หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เอ่ยเสียงเย็น “เจ้าแน่ใจหรือ?”

“แน่ขอรับ” เสวียซากวาดตามองกู้ชูหน่วนแวบหนึ่ง น้ำเสียงมั่นใจ

เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจอมมารถึงดีกับกู้ชูหน่วนขนาดนั้น ถึงกับส่งเขามาเตือนหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ด้วยตัวเอง ให้หัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างได้แตะต้องนางแม้แต่ปอยผม

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เจ็บใจ มองกู้ชูหน่วนด้วยโทสะ จากนั้นก็มองเย่เฟิงที่เย็นชาผอมบางด้วยความหมายไม่ชัด ยิ้มเย็นเอ่ย

“เสี่ยวเฟิงเอ๋อโตแล้ว ปีกกล้าขาแข็ง แม้แต่คำสั่งข้าก็กล้าขัด”

เย่เฟิงรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขาได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองหัวหน้ากองธงกล้วยไม้

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ขยับเข้าใกล้เย่เฟิง ยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม “เจ้าเชื่อไหม อีกไม่นานเจ้าก็จะกลับเขาสูบวิญญาณแต่โดยดี ขอร้องให้ข้ารับเจ้าไว้”

ร่างกายเย่เฟิงสั่นกระตุก สีหน้าขาวซีดเซียว

ไม่รอให้เขาคิดทัน หัวหน้ากองธงกล้วยไม้กับพวกสี่ผู้พิทักษ์วชิระก็จากไปแล้ว ทิ้งคนที่เหลือที่กำลังระส่ำระสายตาโตอ้าปากค้างอยู่

ผ่านไปนานเย่เฟิงก็ยังไม่ได้สติ สมองคิดคำพูดนั้นของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ไม่หยุด

อีกไม่นานเขาก็จะกลับเขาสูบวิญญาณแต่โดยดี ขอร้องให้เขารับเขาไว้…

เขาคิดจะทำอะไร?

เย่เฟิงตื่นตระหนก สัญชาตญาณบอกว่าเรื่องร้าย

กู้ชูหน่วนเอ่ยขึ้นดาดๆ “ไปแล้วหรือ? ยังไม่ทันเริ่มสู้เลยมิใช่หรือ? หนีไปเร็วไปหน่อยกระมัง?”

เย่จิ่งหานคำรามต่ำ อารมณ์โกรธพลุ่งพล่าน “กู้ชูหน่วน!”

“เออ…ท่านอ๋องมีเรื่องอันใดหรือ?” กู้ชูหน่วนมองเขาอย่างงุนงง

เมื่อเห็นท่าทางนางเช่นนี้แล้ว โทสะของเย่จิ่งหานก็เพิ่มขึ้นอีกหลายขั้น

นังผู้หญิงคนนี้ เมื่อครู่ถึงกับว่าเขาว่าขาที่สามทั้งเล็กทั้งไร้ประโยชน์

สารเลว!

“ชิงเฟิง เจี่ยงเสวีย เอาตัวนางไป!”

ฝูกวงขวางอยู่เบื้องหน้า มองชิงเฟิงกับเจี่ยงเสวียด้วยสายตาเย็นชา คงความรับผิดชอบขององครักษ์คนหนึ่ง

เย่จิ่งหานเอ่ยออกมาจากร่องฟัน “นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับนาง หากสำนักอสุรากล้าเข้ามายุ่ง ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะใช้เลือดล้างสำนักอสุรา!”

“ท่านอ๋อง เห็นสำนักอสุราเราเป็นพลับนิ่มหรืออย่างไร?” แม้ฝูกวงอายุอานามยังน้อย ทั้งยังมีหน้าเด็กกระจุ๋มกระจิ๋ม ทว่าบุคลิกกลับแข็งแกร่งมาก

กู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจ แสร้งตำหนิ “ฝูกวง นี่เจ้าก็ไม่ถูกนะ อย่างไรเมื่อครู่ท่านอ๋องก็ช่วยเราไว้ แล้วเราจะทดแทนบุญคุณด้วยความแค้นได้อย่างไร?”

ฝูกวงกลับไม่ยอมถอย เพียงแต่นัยน์ตาใสแววยังคงจ้องเย่จิ่งหานอยู่ตลอด

“ท่านอ๋อง ไม่ทราบลมอะไรหอบท่านมาที่นี่?”

“เฮอะ เจ้าอย่าลืมสิ อีกสองวันก็จะเป็นวันมงคลของเรา วันมงคลของข้า แต่ชายากลับหายตัวไป เจ้าอยากให้ข้าเป็นที่หัวเราะของคนใต้หล้าหรือ?”

นางรู้ ว่าเย่จิ่งหานต้องไม่ดั้นด้นแต่ไกลมาช่วยนางอย่างไม่มีเหตุผลแน่

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องแต่งงาน กู้ชูหน่วนก็รู้สึกปวดหัว

ขณะที่นางกำลังจะเอ่ย จู่ๆ เย่เฟิงก็หน้าขาวเผือด สั่นระริกเอ่ย “หมู่บ้านสายธาร ท่านยายมีอันตราย ข้าต้องกลับหมู่บ้านสายธารก่อน”

การหยอกล้อของกู้ชูหน่วนลดลงประมาณหนึ่ง เอ่ยเสียงหนัก “เจ้าหมายถึง หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะทำร้ายยายของเจ้า?”

“ใช่ แต่ไหนมาเขาก็ไม่ใช่คนมีเมตตาใจอ่อน” เย่เฟิงพยักหน้าอย่างมั่นใจ

ไม่เพียงยายของเขา เป็นไปได้มากว่าชาวบ้านในหมู่บ้านสายธารก็มีอันตรายด้วย

เย่เฟิงกำชุดสีเขียวอ่อนนั้นแน่น นัยน์ตาเย็นชาเผยความเจ็บปวดขึ้นมา คืนชุดให้ฮองเฮาฉู่

“ฮูหยิน ข้ามีธุระต้องไปก่อนแล้ว ชุดนี้ขอคืนให้ท่าน”

หลังจากผ่านเรื่องนี้มา ฮองเฮาฉู่ต้องรู้แน่ว่าเขาเป็นแค่ทาสบำเรอที่ฐานะต่ำต้อย

เกรงว่าการสนทนากับเขาจะแปดเปื้อนตัวนาง

ฮองเฮาฉู่ส่ายหน้า กุมมือน้อยที่เย็นเฉียบของเขาแน่น ใบหน้าคลี่รอยยิ้มเมตตา “เจ้าใส่เถอะ ชุดนี้อยู่กับข้าก็ไม่มีประโยชน์ หากเจ้าชอบ เสื้อผ้าพวกนี้ก็ให้เจ้าทั้งหมด”

“ฮูหยิน…” เย่เฟิงสะอื้น

จากกันครั้งนี้ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์

แต่ละวันที่เขามีชีวิตอยู่ ล้วนแต่เป็นการนิรโทษกรรมจากสวรรค์เท่านั้น