“ถ้าเป็นเรื่องที่มีคนมารังแกและต่อว่าคุณ ผมจะไม่ปรานีพวกเขาอยู่แล้วครับ” โม่ถิงตอบ “ผมไม่คิดว่าต้องมีเหตุผลหรอกครับ”
“ถ้าหากผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ทำแบบเดียวกันล่ะคะ”
โม่ถิงลูบศีรษะถังหนิงแผ่วเบา ส่งต่อความแข็งแกร่งผ่านความอบอุ่นของฝ่ามือเขา “เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ ไม่มีประโยชน์จะคิดถึงมันอีกแล้ว คุณแค่จำไว้ว่าผมจะปกป้องคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็พอครับ นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องรู้”
ตั้งแต่แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ ถังหนิงไม่เคยมีข้อสงสัยในเรื่องนี้แม้แต่น้อย
ครั้งนี้เขาถึงกับปลดผู้ถือหุ้นออกจากกรรมการบริหาร…
“ถ้าคุณรู้สึกผิด ทำไมคุณไม่…ชดเชยให้ผมด้วยร่างกายของคุณคืนนี้ล่ะครับ”
หญิงสาวได้ยินข้อเสนอเจ้าเล่ห์ของเขาก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ต่อไปถ้าคุณเจอปัญหาอย่างนี้อีกก็ปรึกษาฉันก่อนนะคะ เพื่อคุณแล้วฉันยอมทนได้ทุกอย่าง แต่ก็พร้อมต่อสู้ทุกเมื่อเหมือนกันค่ะ อย่าปล่อยให้เรื่องแบบวันนี้เกิดขึ้นอีกนะคะ มันไม่ดีกับความมั่นคงของไห่รุ่ยเลย โอเคไหมคะ”
ถังหนิงนึกถึงโม่ถิงเป็นที่หนึ่งเสมอและยินดีที่จะยอมถอย ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม ดังนั้นเขาไม่อาจทำให้เธอเป็นกังวลกับเขาได้
“ผมจะทำตามที่คุณบอกนะครับ”
…
ถึงโม่ถิงอาจไล่ผู้อำนวยการหลินออกจากไห่รุ่ย แต่ไม่ได้หมายความว่าประธานฟ่านจะยอมแพ้ ว่ากันตามจริงเขามีข้ออ้างในการลงมือมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยิ่งเมื่อเขารู้สึกว่าเป็นความผิดของถังหนิงที่ทำให้น้องเขยของเขาถูกปลดจากกรรมการบริหาร
เขาจึงรวบรวมเส้นสายที่เขามี ตัดสินใจโจมตีลัวเซิงเพื่อแก้แค้นถังหนิง
ด้วยเหตุนี้ความคิดเห็นปลอมๆ จำนวนมากจึงเริ่มปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์ วิพากษ์วิจารณ์ลัวเซิงว่าดูถูกคุณหมอโจรสลัดและสร้างความขัดแย้งระหว่างแฟนๆ กับผู้สร้าง โดยเฉพาะแฟนๆ นิยาย
ใครๆ ในวงการก็รู้ว่าคนพวกนี้เอาใจยากแค่ไหน พวกเขาตามกระแสและถูกปั่นหัวได้ง่ายดาย
การปฏิเสธคุณหมอโจรสลัดทำให้แฟนๆ มองว่าลัวเซิงไม่ยอมรับความนิยมของนิยายเรื่องนี้
ทั้งที่มันเป็นงานเขียนชื่อดัง!
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ลัวเซิงเป็นคนแรกที่ถูกวางตัวในบทนักแสดงนำชาย ทำให้นักแสดงที่เข้ามารับบทแทนทีหลังถูกมองว่าเป็นแค่ตัวสำรอง และเป็นธรรมดาที่ความสัมพันธ์แปลกๆ เช่นนี้จะสร้างความขัดแย้งระหว่างแฟนๆ
ลัวเซิงอยู่ลำพังตัวคนเดียวแต่เขายังถูกโจมตีต่อว่าจากทั่วสารทิศ ชวนให้เขารู้สึกไร้หนทางไปอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ตาม
ถังหนิงไม่ได้พยายามหยุดยั้งสถานการณ์นี้ไว้ เธอเพียงแค่บอกให้ลัวเซิงไม่ต้องตอบโต้ “ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ของหนังสือเล่มนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว ทีมงานของคุณหมอโจรสลัดแค่ทำเป็นไม่สนใจและท้าทายกฎหมาย นายไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ แค่ทำหน้าที่ของตัวเองก็พอแล้ว”
“ผมได้ยินจากหลงเจี่ยว่าประธานฟ่านถึงกับดึงประธานโม่ไปติดร่างแหด้วย จนทำให้ต้องจัดการประชุมกรรมการผู้บริหาร จริงเหรอครับ” ลัวเซิงถามถังหนิง เขาตกที่นั่งลำบาก แต่คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดกลับไม่ใช่ตัวเอง เพราะอย่างไรเสียเขาก็ได้ยินว่าคนในครอบครัวของประธานฟ่านครอบครองหุ้นของไห่รุ่ยอยู่บ้าง
“โม่ถิงกับฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ที่นายต้องทำก็แค่เตรียมตัวเข้าสังกัดไห่รุ่ยเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเธอพูดถึงไห่รุ่ย ลัวเซิงก็อ้าปากจะตอบกลับแต่เขาก็กลืนคำพูดของตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะลึกๆ แล้วเขารู้ว่าการย้ายไปไห่รุ่ยคือวิธีที่ดีที่สุดที่เขาจะช่วยถังหนิงได้
“โอเคครับ”
“หลังจากนายเข้าสังกัดไห่รุ่ย ผู้จัดการของนายจะช่วยนายตอกกลับด้วยวิธีการที่ดีที่สุด นายจะไม่ต้องไปคุยงานด้วยตัวเองอย่างตอนที่อยู่กับฉัน” ถังหนิงอธิบาย “เชื่อฉันเถอะว่าไห่รุ่ยเป็นเหมือนสวรรค์ของศิลปิน”
ลัวเซิงพยักหน้าอย่างยอมจำนน เขานับถือถังหนิงเหมือนพี่สาวของตัวเอง เขาจึงเต็มใจที่จะปกป้องคนในครอบครัวนี้ให้มากกว่านี้
หากแต่เขายังไม่แข็งแกร่งพอ เขาต้องได้เป็นศิลปินชั้นนำเพื่อได้มาซึ่งสิทธิ์ในการแสดงความเห็นและปกป้องคนที่เขาต้องการดูแล
“ผมจะไม่มีทางลืมว่าจู้ซิงมีเดียได้มอบโอกาสครั้งที่สองในชีวิตให้ผมเลยครับ”
ถังหนิงระบายยิ้มก่อนลูบศีรษะลัวเซิง
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่กตัญญูและจิตใจดี
แน่นอนว่าต่อให้ลัวเซิงย้ายสังกัดไปอยู่กับไห่รุ่ย ทางไห่รุ่ยเองยังคงไม่ได้ให้เขาออกมาชี้แจงต่อหน้าสาธารณชนแต่อย่างใด พวกเขาเพียงแค่ปล่อยให้ผู้คนแสดงความเห็นกันต่อไปในขณะที่พวกเขาวางแผนคล้ายกับสิ่งที่ถังหนิงคิดเอาไว้ในใจ ถึงอย่างไรพวกเขาก็แทบจะเป็นบริษัทเดียวกันอยู่แล้ว
“ลัวเซิง ฉันรู้ว่านายคิดถึงจู้ซิงมีเดีย แต่นายทำได้แต่นึกขอบคุณไว้ในใจนะ” ผู้จัดการคนใหม่ของลัวเซิงบอกกับเขา “ครั้งนี้การประชุมกรรมการบริหารปั่นป่วนไม่น้อย และผู้ถือหุ้นก็กล่าวหาว่าถังหนิงไม่ยอมทำตามเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในสัญญาว่าจะส่งศิลปินของเธอให้กับไห่รุ่ย ถึงประธานโม่จะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ในท้ายที่สุดก็ตาม แต่ยังไงไห่รุ่ยก็ยังเป็นบริษัทระดับนานาชาติ พวกเขาเลยจำเป็นต้องทำตามกฎเกณฑ์ เข้าใจใช่ไหม”
“ครับ ผมเข้าใจ” ลัวเซิงพยักหน้า
“ดีแล้ว ตอนนี้นายถูกใส่ความอยู่ อย่าเพิ่งตอบโต้กลับไปเลย ใช้โอกาสนี้เลือกบทที่เหมาะสมกับตัวเองแทนดีกว่านะ”
เพราะความเข้าอกเข้าใจของผู้จัดการ ลัวเซิงจึงละทิ้งความกังวลและความคิดเดิมๆ ได้
“นายคงไม่รู้ถึงสถานะของถังหนิงในไห่รุ่ย เธอได้รับการนับหน้าถือตาเพราะกล้าหาญพอที่จะทำสิ่งที่คนอื่นกลัว และกล้าท้าชนกับคนที่คนอื่นไม่กล้าแหย็มด้วย” ผู้จัดการยิ้ม
การถ่ายทำคุณหมอโจรสลัดได้เริ่มต้นขึ้นในอีกไม่ช้า ผู้คนต่างคาดหวังกับละครไอพีเรื่องนี้ไว้สูงว่าลัวเซิงจะต้องเสียใจหลังจากได้เห็นผลลัพธ์ที่ตามมา
หากแต่ลัวเซิงไม่ได้ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด
ลัวเซิงได้บังเอิญพบกับประธานฟ่านในงานเลี้ยงอีกครั้ง ทีแรกลัวเซิงไม่ได้ตั้งใจจะให้ความสนใจเขาแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นอีกฝ่ายที่เข้ามาขวางทางเขาไว้
“ฉันไว้หน้าเธอแล้วแต่เธอกลับไม่รับเอาไว้เอง ตอนนี้คงรู้ซึ้งถึงการถูกใส่ความแล้วสินะ”
ลัวเซิงถือแก้วไวน์ไว้พลางจ้องมองประธานฟ่านกลับอย่างเฉยชา เขาต้องห้ามใจตัวเองอย่างหนักไม่ให้มองค้อนใส่ชายคนนี้
“เธอไม่กล้าแม้แต่จะมาคุยกับฉันด้วยซ้ำ ช่างขี้ขลาดอะไรอย่างนี้! ความกล้าหาญของเธอมันเล็กพอๆ กับส่วนล่างของเธอนั่นแหละ”
ครั้นได้ยินคำเหยียดหยาม เขาก็สบตาเข้ากับประธานฟ่านในท้ายที่สุด ทว่าผู้จัดการของเขาพลันเข้ามาหาก่อนเอ่ยขึ้น “ทำไมนายมาคุยกับคนมั่วซั่วอย่างนี้ล่ะเนี่ย รีบไปเร็วเข้า ผู้อำนวยการหลี่กำลังถามหานายอยู่น่ะ”
คำพูดเหล่านี้เป็นการแสดงความดูถูกประธานฟ่านครั้งใหญ่ พาให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด
“โอ๊ะ ดูเข้าสิ ในที่สุดถังหนิงก็จ้างผู้ช่วยมากล่อมเธอเข้านอนแล้ว”
“ถ่างตาดูซะบ้างเถอะ ไอ้หมูอ้วน! ฉันเป็นผู้จัดการจากไห่รุ่ยต่างหากล่ะ” ผู้จัดการตอกกลับ “อีกอย่างฉันได้ยินว่าคุณหมอโจรสลัดกำลังจะเริ่มถ่ายทำแล้วนี่คะ ว่าแต่นักเขียนต้นฉบับเตรียมหลักฐานฟ้องร้องคุณไว้แล้วนี่นา ฉันขอให้คุณโชคดีแล้วกันนะคะ”
พูดจบเธอก็ดึงตัวลัวเซิงออกไป
แน่นอนว่าประธานฟ่านทำได้แต่มองนิ่ง เพราะเขาต้องยอมรับว่าลัวเซิงเป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยเสียแล้ว
คุณหมอโจรสลัดมีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกเขียนด้วยนักเขียนเพียงคนเดียว เหมือนกับว่าคนเขียนบทจ้างนักเขียนหลายๆ คนมาเชื่อมเรื่องราวให้ต่อเนื่องกันเสียมากกว่า เพราะผลกำไรมหาศาล ฝ่ายนักเขียนจึงรู้สึกว่าเงินส่วนแบ่งที่ได้รับช่างน้อยนิดและเตรียมตัวส่งตัวคนเขียนบทขึ้นศาลไว้เรียบร้อยแล้ว…