไปที่ไหนดี?

ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว และหันตัวกลับมาประจันหน้ากับชายชุดดำที่กำลังถือมีด “เจ้าคือซูหวานหว่านใช่หรือไม่? วันนี้ข้าจะ…”

ซูหวานหว่านเอ่ยขึ้นขัดประโยคของอีกฝ่าย “อย่าพูดจาให้มากความเลย! ฆ่าข้าให้ได้เสียก่อนค่อยพูดจะดีมาก ไม่เช่นนั้นจะเป็นเจ้าเองที่เสียหน้า หรือว่าบางทีประโยคนั้นอาจจะเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของเจ้าเองก็ได้!”

“ปากดีนัก!” ชายคนนั้นใช้มีดข่มขู่ ซูหวานหว่านหยิบเข็มเงินออกมาพร้อมกับหมุนมันในมือ เข็มเงินเล่มนั้นฝังเข้าไปในร่างของอีกฝ่าย ทำให้ชายคนนั้นนิ่งงัน จากนั้นร่างกายของเขาก็อ่อนแรงลงก่อนจะล้มลงบนพื้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้พร้อมทั้งอ้วกออกมา

นางไม่ได้เป็นคนเลือดเย็น นางเพียงแค่ต้องการลงโทษเขาเท่านั้นเอง อีกทั้งต้องการล้มเลิกความคิดของเขาด้วย หากชายผู้นี้ฟื้นขึ้นมาร่างกายของเขาก็จะปกติเหมือนเดิม ทว่าสติปัญญาของเขาจะกลายเป็นเหมือนเด็ก 3 ขวบ

ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะ ดึงเข็มเงินออกมาเช็ดทำความสะอาดและเก็บมันเข้าไปในมิติฟาร์ม หลังจากนั้นก็เดินจากไปอย่างเงียบ ๆ

ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีนกกางเขนตัวหนึ่งบินมาเกาะบนไหล่ของซูหวานหว่านพร้อมพูดว่า “ซูหวานหว่าน! เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว! มีตาเฒ่าคนหนึ่งและผู้หญิงที่มีนิสัยน่ารังเกียจสองคนกำลังไปที่บ้านของฮวงเหล่า พวกเขาไปที่นั่นเพื่อจับเจ้า! ดูเหมือนตาเฒ่านั้นบอกว่าเจ้าจะฆ่าเขา จะให้เจ้าจ่ายค่าชดใช้เป็นเงิน และเขาต้องการจับเจ้ามาเป็นเมียรองคนที่สิบสามของตัวเองอีกด้วย”

“หือ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วอย่างใช้ความคิด คนที่นกกางเขนเอ่ยว่าเป็นตาเฒ่าน่าจะเป็นพ่อเฒ่าซู ส่วนผู้หญิงที่น่ารังเกียจสองคนน่าจะเป็นซูฉิงฉิงและซูหยวนหยวน

หลังจากที่คิดได้เช่นนี้ ซูหวานหว่านจับไปที่ตัวนกกางเขนเบา ๆ ไว้ในมือของตนเอง จากนั้นนางนำนกกางเขนเข้าไปมิติฟาร์มแล้วพูดว่า “ในมิติฟาร์มเจ้าสามารถกินอาหารได้ทั้งหมด และข้าจะปล่อยตัวเจ้าออกมาหลังจากที่ข้าจัดการพวกเขาเสร็จเรียบร้อย”

พอพูดจบ ซูหวานหว่านก็วิ่งไปที่บ้านของฮวงเหล่าทันที

ก่อนที่นางจะเดินไปถึงก็ได้เห็นเพื่อนบ้านหลาย ๆ คนในละแวกนั้นต่างพากันมายืนมุงดูที่หน้าประตูหน้าบ้าน ดูเหมือนพวกเขากำลังดูละครฉากใหญ่อยู่

ซูหวานหว่านกำลังเดินเข้าไป ก็มีหญิงคนหนึ่งเห็นพอดี นางรับรู้ได้ทันทีว่าซูหวานหว่านเป็นเป้าหมายของพ่อเฒ่าซูเสียแล้วในวันนี้ พร้อมกับพูดออกมาทันทีว่า “แม่นาง! อย่าเข้าไปที่นั่นเลย ไอ้ตาเฒ่าแก่นั่นเป็นคนเลวร้าย”

“ขอบคุณที่เตือนข้า” ซูหวานหว่านเผยรอยยิ้มก่อนก้าวเข้าไปในลานบ้าน

ซูฉิงฉิงยืนขึ้นทันที “นังผู้หญิงสารเลวมาแล้ว! พาตัวนางไป!”

ในลานบ้านของฮวงเหล่าเต็มไปด้วยคนรับใช้ของตระกูลซูมากกว่า 12 คนที่วิ่งเข้ามา ซูหวานหว่านไม่ได้มีอาการตื่นตระหนก ทว่าเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ทักษะการต่อสู้ของนาง ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากมาย นางจึงค่อย ๆ หยิบมีดออกมาจิ้มไว้ที่คอของตนเอง “พวกเจ้าเข้ามาสิ! หากเข้ามา ข้าจะฆ่าตัวตายทันที ดูสิว่าพวกเจ้าจะได้ประโยชน์อะไรกับเรื่องนี้”

นางจะจบชีวิตตัวเองลงงั้นรึ!? ซูฉิงฉิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง นางเตรียมสร้างแรงยุยงทันที แต่ทันใดประตูด้านในก็ถูกเปิดออกพร้อมฮวงเหล่าและเสี่ยวเฮ่ยที่เดินออกมา

เสี่ยวเฮ่ยรีบเดินเข้าไปปกป้องซูหวานหว่านทันที เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นจะเข้ามาทำร้ายนาง คนจำนวนนับสิบของตระซูจึงได้ถูกเสี่ยวเฮ่ยจัดการจนราบคาบ โดยใช้เวลาไม่นาน ก่อนที่พวกเขาจะพากันร้องคร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด

พ่อเฒ่าซูถึงกับตกตะลึงชี้นิ้วไปที่เสี่ยวเฮ่ยอย่างสั่น ๆ “นี่เจ้า! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนของตระกูลซู! เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้า…”

“เจ้ากล้าอย่างงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านหยิบมีดออกมาปามันเฉียดหูพ่อเฒ่าซูไปจนเส้นผมสีดำปนขาวร่วงหล่นลงมา

“ข้า…” พ่อเฒ่าซูยืนขาสั่นพร้อมกับเตรียมตัวจะเดินออกไป

“ไสหัวออกไปให้พ้น” ซูหวานหว่านกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

ทันใดนั้นก็มีเสียงชายวัยชราดังขึ้นจากนอกประตูบ้าน “ซูหวานหว่าน! เจ้าไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่เสียเลยนะ! เจ้าบังอาจมาดูหมิ่นพี่เขยของเจ้าได้อย่างไร! วันนี้ข้าจะมาให้บทเรียนแก่เจ้า!”

เสียงนี้คือ…ซูต้าคังเหรอ?

ซูหวานหว่านนิ่งอึ้ง นี่ข้าควรจะดีใจแค่ไหนที่มีลูกเขยที่แก่กว่าตนเองกัน? ยังมาพูดจาตลกว่านี่เป็นพี่เขยของนางอีก!