ตอนที่ 727 คนขี้แกล้ง / ตอนที่ 728 เธอโดนหลอกอีกแล้วเหรอ

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 727 คนขี้แกล้ง

“ไม่มีอะไรๆ มีดหล่นน่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่สบกับสายตาของอวี๋เยว่หานแล้วรีบก้มตัวหยิบมีดขึ้นมา

ล้างทำความสะอาด แล้วหั่นผักต่อ

อวี๋เยว่หานเช็กจนแน่ใจว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไร จึงหลุบตาลงเคลียร์เอกสารต่อ

ผ่านไปไม่ถึงสามวินาที

“เพล้ง” ก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้ ฝาปิดหม้อร่วงลงมา

ภายในสามนาทีต่อมา เหนียนเสี่ยวมู่ทำของล่วงไปติดๆ กัน มีด ฝาหม้อ ไม้กวน ทำน้ำในหม้อหก ทำขวดซอสหก……

ภายในห้องครัวกลายเป็นภาพน่าสะพรึงกลัวขึ้นมาทันที

อวี๋เยว่หานปิดคอมพิวเตอร์แล้ววางบนลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเหนียนเสี่ยวมู่อย่างไม่วางใจ

กวาดตามองดูกองวัตถุดิบตรงหน้า สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่คนบางคนที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“วันนี้ฉันคงตื่นเช้าเกินไป เลยง่วง คุณรอฉันอีกแปปนะ ฉันทำก๋วยเตี๋ยวให้คุณทานได้……”

“ไม่ต้องทำแล้ว ผมไม่หิว” อวี๋เยว่หานพูดพลางเดินเข้าไปหาอย่างสงสาร เตรียมจะลากเธอออกไปจากห้องครัว

วินาทีต่อมา ก็เห็นศีรษะเล็กเงยขึ้นอย่างน่าสงสาร

“แต่ฉันก็อยากานก๋วยเตี๋ยวนี่นา ฉันไม่ทำ คุณทำได้ไหม”

อวี๋เยวห่าน “……”

สบกับสายตาที่มีน้ำคลออยู่ของหญิงสาว อวี๋เยว่หานก็พยักหน้าลงอย่างไม่ได้สติ

ยังไม่ทันได้สติว่าตัวเองทำอะไรลงไป เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบถอดผ้ากันเปื้อนออกจากร่างของตัวเองแล้วสวมให้ชายหนุ่ม

จากนั้นก็ผูกเชือกเป็นโบให้เขาอย่างรวดเร็ว

ตบไปที่อกของชายหนุ่ม

สายตามีแววน่าสงสารเหลืออยู่ที่ไหนกัน ยกมือทำท่าให้กำลังใจชายหนุ่ม

“สู้ๆ!”

พอตระหนักได้ว่าตัวเองดูมีความสุขมากเกินไป เธอก็รีบเปลี่ยนเป็นสีหน้าภรรยาที่ดี มองชายหนุ่มตาละห้อย

อวี๋เยว่หาน “…….”

พ่อบ้านที่เพิ่งมาถึงห้องครัว เห็นว่าคนทำครัวเปลี่ยนเป็นอวี๋เยว่หานแทน

ส่วนเหนียนเสี่ยวมู่นั่งไขว่ห้างเล่นเกมด้วยสีหน้ามีความสุข ในปากยังคงเคี้ยวเมล็ดแตงโมตุ้ยๆ……

ดวงตาชราก็เบิกกว้างแทบถลนออกมาจากเบ้า

นี่มันเป็นภาพลวงตาแน่ๆ!

คุณชายหานผู้เย็นชาไม่เคยมีความอ่อนโยนของเขา ตอนนี้กลับมาล้างผักทำอาหาร

ถ้าหากคุณนายใหญ่มาเห็นล่ะก็……

พ่อบ้านยังไม่ทันจะคิดเสร็จ น้ำเสียงเย็นชาของอวี๋เยว่หานก็ดังออกมาจากห้องครัวเสียก่อน

“ถ้ามีบุคคลที่สี่รับรู้ งานพ่อบ้านของคุณก็สิ้นสุดแค่นี้แล้วกัน!”

พ่อบ้าน “……”!!

รู้มากเกินไปจะเป็นภัยต่อตัวจริงๆ ด้วย

“เอ๋?” เหนียนเสี่ยวมู่มองดูอวี๋เยว่หานที่อยู่ตรงหน้าประตูห้องครัว ก็รีบปิดภาพหน้าจอเกม แสร้งทำเป็นเอามือกุมศีรษะท่าทางน่าสงสาร “เกมนี้ ซ่างซินเป็นคนแนะนำมันให้ฉัน นึกไม่ถึงเลยว่าพอฉันทำได้ เธอก็ไปซะแล้ว……”

เสียใจหมดอาลัยตายอยาก

ทำให้ดูน่าสงสารจริงๆ

เมื่อเห็นว่าอวี๋เยว่หานกลับไปในห้องครัวอีกครั้ง เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบเปิดเกมแล้วกดเล่นต่อ

เล่นพลางสังเกตความเคลื่อนไหวในห้องครัวไปพลาง

ได้ยินมาว่าอวี๋เยว่หานทำได้ทุกอย่าง แต่ทำอาหารไม่เป็น

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไม่เป็นถึงขั้นไหน

อย่างน้อยเธอก็ทำก๋วยเตี๋ยวได้ เขาคงไม่ทำครัวไหม้หรอกใช่ไหม

ใครให้เขามาพูดล้อเลียนตอนเธอเสียใจกันล่ะ

เทพธิดาโดนรังแกง่ายขนาดนั้นเลยหรือไงกัน

คนจริงแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย……

เหนียนเสี่ยวมู่นั่งเล่นเกมอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างมีความสุข แต่รออยู่นานยังไม่เห็นอวี๋เยว่หานออกมาจากห้องครัว จึงหมดความอดทน

มองเข้าไปในห้องครัว ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่ม

คนล่ะ?

คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม

คิดได้แบบนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตกใจ วางโทรศัพท์ลงแล้วเดินเข้าไปด้านใน

พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องครัว เห็นภาพด้านในชัดเจน ก็ชะงักอึ้งไป!

ตอนที่ 728 เธอโดนหลอกอีกแล้วเหรอ

ภายในห้องครัวที่เป็นระเบียบเรียบร้อย

ผู้ชายที่สวมผ้ากันเปื้อนยืนสง่าอยู่ตรงหน้าของเธอ มือไม่ได้ถือตะหลิวแต่กลับถือตะเกียบคู่หนึ่งอยู่แทน กำลังกลับเสต็กเนื้อในกระทะด้วยท่าทีสบายๆ

เหนียนเสี่ยวมู่เขย่งปลายเท้าไปแอบมองนิดหน่อย

รูปหัวใจ

แถมยังตัดได้สมบูรณ์แบบอีกต่างหาก

เห็นแล้วก็รู้ในทันทีว่าต้องมีการฝึกฝนมาก่อน

ไม่รู้ว่าชายหนุ่มใส่อะไรลงไป พอนำเสต็กไปวางในกระทะจึงส่งกลิ่นหอมขึ้นมาในทันที

หอมจนทำให้น้ำลายแทบไหลออกมา

เคาท์เตอร์ที่สะอาดสะอ้าน วางจานไว้สองใบ

ในจานมีบร็อคโคลีกับมะเขือเทศราชินีที่หั่นไว้เรียบร้อยวางตกแต่งอยู่ แถมยังมีมันฝรั่งชิ้นเล็กๆ สองชิ้นที่ปิ้งสุกแล้ววางอยู่อีกต่างหาก

โอ้มายก็อด

นี่มันเป็นเสต็กระดับโรงแรมหรูๆ เลยนะ

ถ้าเธอไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าคนที่ยืนกลับเสต็กอยู่ตรงหน้าเธอคืออวี๋เยว่หานล่ะก็ เธอคงต้องสงสัยจริงๆ ว่าในห้องครัวมีช่องลับอะไรหรือเปล่า อาจมีพ่อครัวแอบเข้ามาช่วยเขาทำอาหาร

เธอปรากฏตัวในห้องครัว อวี๋เยว่หานไม่มีทางมองไม่เห็น

แต่ชายหนุ่มไม่ได้หันหน้ามามอง ยืนกลับเสต็กอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ

การกระทำที่ดูคล่องแคล่ว ดูไม่เหมือนกับคนทำอาหารไม่เป็นเลยสักนิด

เธอโดนหลอกแล้วเหรอ

แต่ว่าไม่ถูกต้องหนิ

ครั้งที่เธอเกือบทำห้องครัวเขาไหม้ในครั้งนั้น เธอเคยถามเขาแล้วเขาบอกว่าทำไม่เป็น

ทำไมผ่านไปแค่แปปเดียวก็ทำเป็นขึ้นมาเสียอย่างนั้นล่ะ

ทักษะการทำอาหารฝึกกันได้ไวขนาดนี้เลยหรือไง

เหนียนเสี่ยวมู่มองไปด้านนอก ด้านในห้องครัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ

อย่าว่าแต่เงาของคนเลย เงาของหนูสักตัวก็ยังไม่เห็น

ภายในห้องครัว มีอวี๋เยว่หานอยู่แค่คนเดียว

อย่างนั้นก็แปลว่าเขาเป็นคนทำสเต็กจริงๆ น่ะเหรอ

ไม่รอให้เหนียนเสี่ยวมู่เข้าใจ สเต็กสุกระดับปานกลางก็ออกจากกระทะไปวางอยู่บนจานที่ตกแต่งไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ใช้ผ้าขาวเช็ดที่ขอบๆ จาน สเต็กเนื้อระดับหรูหราก็สำเร็จเรียบร้อย!

กลิ่นที่หอมโชยออกมาทำเอาคนได้กลิ่นเริ่มหิว

อวี๋เยว่หานขยับตัว สเต็กชิ้นที่สองก็ตามไปอยู่จาน……

ขณะรอให้ชายหนุ่มถือสเต็กรูปหัวใจสองจานมาตรงหน้าเธอ เธอก็แทบอยากจะลงไปคุกเข่าเรียกเขาว่าพ่ออยู่แล้ว

“อารมณ์ไม่ดี กินเนื้อสัตว์ที่มีแคลอรี่สูงหน่อย จะทำให้อารมณ์ดีขึ้น ก๋วยเตี๋ยวไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ผมเลยทำสเต็กให้คุณแทน” อวี๋เยว่หานมีสีหน้าเรียบเฉย ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้น

ถ้าไม่ได้มองให้ดีๆ แทบจะมองไม่เห็นเลยว่าในสายตาของชาหนุ่มมีแววรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย

เหมือนกับเหนียนเสี่ยวมู่

สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแต่สเต็กเท่านั้น

นี่ก็เป็นเพราะย่าของเขาไม่ชอบที่เขาชอบทำตัวเย็นชา กลัวว่าจะจีบผู้หญิงไม่ติดจึงบังคับให้เขาเรียน

สเต็กธรรมดาก็ไม่ได้ ต้องเป็นรูปหัวใจเท่านั้น

บอกว่าผู้หญิงพอเห็นว่าเขาหล่อ แถมยังเป็นคนหล่อที่ทำสเต็กเป็นรูปหัวใจได้ด้วย พวกเธอคงต้องควักหัวใจออมาให้เขาแน่ๆ

อวี๋เยว่หานเคยคิดว่าความคิดนี้มันไม่เข้าท่า

แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นสายตาของเหนียนเสี่ยวมู่ที่แทบมองเขาเป็นไอดอล จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าย่าของเขานี่ช่างเป็นคนมองการณ์ไกลจริงๆ……

“อยากกินเหรอ” อวี๋เยว่หานเห็นหญิงสาวยื่นมือมารับสเต็ก จึงชูมือขึ้น จนเหนียนเสี่ยวมู่เอื้อมไม่ถึง

เห็นหญิงสาวเบิกตาอย่างร้อนรน

จึงค่อยๆ เอ่ยพูด “จูบผมก่อนแล้วผมจะให้กิน”

เดิมทีคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่มีทางทำตามแน่นอน แต่พอสิ้นเสียง เธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วหอมไปที่แก้มด้านขวาของเขา

ไม่รอให้ชายหนุ่มได้สติ

หญิงสาวก็เปลี่ยนไปหอมที่ใบหน้าด้านขวาอีกที

ทั้งสองทีมีเสียงฟอดดังออกมาด้วย

อาศัยช่วงที่ชายหนุ่มอึ้งงันอยู่ เอื้อมไปหยิบจานสเต็กแล้ววิ่งออกไปด้านนอก

เมื่อเดินไปถึงประตูก็ได้ยินเสียงเหนียนเสี่ยวมู่บ่นพึมพำตามมา

“เงื่อนไขง่ายๆ แค่นี้ ฉันแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย……”