บทที่ 369: สถานที่ซึ่งแม่น้ำหวงเหอไหลออกสู่ทะเล
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!” ความคิดของฉินเย่มารวมกันทันที และเด็กหนุ่มก็รีบเอ่ยออกมาพร้อมกับพยักหน้ายืนยัน
“ช้าก่อน” อาร์ทิสแทรกขึ้นมาและมองฉินเย่อย่างสงสัย “จะว่าอย่างไรดี…มันเหมือนเจ้าได้ถอดเครื่องป้องกันออก แต่ก็แข็งแกร่งขึ้นและพร้อมจะปลดปล่อยอีกครั้ง… มันดูไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลยสักนิด เหตุใดจู่ ๆ เจ้าถึงยอมรับการตัดสินใจของพวกเขา ไหนช่วยอธิบายมาที…”
ให้ตายเถอะ…
ฉินเย่เกือบจะไม่สามารถต้านทานความต้องการที่จะตบหน้าอีกฝ่ายแรง ๆ สักสองทีได้ – นางผีแก่นี่…นางเริ่มพูดภาษาเดียวกับข้าแล้ว!
แต่ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่าไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์?! ข้าขอคูลดาวน์สั้น ๆ ไม่ได้หรืออย่างไรกัน?
“แน่นอน มันเป็นเพราะตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม…” ฉินเย่หมายที่จะปกปิดความดีใจภายใต้สีหน้าที่บูดบึ้ง
อาร์ทิสสบตาเด็กหนุ่มนิ่งและกะพริบปริบ ๆ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าลักยิ้มบนแก้มของเจ้าจะปรากฏขึ้นในทุกครั้งที่เจ้าเริ่มยิ้ม? การเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อกลั้นยิ้มมันทำให้หน้าของเจ้าดูแปลกประหลาดมาก”
อะไรเนี่ย?! นี่ลักยิ้มของข้ามันไปทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรืออย่างไร?!
ฉินเย่ไม่สนใจอีกฝ่าย แต่อาร์ทิสก็เอ่ยต่อ “ด้วยลักษณะนิสัยของเจ้า เจ้าน่าจะเลือกมณฑลเจียงซูมากกว่า ที่นั่นเองก็เหมาะสำหรับใช้เป็นเมืองท่าเช่นกัน นอกจากนี้มันยังใกล้กับเมืองเป่าอัน และเจ้ายังคุ้นเคยพื้นที่แถวนั้นเป็นอย่างดีเนื่องจากเคยไปอยู่ที่นั่นมาก่อน หรือไม่เจ้าก็คงจะเลือกมณฑลฝูเจี้ยนแทน แต่สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้าทำตัวแตกต่างจากปกติ?”
ฉินเย่กระแอมออกมาอย่างอึกอัก “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…ข้อเท็จจริงที่ว่ามณฑลซานตงนั้นอยู่ใกล้กับทั้งญี่ปุ่นและแดฮัน มันจะทำให้เราสามารถจับตาดูโลกใต้พิภพของญี่ปุ่นและแวะไปยังโลกใต้พิภพของฮันยางเพื่อดูหลิวอวี้และกองกำลังของเขาเป็นครั้งคราวได้…”
หากอาร์ทิสไม่รู้จักฉินเย่มาก่อน นางก็อาจจะเชื่อเหตุผลนี้ของอีกฝ่าย
เพราะอย่างไรแล้ว มณฑลซานตงก็เป็นเหตุผลที่ดี และมันยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจ้าวนรกองค์ใหม่แห่งยมโลกอีกด้วย
ทว่าน่าเสียดาย เพราะผู้ที่เขากำลังพูดด้วยนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คืออาร์ทิส
นางจ้องหน้าฉินเย่เป็นเวลาครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ทว่ามั่นใจ “เซี่ยจิ่นเส้อ”
ให้ตายเถอะ… ดวงตาของฉินเย่ลุกโชนขึ้น เขาแทบรอให้ถึงวันที่ตัวเองจะสามารถปล่อยไฟนรกใส่ศีรษะของอีกฝ่ายไม่ไหว
คนบางคนก็น่าขยะแขยงและน่ารังเกียจ ยิ่งเขาพยายามจะปกปิดบางอย่าง นางก็ยังพยายามขุดคุ้ยมันขึ้นมา อุจจาระจะไม่มีกลิ่นเหม็นเลยหากไม่ถูกขุดขึ้นมาจากหลุม! เขาหมายถึง… การเปิดเผยความจริงทุกอย่างไปจะได้อะไร?!
“ผู้ใดกัน?” หวังหนึ่งหาง ผู้ที่เงียบมาตลอดเอ่ยถามขึ้น เขาหันไปมองฉินเย่ด้วยสายตาสงสัย “มีสาวงามในโลกนี้ที่ข้าไม่รู้จักด้วยหรือ? ท่านพี่ฉิน นางคือคนรักของท่านอย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของฉินเย่มุ่ยลง แต่อาร์ทิสกลับกระซิบต่อก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรออกไป “หนุ่มสาวจะรักกันแล้วมันจะสำคัญอย่างไร? โชคดีที่เจ้าเรียงลำดับความสำคัญได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เจ้าจะทำการค้ากับฮันยางได้อย่างไรหากปราศจากการสร้างเมืองท่า? นี่สินะคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าดู…กระปรี้กระเปร่าขนาดนี้? หึหึหึ… สหาย เจ้ากำลังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิสินะ…”
“ในเมื่อบอกแล้วว่ารักนั้นไม่สำคัญ แล้วเหตุใดท่านยังพูดถึงมันอยู่อีก?” ฉินเย่กัดฟันกรอดและกระซิบตอบ จากนั้นเขาจึงหันกลับไปหาคนอื่น ๆ และเปลี่ยนหัวข้อ “มีผู้ใดช่วยอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจให้ข้าฟังทีได้หรือไม่?”
สายตาของคนทั้งหมดหันไปมองที่กู่ชิงทันที ชายสูงวัยกระแอมออกมาเบา ๆ และลุกยืนขึ้น “กระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”
อาร์ทิสขยับมือเล็กน้อย และหน้าจอพลังหยินก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ฉายให้เห็นถึงแผนที่ภาพรวมพร้อมรายละเอียดของมณฑลต่าง ๆ กู่ชิงเดินไปที่หน้าจอและชี้ไปที่มณฑลอันฮุ่ย “ประการแรก ตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดสำหรับการจัดตั้งเมืองท่าก็คือมณฑลเจียงซู หากเราตั้งรกรากที่นั่น เราก็จะสามารถข้องเกี่ยวกับวิญญาณได้จำนวนมาก แน่นอน มันดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเมื่อมองในคราแรก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลือกนี้…จะค่อนข้างอันตราย”
“พวกเรายังต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงที่ฝ่าบาทจะต้องเดินทางกลับไปยังยมโลกเพื่อตั้งหลักปักดินแดนสำหรับการขยายอาณาเขตของยมโลกอีกด้วย และในจุดนี้ เมืองตงไห่เป็นหนึ่งในสถานที่ซึ่งได้รับการควบคุมหนาแน่นที่สุดในแดนมนุษย์ ไม่ว่าจะหน่วยสอบสวนพิเศษ SRC หรือองค์กร นิกาย และตระกูลอื่น ๆ พวกเขาล้วนมีสาขาอยู่ที่ตงไห่ทั้งสิ้น มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะซ่อนตัวจากเครือข่ายที่ซับซ้อนของสังคมที่นั่น ดังนั้นเราทุกคนจึงสรุปว่าควรตัดตงไห่ออกไป”
“หากพูดกันตามความจริง ปัญหาเช่นเดียวกันนี้ได้แพร่กระจายตัวไปทั่วมณฑลเจียงซู ตั้งแต่อดีต มณฑลเจียงซูเป็นดินแดนแห่งความมั่งคั่งและเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ เราสามารถพูดได้เลยว่ามณฑลเจียงซูคือหนึ่งในมณฑลที่ช่วยขับเคลื่อน GDP และเศรษฐกิจของแผ่นดินจีนไปข้างหน้า นอกจากนี้…” เขาชูเอกสารในมือขึ้น “ข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีคำขอใดมาจากพื้นที่ในมณฑลเจียงซูได้บอกข้อมูลสำคัญหนึ่งกับเรา”
เขากระแอมออกมาเบา ๆ “ด้วยความมั่งคั่งของมณฑลเจียงซู มันจึงง่ายต่อการดึงดูดเหล่าผู้ฝึกตนที่ต้องการหาทรัพยากรมาเพื่อใช้ในการฝึกฝน อีกความหมายหนึ่งก็คือพวกเขาไม่ได้ขาดแคลนผู้ฝึกตน นอกจากนี้ เรายังต้องพิจารณาถึงความปลอดภัยที่แน่นหนาของเมืองตงไห่ซึ่งย่อมแผ่รัศมีไปถึงพื้นที่โดยรอบอีกด้วย ควบคู่กับการดำรงอยู่ของเมืองหลวงโบราณสองแห่งของจีนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง มันหมายความว่ามณฑลเจียงซูนั้นไม่มีทางขาดกองกำลังป้องกันเพื่อต่อต้านกองกำลังจากโลกใต้พิภพ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ ฝ่าบาทจะไม่มีทางได้รับการปฏิบัติตนด้วยอย่างดีในมณฑลเจียงซู แม้ว่าพระองค์จะแสดงพลังบ่มเพาะของขั้นตุลาการนรกก็ตาม”
“พระองค์ยังไม่ได้อยู่ขั้นตุลาการนรก” อาร์ทิสแก้ “เมื่อทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อย ข้าจะเป็นคนช่วยให้พระองค์บรรลุเป็นขั้นตุลาการนรกเอง”
ฉินเย่ปรายตามองอาร์ทิสอย่างดุดัน
กู่ชิงพยักหน้าและเอ่ยต่อ “มณฑลซานตงนั้นต่างออกไป คำขอส่วนใหญ่ถูกส่งมาจากเมืองต่าง ๆ ในพื้นที่ ที่นำเราไปสู่ข้อพิจารณาต่อไปที่ว่า…”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งและสูดหายใจเข้าช้า ๆ “มณฑลซานตง…อยู่ห่างจากสามมณฑลทางตะวันออกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น อันที่จริง มันถูกกั้นด้วยช่องแคบเท่านั้น ในเมื่อราชาผีที่อาศัยอยู่ในดินแดนเหล่านี้เริ่มร้อนรน เขาก็จะต้องไม่ทนอยู่ที่ในสามมณฑลทางตะวันออกอีกต่อไป เขาจะต้องไปอยู่ที่อื่น และที่ใดกันเล่า? มณฑลคังเว่ยเองก็ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา ในขณะที่เมืองเยียนจิงเองก็อยู่ติด ๆ กัน ทางออกเดียวก็คือการข้ามช่องแคบและมุ่งหน้าไปที่มณฑลเจียงซู”
“นี่คือโอกาสของเรา!” เขาจ้องมองฉินเย่ด้วยดวงตาที่วาวโรจน์ “วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ภายนอก ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ฝ่าบาทได้ใช้ชีวิตอยู่ในสวรรค์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าส่วนอื่น ๆ ของชาติไม่ได้ตกอยู่ในความวุ่นวาย และนั่นก็คือสิ่งที่เราต้องการ เพราะอย่างไรแล้ว โอกาสก็มักจะปรากฏตัวขึ้นในความโกลาหล!”
“อย่างที่ได้พูดไปก่อนหน้านี้ มณฑลเจียงซูนั้นไม่มีทางตกอยู่ในความวุ่นวาย ในขณะที่มณฑลอื่น ๆ นอกเหนือจากมณฑลฝูเจี้ยนต่างก็ตั้งอยู่บริเวณแนวชายฝั่ง ระยะห่างจากมณฑลฝูเจี้ยนและมณฑลซานตงอยู่ห่างจากเมืองเป่าอันนั้นเท่ากัน แต่มณฑลฝูเจี้ยนนั้นตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง ที่ซึ่งภัยคุกคามจากราชาผีมีแนวโน้มที่จะรุนแรงอย่างไม่สามารถหาที่เปรียบได้ แม้ว่ามณฑลซานตงจะตั้งอยู่ใกล้กับสามมณฑลทางตะวันออก มันก็ยังอยู่ห่างจากพื้นเท่าเหล่านั้นมีเพียงเมืองเยียนจิง หรือทะเล หรือมหาสมุทรกั้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ แม้ว่ามณฑลซานตงจะอันตราย แต่ตัวพื้นที่เองไม่มีทางเป็นอันตรายต่อตัวของพระองค์อย่างแน่นอน นอกเหนือจากนี้ อย่างที่พระองค์ได้ตรัสไปแล้วก่อนหน้านี้ มันทำให้เราสามารถจับตาดูญี่ปุ่นและแดฮันได้อย่างใกล้ชิด ดังนั้น”
รัฐมนตรีทั้งหมดลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับพร้อมกัน “พวกเราทั้งหมดจึงลงมติกันว่าเมืองท่าแห่งใหม่ควรจะถูกสร้างขึ้นที่เมืองหวู่หยางในมณฑลซานตง ที่ซึ่งแม่น้ำหวงเหอไหลออกสู่ทะเล!”
เมืองหวู่หยาง? เขาจำได้ราง ๆ ว่าตัวเองเคยไปที่นั่นมาก่อน…
ฉินเย่เคาะนิ้วลงกับโต๊ะเบา ๆ ขณะที่ครุ่นคิดเรื่องนี้ เมืองหวู่หยางตั้งอยู่ทางมุมบนขวาของมณฑลซานตง จากเมืองเป่าอัน เขาจะต้องเดินทางข้ามมณฑลเจียงซูก่อนจะไปถึงที่ซานตง ระยะทางทั้งหมดน่าจะประมาณ 800 กิโลเมตร รวมกับข้อเท็จจริงที่ว่าทหารของเขาจะต้องเดินเท้าโดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางครั้งนี้ประมาณ 4-5 เดือน นี้ยังรวมถึงอสูรวิญญาณที่พวกเขาจะต้องเผชิญหน้า…
“เช่นนั้นก็เป็นอันตกลงว่าเมืองหวู่หยาง” ไม่มีผู้ใดรู้ว่าสถานการณ์นอกยมโลกในตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง อย่างมากที่สุด พวกเขาก็สามารถทำได้เพียงคาดเดาจากสิ่งที่พวกเขาเคยพบเห็นในแดนมนุษย์ได้เท่านั้น “หลังจากนี้ ข้าอยากให้ทุกคนพยายามค้นคว้าเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เมืองหวู่หยางให้ได้มากที่สุด ถามผู้คนโดยรอบและหาว่ามีผู้คนที่มาจากเมืองหวู่หยางบ้างหรือไม่ รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด นอกเหนือจากนี้…”
เขาหันไปหาชายวัยกลางคนร่างท้วม “รัฐมนตรีจ้าว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เรามีกำหนดจะออกเดินทางคร่าว ๆ ในอีกสองเดือนนับจากนี้ ตลอดช่วงเวลาสองเดือน ข้าต้องการให้กระทรวงแรงงานทำงานอย่างเต็มที่ เจ้าควรจะมีรายชื่อของบุคลากรในยมโลกแล้ว เมืองเป่าอันนั้นมีขีดจำกัดของมัน แต่โอกาสในการเพิ่มจำนวนข้าราชการของยมโลกนั้นจะมีมากขึ้นเมื่อเราไปถึงที่เมืองหวู่หยาง! ดังนั้น ในหนึ่งเดือนนี้ ข้าต้องการรายชื่อและประวัติของวิญญาณที่จะมารับผิดชอบฝ่ายบริหารของเมืองหวู่หยางทั้งหมด พวกเขาจะเดินทางไปกับเราด้วย! ข้าไม่สนว่าเจ้าจะคิดนโยบายพิเศษอะไรขึ้นมา แต่หากเจ้าไม่สามารถหารายชื่อมาได้ครบทันกำหนด เจ้าจะต้องมาตอบคำถามของข้าด้วยตัวเอง!”
รัฐมนตรีจ้าวรีบจดบันทึกและเอ่ยด้วยความกระตือรือร้นว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงรองนายกเทศมนตรีในแดนมนุษย์ แต่ข้าก็มีผู้คนอย่างต่ำ 50,000 คนอยู่ภายใต้การดูแล ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
ช่างเป็นหน่วยงานที่ใหญ่มากจริง ๆ…
ฉินเย่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้ ไม่มีใครในยมโลกที่เคยเป็นนายกเทศมนตรีหรือเลขาธิการพรรคมาก่อน แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก เพราะเขารู้ดีว่าแม้แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ก็ย่อมต้องเริ่มต้นตั้งแต่ส่วนล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร แผ่นดินจีนนั้นเต็มไปด้วยผู้มีฝีมือที่ต่างต้องการโอกาสที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง
และบังเอิญว่ายมโลกในเวลานี้ก็มีโอกาสทั้งหมดที่พวกเขาต้องการ สิ่งเดียวที่ยมโลกต้องการในเวลานี้ก็คือวิญญาณ! วิญญาณที่เพิ่มมากขึ้นหมายถึงทหารวิญญาณที่เพิ่มมากขึ้น จากนั้น ควบคู่กับทรัพยากรในมือ… ยมโลกก็จะสามารถก่อตั้งเมืองท่าขึ้นมาได้ในท้ายที่สุด!
และเมื่อเรื่องนี้จบลง รากฐานของยมโลกก็จะเสร็จสมบูรณ์
“เช่นนั้นก็ตามนี้” ฉินเย่ลุกขึ้นยืน “ทุกท่าน ข้าขอพูดอีกครั้ง – การก่อตั้งเมืองใหม่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการพัฒนายมโลกในเวลานี้ หากผู้ใดทำให้เกิดข้อผิดพลาด อย่าหาว่าข้าไร้ความเมตตา การประชุมจบลงเท่านี้ อรากษส โนบูนางะ กู่ชิง พวกเจ้าทั้งสามอยู่ก่อน”
อืม? การเปลี่ยนแปลงสิ้นสุดลงแล้วหรือ?
อาร์ทิสมองฉินเย่ด้วยแววตาพึงพอใจ นี่คือสิ่งที่นางชื่นชอบมากที่สุดเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม คนบางคนมักจะบ่นออกมาเมื่อต้องลงมือแก้ปัญหาบางอย่าง นี่คือธรรมชาติของเหล่าคนที่ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้ประสบความสำเร็จใด ๆ ในสิ่งที่ทำ แต่ฉินเย่ ในทางกลับกัน ประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมมาของเขาบอกเขาว่าเมื่อไหร่ที่เขาไม่สามารถหนีหรือหลบซ่อนได้อีกต่อไป และสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการลุกขึ้นมาและจริงจังกับปัญหาที่ตนเผชิญหน้าอยู่ จัดการกับปัญหา ก่อนที่จะถูกปัญหาจัดการ นี่เป็นทางเดียวในการเอาชีวิตรอด
นี่คือแนวคิดที่ชาญฉลาดที่สุด ถึงแม้ว่าฉินเย่มักจะเชื่อถือไม่ได้ แต่อาร์ทิสก็เชื่อว่าเด็กหนุ่มจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่อเป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ
ทุกอย่างจบลงเพียงเท่านั้น ทุกคนต่างพากันเดินออกจากโถงประชุม ทิ้งไว้เพียงหัวหน้าระดับสูงสามคนที่ยังคงอยู่ที่เดิม ฉินเย่เดินไปรอบ ๆ ครู่หนึ่ง ครุ่นคิดกับตัวเองก่อนจะเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าคิดว่าข้าจะคอยดูการพัฒนาเมืองท่าด้วยตัวเองทันทีที่เราเดินทางไปถึงที่เมืองหวู่หยาง พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
กู่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “กระหม่อมคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรพ่ะย่ะค่ะ เหล่าวิญญาณที่มายังยมโลกล้วนมาจากแดนมนุษย์ และแนวคิดรวมถึงมุมมองของพวกเขาก็น่าจะยังคงเป็นเหมือนเดิม พวกเรายังไม่มีระบบการศึกษาที่จะสอนพวกเขาถึงวิถีของยมโลก ดังนั้นมันน่าจะเป็นการดีกว่าในการปล่อยให้พวกเขาให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เมื่อเมืองท่าถูกสร้างขึ้นมาและเปิดทำการอย่างเป็นทางการ มันก็จะมีความสำคัญไม่แพ้กับเมืองที่อยู่ในแดนมนุษย์ของพวกเขา สำหรับเรา มันจะไม่ต่างอะไรกับเส้นเลือดหลักที่จะส่งถ่ายเลือดมายังยมโลกแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำคัญของมัน เราจะปล่อยให้มีบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารที่นั่นไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่เมืองเป่าอันเล่าเพคะ?” อาร์ทิสขมวดคิ้ว “ที่นี่คือที่ตั้งของยมโลก และอย่าหันมามองหม่อมฉันเชียว หม่อมฉันไม่เชี่ยวชาญในเรื่องการเมือง”
“ข้าเองก็ไม่คิดว่าเจ้าจะทำได้อยู่แล้ว” ฉินเย่กลอกตาก่อนจะหันไปหาโนบูนางะและพยักหน้าให้อีกฝ่าย “โนบูนางะคุง หลังจากนี้ไป ข้าคงต้องขอฝากเมืองเป่าอันไว้กับเจ้า”
โนบูนางะ ชายผู้มีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องการปกครองและการบริหาร คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหน้าที่นี้!
แม่ทัพญี่ปุ่นชะงักไป จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกตะลึง “กระหม่อม?”
อาร์ทิสและกู่ชิงอ้าปากค้าง พวกเขาพูดอะไรไม่ออก
ฉินเย่สบตาทั้งสามก่อนจะเอ่ยต่อ “ข้าไม่มีทางมอบหมายความรับผิดชอบให้กับคนที่ข้าไม่ไว้ใจ และข้าก็ไม่ใช่คนที่จะเลือกปฏิบัติกับผู้อื่นเพียงเพราะถิ่นกำเนิดเดิมของเขา ตอนนี้โนบูนางะคุงสวมชุดเกราะของเรา พูดภาษาของเรา และยังได้ถวายสัตย์ว่าจะจงรักภักดีกับยมโลก เขาคือพรรคพวกของเรา แล้วเจ้าล่ะว่าอย่างไร โนบูนางะคุง?”
เขาหันไปหาโนบูนางะ ทันพอที่จะเห็นประกายวาววาบที่ปรากฏขึ้นมาจากส่วนลึกของแววตาของอีกฝ่าย ไม่กี่วินาทีต่อมา โนบูนางะก็ลุกยืนขึ้นและแนบกำปั้นลงที่ตำแหน่งหัวใจของตัวเองเสียงดัง “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย”
“ดี” ฉินเย่ยิ้มและหันกลับไปหาคนอื่น ๆ “พรุ่งนี้ เราจะเริ่มสร้างหอแห่งการสั่นสะเทือน จากนั้นข้าจึงจะกลับไปที่สำนักฝึกตนแห่งแรกเพื่อแจ้งพวกเขาเกี่ยวกับการตัดสินใจของข้า ข้าเกรงว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว อรากษส เจ้าจงหลอมหลักปักดินแดนขึ้นมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โนบูนางะคุง ข้าอยากให้เจ้านำทหารวิญญาณทั้งหมดไปฝึกฝนประสบการณ์การต่อสู้จริงกับเหล่าแมลงแห่งหายนะที่ยมโลกแห่งเก่า และข้าอยากให้ทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นก่อนที่ข้าจะติดตั้งหลักปักดินแดนที่แดนมนุษย์เสร็จ ด้วยวิธีนี้ ทันทีที่ตะเกียงหวนหยางเริ่มส่องแสง ข้าจะเดินทางกลับมาที่ยมโลกโดยเร็วที่สุด และเราจะเคลื่อนทัพกันทันที!”
“รับทราบ!”
“เช่นนั้นก็จบการประชุมลงเพียงเท่านี้”