ตอนที่ 638

Elixir Supplier

638 ฝันร้าย

 

หลังจากที่ดื่มยาเข้าไปหนึ่งถ้วยแล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้นในเวลาไม่นาน โดยเฉพาะในหัวของเขา อาการชาหนึบและความเจ็บที่เหมือนถูกเข็มทิ่มแทงได้ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่พล่ามัวและลูกตาที่ดูเหมือนจะหลุดออกมาจากเบ้าก็หายไปเช่นกัน

 

ยาตัวนี้ได้ผลดีมาก แล้วผลของมันยังคงอยู่ไม่หายไปด้วย

 

“มาครับ ผมขอดูแผลของคุณหน่อย” หวังเย้าพูด

 

หวังเย้าใช้สำลีในการแต้มยาลงไปบนบาดแผลของเขา ยาตัวนี้ก็คือขี้ผึ้งต้วนชื่อที่นำมาเจือจางลงแล้ว เขาเคยนำขี้ผึ้งไปใช้งานแล้วหลายครั้ง และมันก็ได้ผลในทุกครั้ง

 

“โอเค ตอนนี้ คุณไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ผมต้องจ่ายคุณเท่าไหร่ครับ?” เขาถาม

 

“11,000 หยวนครับ” หวังเย้าพูด

 

ชายคนนั้นกดจ่ายเงินให้หวังเย้าโดยไม่ไม่ต้องหยุดคิด

 

“เอายานี่กลับไปด้วย แล้วดื่มวันละสามครั้งนะครับ พอกินยาจนหมด พิษก็จะถูกขับออกไปจนหมดด้วย” หวังเย้าเอายาแก้พิษที่เหลือให้เขาไป

 

“ขอบคุณครับ!” ชายคนนั้นลุกขึ้นและคำนับให้กับหวังเย้า

 

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ มันไม่ดีเลยนะ” หวังเย้าพูดอย่างใจดี

 

เขาเดาว่า ชายคนนี้น่าจะมีอาชีพที่คล้ายคลึงกับอาหาว มือของเขาอาจจะแปดเปื้อนมากกว่าอาหาวด้วยซ้ำ หวังเย้าสามารถสัมผัสได้ จิตใจที่สงบนิ่งจะนำไปสู่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง บางโรคยังมีสาเหตุมาจากบุคลิกหรืออารมณ์ของคนคนนั้นได้ด้วย

 

“ถ้าหมออยากให้ผมทำอะไรให้ก็บอกผมได้เลยนะ แค่โทรมาหาผม ผมจะมาทันที” เขายื่นกระดาษที่เขียนเบอร์โทรของเขาเอาไว้

 

หวังเย้าไม่ได้พูดอะไร แล้วชายคนนั้นก็จากไป

 

บริเวณทางเชื่อมระหว่างเนินเขาหนานชานและเนินเขาตงชาน หวังเย้าได้ปลูกต้นไม้ลงไปสองแถว พวกมันเป็นต้นไม้แบบเดียวกับต้นไม้ที่เขาปลูกบนเนินเขาหนานชาน เพื่อสร้างไว้เป็นกำแพงธรรมชาติ

 

เช้าวันถัดมา เขาพบว่ามีรถจอดอยู่ด้านนอกคลินิกถึงเจ็ดคันด้วยกัน

 

หืม? ทำไมถึงได้มีคนมารอเยอะขนาดนี้ล่ะ? หวังเย้าสงสัย

 

เขายังไม่รู้ด้วยว่า มีบางคนที่มาในวันนี้ได้มาที่นี่เมื่อวานแล้วครั้งหนึ่ง

 

“เห็นไหม แม่บอกแล้วว่าให้มาที่นี่เช้าๆ เราคงต้องรอเจอหมอตอนบ่ายนู้นล่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังบ่นลูกชายของเธออยู่

 

“ผมจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ ว่าวันนี้จะมีคนไข้มารอกันเยอะขนาดนี้น่ะ” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อน “เมื่อก่อนที่เราเคยมา ก็ไม่เห็นจะมีคนเยอะขนาดนี้นี่”

 

“รอไปเถอะน่า!” หนึ่งในนั้นก็คืออาเฟิง ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ที่ดี

 

“ฉันจะไปเดินเล่นสักหน่อยนะ ที่นี่อากาศดีจริงๆ” เขาเปิดประตูและเดินลงไป การเดินของขาข้างที่มีปัญหาเริ่มดีขึ้นแล้ว มันไม่โค้งเป็นวงกลมอีกต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะยังดูอ่อนแรงอยู่บ้างก็ตามที

 

“สวัสดีครับ คุณมาหาหมอหวังเหรอ?” ชายวัย 30 คนหนึ่งเข้าไปทักทายอาเฟิงด้วยรอยยิ้ม

 

“ใช่ครับ” อาเฟิงพูด

 

“แล้วคุณเป็นอะไรมาเหรอครับ?” ชายวัย 30 ถาม

 

“ผมเป็นเส้นเลือดอุดตันน่ะ” อาเฟิงชี้ไปที่หัวของเขา

 

“เขารักษาคนไข้เส้นเลือดอุดตันได้จริงๆเหรอครับ?” ชายวัย 30 ถามด้วยความประหลาดใจ

 

“ได้ครับ ตอนแรกผมพูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วผมก็เป็นอัมพาตที่หน้าด้วย แต่ดูผมตอนนี้สิ อาการของผมมันดีขึ้นมากเลยล่ะ” อาเฟิงพูดอย่างมีความสุข

 

“จริงด้วยนะครับ ผมคิดว่า เขารักษาได้แค่อาการปวดหัวกับปวดขาเท่านั้นซะอีก” ชายวัย 30 พูด

 

“ใครเป็นคนแรกครับ?” หวังเย้าเอ่ยถาม

 

คนไข้ทุกคนต่างพากันไปเข้าคิวโดยอัตโนมัติ

 

คนไข้คนแรกเป็นหญิงวัย 40 หวังเย้าสังเกตเห็นปัญหาของเธอได้จากท่าทางการเดินของเธอ เธอคนนี้มีปัญหาที่ส่วนลำคอ

 

“สวัสดีค่ะ หมอหวัง ฉันปวดที่คอมากจนหันไปทางไหนไม่ได้เลยค่ะ” เธอพูด

 

“เข้าใจแล้วครับ ขอผมดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาตรวจดูที่ลำคอของเธอ และพบว่า กล้ามเนื้อบริเวณลำคอมีอาการแข็งเกร็ง ผิวหนังส่วนลำคอยังเย็นกว่าส่วนอื่นด้วย ทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้เย็นเลยสักนิด

 

“คุณทำงานอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ฉันทำงานอยู่ในโรงงานทำเสื้อผ้าค่ะ” เธอพูด

 

“อาการปวดคอของคุณดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับงานที่คุณทำอยู่นะครับ มันเกิดจากการที่คุณทำงานท่าเดียวเป็นระยะเวลานาน มันเลยเป็นสาเหตุของการปิดกั้นการไหลเวียนของโลหิตครับ” หวังเย้าพูด

 

นี่คืออาการป่วยที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงาน

 

“นั่งตรงนี้นะครับ ผมจะนวดให้” หวังเย้าพูด

 

การรักษาไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก

 

“โอ๊ย!” เธอร้องออกมาเมื่อหวังเย้านวดคอของเธอ

 

“เจ็บเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“มันเจ็บนิดหน่อยค่ะ” เธอพูด

 

“ทนหน่อยนะครับ มันใช้เวลาไม่นานหรอก” หวังเย้าพูด

 

เมื่อหวังเย้านวดคอของเธอ กล้ามเนื้อในบริเวณนั้นก็ค่อยๆอ่อนตัวลง ผิวหนังของเธอไม่ได้เย็นเหมือนเดิมแล้ว หวังเย้าได้ทำการคืนสมดุลให้กับการไหลเวียนโลหิต

 

“คุณต้องขยับตัวบ้าง แล้วก็พยายามเลี่ยงไม่อยู่ในท่าเดิมนานๆด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันสามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี การนั่ง, นอน, หรือยืนเป็นเวลานานเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย คนเราไม่ควรจะอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานจนเกินไป

 

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” เธอพูด

 

ถึงเธอจะรับปากไปว่าจะคอยขยับตัวอยู่เสมอ แต่เงินที่เธอจะได้ก็ขึ้นอยู่กับการผลิตของตัวเธอ ถ้าหากเธอพักบ่อยเกินไป การผลิตของเธอก็จะลดลงตาม ซึ่งนั่นก็หมายถึงเงินที่ได้น้อยลงไปด้วย

 

“โชคดีที่มันจะไปส่งผลไปถึงกระดูกคอ แต่ถ้าคุณยังทำงานท่าเดียวนานๆต่อไป มันก็จะกลายเป็นปัญหาได้ในอนาคตนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ค่ะ ฉันจะพยายามไม่นั่งนานเกินไป” เธอพูด

 

เธอลุกขึ้นยืนและลองหันหน้าไปทางซ้ายทีขวาที “คอฉันหายเจ็บแล้ว!” ความเจ็บปวดหายไปแล้ว เธอยังรู้สึกอุ่นที่ลำคออีกด้วย ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกสบายอย่างมาก “ขอบคุณนะคะ”

 

“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด

 

หลังจากจ่ายเงินไป 100 หยวน เธอก็เดินออกไปจากคลินิก

 

คนไข้รายที่สอง เป็นชายในวัย 50 เขามาพร้อมกับลูกชายคนหนึ่งของเขา เขามีปัญหาที่กระดูกสันหลังช่วงเอว และยังเป็นหมอนกระดูกยื่นด้วย

 

“คุณไปทำอะไรมาเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“มีวันหนึ่งที่ผมต้องยกของนักมากๆ ผมเดาว่า ตอนนั้นผมคงจะพยายามมากเกินไป เลยกลายเป็นแบบนี้ไปน่ะครับ” คนไข้พูด

 

“ถ้าอย่างนั้น ช่วยนอนคว่ำหน้าลงด้วยครับ” หวังเย้าพูด

 

ชายคนนั้นนอนคว่ำหน้าลง หวังเย้าใช้มือกดลงไปที่บริเวณกระดูกสันหลังช่วงเอวของเขา ไม่นานเขาก็พบจุดที่มีปัญหาและกดมือลงไป แคร๊ก! ชายคนนั้นได้ยินเสียงกระดูกลั่นเบาๆ

 

“เรียบร้อย ลุกขึ้นได้เลยครับ” หวังเย้าพูด

 

“ครับ” เขาลุกขึ้นและรู้สึกว่าเอวของเขาดีขึ้นมาก ความเจ็บปวดได้จางหายไปจนหมด

 

“สองสามอาทิตย์นี้อย่ายกของหนักนะครับ อย่าเพิ่มน้ำหนักอะไรลงไปที่เอวของคุณ เพราะตอนนี้คุณก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้วด้วย” หวังเย้าพูด

 

เมื่อสุขภาพของเขาเริ่มแย่ลง สิ่งสำคัญที่ควรทำก็คือการหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้ง่าย

 

“ได้ครับ ขอบคุณมา” เขาพูด

 

คนไข้รายที่สามเป็นหญิงวัย 50

 

“หมอหวัง ช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับค่ะ” เธอพูด “ฉันรู้สึกว่าตัวเองพักผ่อนน้อย แล้วเปลือกตาของฉันก็บวมง่ายด้วย คุณช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ?”

 

“เชิญนั่งลงก่อนเลยครับ” หวังเย้าพูด

 

เมื่อเธอนั่งลงแล้ว หวังเย้าก็ยื่นมือไปจับชีพจรของเธอ ความดันโลหิตของเธอสูงเล็กน้อย แล้วเธอยังขาดพลังชีวิตด้วย นอกนั้น เธอล้วนสบายดี

 

“คุณเริ่มมีปัญหาในการนอนตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ประมาณ 10 วันได้ค่ะ” เธอพูด

 

เธอไปหาหมอมาแล้วหลายคนและกินยาสมุนไพรไปแล้วหลายขนาน แต่อาการของเธอก็ไม่ดีขึ้นเลย

 

“อาการของคุณมีสาเหตุมาจากการหมดประจำเดือนครับ” หวังเย้าพูด

 

“จริงเหรอคะ?” เธอดูอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอสงสัยว่า ประจะเดือนของตัวเองหมดก่อนหน้าที่จะมาหาหวังเย้า แล้วหมอคนหนึ่งก็เคยสงสัยแบบเดียวกันนี้ด้วย “แล้วจะแก้ยังไงดีคะ?”

 

“พอผ่านไปได้สักพัก อาการของคุณก็จะดีขึ้นเองครับ คุณต้องหมั่นออกกำลังกายและแช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอนทุกคืนด้วย” หวังเย้าพูด

 

“หมอช่วยจ่ายยาให้ฉันไปกินได้ไหมคะ?” เธอพูด

 

“พยายามอย่ากินยาเยอะเลยครับ” หวังเย้าพูด “ลองดูว่า พอผ่านไปได้เดือนหนึ่งแล้วอาการของคุณจะเป็นยังไง ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ให้กลับมาหาผมนะครับ”

 

“ได้ค่ะ ขอบคุณมาก” เธอพูด

 

คนไข้รายที่สี่เป็นชายวัย 30 เขาดูซีดเซียวและดวงตาดูเหม่อลอย

 

“สวัสดีครับ อยากให้ผมช่วยอะไรครับ?” หวังเย้าถาม

 

“หมอหวัง ผมคิดว่าผมเห็นผีครับ” เขาพูด

 

“อะไรนะครับ?” หวังเย้าประหลาดใจ “แล้วคุณไปเห็นผีตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ลองบอกผมมาหน่อยสิ”

 

“ผมทำงานเป็นคนขับรถแท็กซี่” เขาพูด “เมื่อสามวันก่อน ผมขับรถไปส่งลูกค้าที่หมู่บ้านเล็กๆที่มีประวัติมานานกว่า 1,000 ปี เขาโบกรถผมจากข้างทาง พอผมขับรถพาเขาไปถึงที่ที่เขาบอกปุบ เขาก็ลงรถแล้วก็หายไปหน้าตาเฉยเลย ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ฝันร้ายมาตลอดเลยครับ”

 

“คุณฝันประมาณไหนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ในฝัน ผมจะขับรถไปที่เดิม แล้วก็รับลูกค้าคนเดิม แล้วเขาก็ไม่มีใบหน้าด้วย” คนไข้มีอาการตัวสั่นและใบหน้าซีดลง

 

“จริงเหรอเนี่ย? แล้วหมอหวังจะรักษาอาการแบบนี้ได้เหรอ?” คนไข้คนอื่นๆที่รอคิวอยู่ต่างก็แปลกใจกับเรื่องนี้

 

“วันนั้น คุณรับลูกค้าคนนั้นขึ้นรถมาตอนกี่โมงครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ประมาณห้าทุ่มครับ” เขาพูด

 

เขาทั้งเผากระดาษเงินกระดาษทอง, ไปหาหมอผี, และไปปักธง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ผลเลย

 

“อะไรนะ? ออกไปรับลูกค้าตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ?” บางคนที่ยืนรอคิวอยู่พูดขึ้นมา

 

“ช่วยนั่งลงด้วยครับ ผมขอตรวจดูหน่อย” หวังเย้าจับชีพจรของเขาดู

 

ชีพจรของเขาเต้นแปลกมาก มันไม่มีกำลัง ซึ่งแสดงได้ว่า ร่างกายขาดพลังชีวิต นี่มักจะเป็นชีพจรของคนที่เสียเลือดมาก หรือคนที่เพิ่งหายจากการป่วยหนัก

 

“นั่งนิ่งๆนะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาใช้มือกดไปที่ศีรษะของคนไข้และลงมือนวด

 

“เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนที่บ้าน แล้วดูว่ายังจะฝันร้ายอยู่อีกไหม” หวังเย้าพูด

 

“แค่นี้เหรอครับ?” เขาถาม

 

“ครั้งนี้คุณไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลย แต่ถ้าคุณยังฝันร้ายอยู่ ก็ให้กลับมาที่นี่นะครับ” หวังเย้าพูด

 

อาการของคนไข้รายนี้ค่อนข้างแปลก หวังเย้าไม่เคยเจอคนไข้อาการแบบนี้มาก่อน ซึ่งมันต่างเฉินโจวที่มองเห็นภาพหลอน

 

“ได้ครับ” คนไข้จากไปพร้อมกับเครื่องหมายคำถามตัวโตๆติดอยู่เหนือศีรษะของเขา

 

“หมอหวัง ดูเหมือนว่าหมอจะรักษาได้ทุกโรคเลยนะ” คนไข้คนหนึ่งพูดขึ้นมา

 

“ฮาฮา ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันครับ” หวังเย้าตอบ

 

คนไข้รายนั้นไม่ได้ป่วยจริงๆ แต่มันเป็นความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นกับเขาต่างหาก