บทที่ 370: การเดินทางครั้งแรกของราชาปีศาจ

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 370: การเดินทางครั้งแรกของราชาปีศาจ

โนบูนางะเดินออกมาจากประตูนรก และเดินกลับไปที่ต้นไม้เงินโดยที่มือทั้งสองข้างไพล่ไว้ด้านหลัง จมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง พื้นที่โดยรอบต้นไม้เงินนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยรั้วสูงสีเขียว และเสียงเดียวที่ได้ยินดัง มาจากด้านในก็คือเสียงตะโกนของการฝึกซ้อม

เขาเดินเข้าไปด้านใน อาคารหินโบราณตั้งอยู่ในจุดในสุดของรั้ว แท่นหินขนาดใหญ่ถูกวางตั้งอยู่ด้านหน้าอาคาร ซึ่งไม่ใช่สิ่งใดอื่นนอกจากลานสำหรับผู้เป็นแม่ทัพ ณ ด้านหน้าของลายหินคือจุดที่กองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดรวมตัวกัน ทหารวิญญาณทั้งหมด 8,000 นายที่ถือกระบองไม้ยาวอยู่ในมือกำลังฝึกฝนกระบวนท่าจ้วงแทงไปด้านหน้าอยู่ ในขณะที่ทหารม้านับพันที่แต่งกายด้วยชุดเกราะของจีนคอยยืนประจำการอยู่ระหว่างแถว คอยชี้ไปที่คนทั้งหมดและให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง

ฟึ่บ… สายลมพัดเสื้อคลุมสีแดงเข้มของพวกเขาจนกระพืออย่างยิ่งใหญ่ ทันใดนั้น โนบูทาดะก็เดินเข้ามาและประสานกำปั้นคาราวะ “ท่านพ่อ”

จากนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็สังเกตเห็นประกายความซับซ้อนในแววตาของผู้เป็นบิดา โนบูทาดะกะพริบตาปริบ ๆ อย่างสงสัย “ท่าน…มีบางอย่างอยู่ในใจ”

มันเป็นเพียงประโยคบอกเล่าเท่านั้น

โนบูนางะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาในทันที กลับกัน เขาเพียงมองดูทหารวิญญาณเกือบหมื่นที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน เรือนยอดของต้นไม้เงินปลิวไปมาเหนือศีรษะของพวกเขา ปกปิดบรรยากาศที่จริงจังภายในรั้วอย่างสมบูรณ์ จากนั้น โนบูนางะก็เอ่ยขึ้น “โนบูทาดะ เจ้าคิดว่า… ท่านฉินเชื่อใจเราหรือไม่?”

โนบูทาดะที่ไม่ได้ทันตั้งตัวชะงักไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบออกไปอย่างไรดี

เชื่อใจหรือ?

แน่นอนว่าพวกเขาได้รับอำนาจทางการทหารอย่างเต็มที่ แต่…มันก็ยังมีบางอย่างที่ยังรู้สึกไม่ถูกต้องอยู่

เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าแม้ว่าทหารวิญญาณเหล่านี้มักจะมองพวกเขาด้วยความเคารพ แต่มันก็ไม่มีผู้ใดยอมเข้ามาพูดคุยกับพวกเขาด้วยความตั้งใจของตัวเอง กลุ่มของทหารวิญญาณมักจะพูดคุยและหัวเราะกัน แต่คนเหล่านี้ก็จะเงียบเสียงลงทันทีที่เห็นคนญี่ปุ่นเดินเข้ามาใกล้ นี่เป็นการปฏิเสธความเป็นผู้นำของพวกเขาอย่างเงียบ ๆ

พวกเขารู้ดีว่าความเกลียดชังเหล่านี้มาจากความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่นและจีน นอกจากนี้มันยังมีความคิดของการรังเกียจชาวต่างชาติที่ฝังลึกอยู่ภายในหัวใจและจิตใต้สำนึกของคนทั้งหมดอีกด้วย มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานานอย่างไม่น่าเชื่อในการสลายความรู้สึกเหล่านี้ออกไป ต่อให้ผ่านไปร้อยปีก็อาจจะไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ไม่ไว้ใจหรือ?

หากเป็นแบบนั้นแล้วพวกเขาจะได้รับอำนาจในการควบคุมกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดของยมโลกได้อย่างไร?

โนบูทาดะไม่ได้ตอบอะไร และโนบูนางะก็แย้มยิ้มออกมา “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามข้อนี้ของข้า แต่ข้าขอถามเจ้าคำถามอื่นแทน เจ้าคิดว่าเขาเป็นผู้นำแบบใด?”

ครั้งนี้ โนบูทาดะเอ่ยตอบออกไปทันที

“ชายผู้มีพันหน้า” โนบูทาดะเอ่ยออกไป “เขาปฏิบัติต่อแต่ละคนแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับการประเมินของตัวเองที่มีต่อคนคนนั้น และยังสามารถทำมันได้อย่างเชี่ยวชาญมากเสียด้วย เขารู้จักจับจุดคน และเก่งในการควบคุมความคิด นอกจากนี้ยังมีประสาทสัมผัสและไหวพริบที่เฉียบคม และเขา…ก็ไม่ได้อายุน้อยอย่างรูปลักษณ์ที่แสดงออกมา หากพูดกันตามความจริง มันยังมีบางครั้งที่ข้ารู้สึกว่าตัวเองเปลือยเปล่าเมื่ออยู่ภายใต้การสังเกตของเขา มันราวกับว่าสายตาของเขาสามารถมองทะลุเกราะป้องกันที่สมบูรณ์แบบที่ข้าได้สร้างเอาไว้ไม่มีผิด เขา…แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีบรรยากาศของการเป็นผู้นำอยู่รอบตัว แต่เขา…คือผู้ที่เกิดมาเพื่อที่จะเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย”

โนบูนางะที่ได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยว่า “ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเขาไม่เคยคิดที่จะเป็นผู้นำใครเลย หรือข้าควรจะพูดว่าเขาไม่ต้องการที่จะเป็นผู้นำเสียมากกว่า… แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องทำ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมภาพลักษณ์ของเขาถึงขัดกับความสามารถของเขาเอง ผู้นำเช่นนี้คือผู้นำที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่มีความปรารถนาใด ๆ และนั่นก็ทำให้เขาสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขากล้าท้าชนกับราชทูตทั้ง 12 ที่เป็นถึงเหล่าผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์”

แม่ทัพคนดังถอนหายใจออกมาและแย้มยิ้ม “แล้วเหตุใดจู่ ๆ คนแบบนั้นถึงมอบหมายให้ข้าดูแลยมโลกแห่งใหม่กัน?”

“มัน–… หืม?” โนบูทาดะมองผู้เป็นบิดาตาโต “ท่านพ่อ! ทะ ท่านฉินมอบหมายให้ท่านดูแลยมโลกอย่างนั้นหรือ?! เช่นนั้น เขา–… ใช่แล้ว! เขาจะเป็นผู้นำในการสำรวจสำหรับการก่อตั้งเมืองท่าด้วยตัวเองใช่หรือไม่? ท่านพ่อ นี่คือโอกาสของระ–!”

เพี้ยะ!

โนบูนางะตบหน้าคนตรงหน้าอย่างแรงก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ

“เจ้าโง่!” เขาคว้าคอผู้เป็นลูกและดึงขึ้นมา ซี่โครงบริเวณอกยื่นออกมาราวกับกิ่งของต้นหลิว ห้อมล้อมร่างของโนบูทาดะเอาไว้ราวกับกรงที่ทำมาจากโครงกระดูก จากนั้นจึงเอ่ยกับผู้เป็นลูกชายรอดไรฟัน “โอกาส? โอกาสอะไร?!”

“เจ้าจงจำเอาไว้ให้ดี – ตอนนี้เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใต้พิภพของจีน! หรือเจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าจะเป็นอะซะอิ นะงะมะซะคนต่อไป?!”

“นี่คือบททดสอบ… บททดสอบสุดท้ายของเรา! เจ้าเข้าใจหรือไม่?!” เขาเขย่าร่างของโนบูทาดะด้วยมือเพียงข้างเดียว โนบูนางะสูดหายใจเข้าช้า ๆ และโครงกระดูกทั้งหมดก็เริ่มหดกลับเข้าที่เดิม น้ำเสียงของเขาสงบลงอีกครั้ง “เจ้าคิดว่านี่คือโอกาสสำหรับอะไร? ลองเงยหน้าขึ้นมาและมองดูสายตาของเหล่าวิญญาณชาวจีนเบื้องหน้าของเจ้า เจ้าต้องการก่อจลาจลอย่างนั้นหรือ? ผู้ใดจะติดตามเจ้า?”

“การจะก่อให้เกิดการกบฏ เงื่อนไขเบื้องต้นคือการเกิดความไม่สงบในบ้านเมืองและกลุ่มกบฏที่พร้อมใจกันจะลุกขึ้นต่อต้านผู้นำ แต่สิ่งที่เจ้ากำลังพูดถึงคือการให้เทพแห่งสงครามของญี่ปุ่นปักธงของตนลงในจีนและนำทัพวิญญาณชาวจีนเพื่อก่อกบฏ! เจ้าคิดว่ามันจะเป็นไปได้หรืออย่างไร? นอกจากนี้ เจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่าพื้นที่ด้านนอกยมโลกมีอันตรายอะไรกำลังรอพวกเราอยู่? อสูรวิญญาณ! มันคืออสูรวิญญาณขั้นตุลาการนรกเสียด้วย! ด้วยกองกำลังทหารม้าเพียงลำพัง เราไม่มีทางรอดชีวิตไปถึงเมืองต่อไปได้”

“สิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือเราจะต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่าเราได้รับการสนับสนุนจากยมโลก หากปราศจากการรับรองของท่านฉิน เราคงไม่สามารถบรรลุสิ่งใดในยมโลกได้เลย อย่างที่เจ้าเป็น ยอมรับตัวตนใหม่ของเจ้าในฐานะของวิญญาณชาวจีน และจงล้มเลิกความคิดในหัวของเจ้าซะ! อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องชิงอำนาจ มันเป็นไปไม่ได้!”

โนบูทาดะกุมใบหน้าฝั่งที่แดงก่ำของตนเองและพยักหน้าหนักแน่น

โนบูนางะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน “ลูกพ่อ…พ่อคนนี้ตั้งความหวังกับเจ้าไว้สูงมาก แต่เจ้า…ควรหาโอกาสและเรียนรู้จากท่านฉิน ตราบใดที่เจ้าสามารถจับจุดและเข้าใจจิตใจมนุษย์ได้ เจ้าก็จะสามารถก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของโลกได้”

เงียบ

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง โนบูทาดะก็ค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น “วางใจเถิดท่านพ่อ ข้าจะปฏิบัติตัวเหมือนว่าตัวเองคือชาวจีนแท้ ๆ และจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ไว้ข้างหลัง”

โนบูนางะที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถามกลับว่า “เท่านั้นเองหรือ?”

โนบูทาดะมึนงง นี่ผู้เป็นพ่อของเขายังต้องการสิ่งใดอีก?

“เจ้ายังคงมองทุกอย่างจากเพียงมุมเดียวอยู่” โนบูนางะชี้นิ้วไปยังทหารวิญญาณหลายพันนายที่ยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ “การที่ท่านฉินมอบหมายให้พ่อของเจ้าดูแลยมโลกแห่งใหม่ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบเรา มันยังเป็นการมอบโอกาสความช่วยเหลือให้กับเราอีกด้วย! นอกเหนือจากนั้น มันยังมีอีกบททดสอบหนึ่งที่เขาได้วางเอาไว้ ซึ่งมันก็คือการสำรวจดินแดนทางตะวันออกที่กำลังจะมาถึง”

“พวกเราจะต้องประจันหน้ากับอสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งตลอดทั้งการเดินทาง แน่นอนว่าตอนนี้หลายอย่างอาจจะยังดูผิดที่ผิดทาง และเหตุผลที่เรายังตั้งใจที่จะไม่ก่อเรื่องก็เป็นเพราะเราไม่ต้องการให้มีความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้น แต่ทันทีที่เราเริ่มเดินทางกับคนของเราและเสียเลือด เหงื่อ และหยดน้ำตาด้วยกันกับพวกเขา เมื่อนั้น…กองกำลังวิญญาณของยมโลกก็จะเริ่มเปิดรับเราด้วยตัวเอง ด้วยวิธีนี้ เมื่อเราเริ่มเดินทัพไปยังญี่ปุ่น พวกเขาก็จะเต็มใจที่จะติดตามเราและช่วยเหลือเราสุดกำลังของพวกเขา!”

“นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงบอกว่าบททดสอบนี้ยังเป็นโอกาสที่ท่านฉินมอบให้กับเรา ไม่เช่นนั้น เขาคงให้มุไรคุงนำทัพในครั้งนี้ไปแล้ว เพราะนั่นจะช่วยลดอำนาจของข้าและแต่งตั้งมุไรคุงขึ้นมาแทน แต่เขาก็ไม่ทำเช่นนั้น แต่กลับเลือกที่จะเชื่อในตัวข้า หากเขายอมที่จะทำถึงขนาดนั้น ข้าจะสามารถทรยศเขาได้อย่างไร? ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยังว่าตนเองต้องทำสิ่งใด โนบูทาดะ?”

“ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ” คำตอบของโนบูทาดะเต็มไปด้วยความจริงใจและมุ่งมั่นในที่สุด ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของผู้เป็นพ่ออย่างเต็มใจ

“ดีมาก” โนบูนางะเอ่ย “ประการแรก แมลงแห่งหายนะกว่าพันล้านตัวในยมโลกแห่งเก่าพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวแล้ว มีเพียงตอนที่มีเครื่องมือและอาวุธที่เหมาะสมเท่านั้นที่พวกเรา…จะสามารถใช้และออกเดินทางสำรวจได้”

“จากเท่าที่ข้ารู้มา ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้…จะเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยการต่อสู้และเสี่ยงถึงชีวิต อสูรวิญญาณที่เราจะได้พบนั้นอยู่ขั้นยมทูตขาวดำเป็นอย่างต่ำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นการฝ่าอันตรายครั้งแรกของพวกเราทั้งหมด และผู้ที่สามารถกลับมาได้โดยที่มีชีวิตก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะอีกที!”

“พวกเราไม่สามารถหลบอยู่หลังการป้องกันของทัพเกราะทมิฬได้” เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และยกมือขึ้น “ตีกลองแห่งสงคราม! ระดมกองทัพเดี๋ยวนี้!”

หวูดดดด! ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม! เสียงแตรสงครามและกลองสงครามดังขึ้นด้วยจังหวะถี่รัว กองกำลังทหารม้าที่กระจายตัวอยู่โดยรอบหยุดเคลื่อนไหวและหันไปสนใจที่ลานหินทันที ทหารวิญญาณตนอื่น ๆ เองก็ยืนหยัดและหันไปมองเช่นกัน

ธงที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลโอดะปลิวไสวอยู่ด้านหลัง หัวใจของโนบูนางะเต้นเร็วและแรงขึ้น มันผ่านมากี่ปีแล้วกันนะที่เขาไม่ได้ชูธงขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้?

รอก่อนเถิด… ราชทูตทั้ง 12 อาจจะเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียง แต่ข้า โอดะ โนบูนางะ เองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกท่านเช่นกัน!

ทั่วทั้งบริเวณเงียบเสียงลง กองกำลังของพวกเขาได้ฝึกฝนมาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว และพวกเขาก็สามารถกวัดแกว่งอาวุธของตัวเองได้ราวกับมันเป็นอวัยวะส่วนเกินที่งอกออกมาจากร่างกายของตัวเอง สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือการต่อสู้และสงครามครั้งใหญ่

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง โนบูนางะก็แผ่รัศมีของยมทูตขั้นยมทูตขาวดำออกมา “สุภาพบุรุษ มันเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่เราตรากตรำฝึกฝนกันมาอย่างหนักหน่วง และในที่สุด…มันก็ถึงเวลาที่จะได้เห็นผลของการฝึกนี้”

ดวงตาของทหารม้าทั้งหมดเป็นประกายขึ้นทันที

สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว…

กับผู้ใดน่ะหรือ?

ไม่…มันไม่สำคัญเลยสักนิด ทหารวิญญาณภายใต้การบังคับบัญชาของท่านโนบูนางะตอนนี้มีมากกว่า 8,000 นาย รวมกับพวกเขา ทหารม้าอีกพันกว่านาย พวกเขาก็มีกันเกือบหมื่นนาย! พวกเจ้าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวังอย่างแน่นอน!

ทว่าทหารเกณฑ์ทั้งหมดไม่ได้มีแนวคิดเดียวกันกับพวกทหารม้า อย่างไรก็ตาม โนบูนางะไม่ได้สนใจ เพราะอย่างไรแล้ว ความอ่อนไหวต่อสงครามนั้นย่อมมาพร้อมกับประสบการณ์และการเสียเลือด มีเพียงทหารผ่านศึกเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่สงครามจะเริ่มขึ้น และควรตัดสินใจที่จะสู้หรือหนี นี่คือความแตกต่างในประสบการณ์

“ตอนนี้พวกเราอาจจะยังมีเพียงอาวุธคุณภาพต่ำ แต่มันก็มีวัสดุมากมายสำหรับการทำอาวุธชุดใหม่ขึ้นมา และทั้งหมดนั้นก็อยู่ที่ยมโลกแห่งเก่า! ยิ่งกว่านั้น วันนี้พวกเรามีนายทหารกล้าเกือบ 10,000 นายที่ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้น บอกข้ามา พวกเราควรทำเช่นไร?”

“ฆ่าแมลงแห่งหายนะ!!” มุไร ซาดาคัตสึยืนอยู่แถวหน้าสุด เบื้องหน้าของลานหิน ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยเปลวไฟนรกสีแดงเข้ม “ฆ่ามัน! และนำมันมาที่ยมโลกแห่งใหม่!”

“ฆ่ามัน!!” เสี้ยววินาทีต่อมา ทหารม้าและผู้คุ้มกันส่วนตัวของโนบูนางะก็ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

มันเป็นเพียงคำสั้น ๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เลือดในกายของเหล่ามือใหม่เดือดพล่าน

การสร้างกองทัพอาจใช้เวลาหลายพันวัน แต่เพียงวินาทีเดียวในการปรับใช้ วันนี้คือวันที่คมมีดของยมโลกแห่งใหม่จะถูกดึงออกจากฝัก

“แล้วพวกเจ้าเล่า?!” โนบูนางะหันไปตะโกนกับทหารวิญญาณที่เหลือ “ท่านฉินได้ออกคำสั่งให้เราระดมกองกำลังไปยังยมโลกแห่งเก่าและกำจัดมันเพื่อยมโลกแห่งใหม่! ผู้ใดจะไปกับข้าบ้าง?! ตอบมา!!”

ฉึก!

เขาชักดาบคาตานะของตัวเองออกมา คิคุอิจิมอนจิ และมันก็เปล่งประกายอย่างน่ากลัวภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน

เงียบ

ในเสี้ยววินาทีต่อมา ทหารของกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน “ชีวิตของข้าเพื่อยมโลก!!!”

“ดีมาก” โนบูนางะปักคิคุอิจิมอนจิลงบนพื้นพร้อมกับประกายไฟที่ลุกโชนภายในดวงตา “มุไรคุง”

“นายท่าน” มุไร ซาดาคัตสึก้าวออกมาด้านหน้า

“นำกองกำลังทหาร 2,000 นายและตั้งแนวหน้าปีกขวา!”

“รับทราบ!”

“โอนิคุง นำกองกำลังทหาร 2,000 นายและตั้งแนวหน้าปีกซ้าย!”

“รับทราบ!”

“โนบูทาดะ นำกองกำลังทหาร 2,000 นายไปอยู่กองหลังสำหรับพลธนู!”

“รับทราบ!”

“ส่วนข้าจะนำทหารอีก 2,000 นายเป็นทัพหลัก พวกเราจะออกเดินทางภายในหนึ่งสัปดาห์! หลังจากนี้ ทุกอย่างจะถูกปฏิบัติตามข้อจำกัดของกองทัพ! ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกประหารทันที!!”