ชื่อเสียงสมาคมเมืองหลวงในเมืองหลวงใหญ่โตขนาดนั้นเป็นเพราะตำแหน่งในสมาคมของอาจารย์เว่ย เพราะว่าเขามีลูกศิษย์ที่สามารถเข้าไปศึกษาต่อในสมาคมรัฐ M ทุกปี ปีละหนึ่งคน
บรรดาผู้ใหญ่จากตระกูลในเมืองหลวงต่างให้เกียรติเขา
ในฐานะยอดฝีมือในวงการ ชื่อของ “อาจารย์ใหญ่เว่ย” ดังมากทีเดียว
เขาไม่ใช่พวกศิลปินที่ดังขึ้นมาในโลกอินเทอร์เน็ตอย่างปุบปับแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เป็น “อาจารย์ใหญ่” แห่งวงการศิลปะ อาจารย์ใหญ่คนแรกที่สามารถแสดงในหอแสดงรอยัลแห่งเมืองรัฐ M ของประเทศได้
ผู้กำกับไม่รู้เรื่องอื่น แต่เขารู้ว่าสมาคมเมืองหลวงกับอาจารย์ใหญ่เว่ยนั้น...
ปรมาจารย์แห่งวงการศิลปะ….
อินเทอร์เน็ตต่างประเทศสามารถค้นหาเว็บไซต์ของสมาคมเมืองหลวงได้ บนเว็บไซต์อย่างมีระบบแสดงรายชื่อ
ผู้กำกับคลิกเปิด
บนนั้นไม่มีโฆษณา มีเพียงสมาชิกภายในสมาคมเมืองหลวงและข่าวแจ้ง มีเพียงไม่กี่รายการ เขาเปิดดูรายละเอียดสมาชิกสมาคมเมืองหลวง แล้วดูรายชื่อ
นักเรียนขั้นสูง ฉินหร่าน (ระดับเจ็ด)
นักเรียนขั้นสูง วังจือเฟิง (ระดับห้า)
นักเรียนขั้นพื้นฐาน เถียนเซียวเซียว (ระดับสาม)
……
“นี่คือระดับไวโอลินในสมาคมเมืองหลวง ช่างต่างจากระดับมือสมัครเล่นในประเทศเสียจริง ฉันแค่ระดับหกเอง” อาจารย์ไห่มองไปที่ผู้กำกับ “ถึงแม้ว่าระดับหกของฉันจะสูงกว่าเถียนเซียวเซียวไปสองระดับ แต่บทเพลงที่เธอแต่งขึ้นเองได้คะแนนถึงแปดสิบห้าคะแนน คะแนนสูงสุดของฉันที่มีบันทึกไว้เพียงแค่แปดสิบเอ็ดคะแนนเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นฉินหร่าน…นายไม่ต้องดูแล้ว ฉันแม้แต่ดูการแสดงสดของเธอยังยาก”
เขาอายุอานามถึงเพียงนี้แล้ว อย่างไรก็ย่อมรู้สึกอายที่จะกลายเป็นตัวตลกต่อหน้ากล้อง
โดยเฉพาะต่อหน้าฉินหร่าน
ผู้กำกับ “ฉินหร่าน…เธอไม่ใช่เด็กเรียนสาขาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงหรือ”
“เธอเป็นเด็กเรียนของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ” อาจารย์ไห่อึ้ง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียง “มิน่าล่ะ แม้แต่สมาคมรัฐ M ก็ยังไม่อยากไป หลังจากเดือนเก้าก็ไม่เห็นไปที่สมาคมเมืองหลวงอีก ที่แท้ก็ไปมหาวิทยาลัยเมืองหลวงนั้นเอง มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีดีอะไรกัน ถึงไม่ได้สอบวัดเลื่อนขั้นต่อ คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ใหญ่เว่ยจะยอมให้เธอไปมหาวิทยาลัยเมืองหลวง”
ทีมผู้กำกับคอยระแวดระวังพวกเด็กเรียนจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ที่มาคือคนของสมาคมเมืองหลวง
**
ฉินหร่านได้เริ่มเข้าสู่ระดับสูงแล้ว
น้องชายจิ่งเหวิน เขาในตอนนี้รู้สึกนับถือเถียนเซียวเซียวอยู่บ้าง คอยติดตามอยู่ด้านหลังโดยตลอด ราวกับรุ่นน้องผู้หลงใหล “เก่งไวโอลินขนาดนั้นเชียวหรือ”
“คิดว่าเธอรู้จักกับ NPCได้อย่างไรล่ะ”
“……”
แน่นอน เพราะเรื่องในห้องลับเมื่อวานนี้ เขาจึงไม่ได้รู้สึกกีดกันฉินหร่านเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา…
ฉินหร่านเดินอยู่หลังสุด ยกมือขึ้นแคะหูอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็หยุดลงฉับพลัน
เถียนเซียวเซียวและเหยียนซีหยุดลงทันที
“ท่านเทพ เกิดอะไรขึ้น” เหยียนซีเอาหน้ากากที่เอามาจากการ ‘ชมผี’ เมื่อครู่นี้สวมลงบนหน้า
ฉินหร่านมองไปด้านซ้ายด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “มีจุดภารกิจ เข้าไปกันเถอะ”
ตอนนี้น้องชายจิ่งเหวินรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามีจุดภารกิจ ก็รีบพุ่งเข้าไปทันที ในที่แห่งนี้นอกจากคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องแล้ว บนกำแพงก็เต็มไปด้วยตัวเลขละลานตา สารพัดเครื่องหมายต่างๆ
น้องชายจิ่งเหวินรีบถามจุดภารกิจกับ NPC g-k8nvวัยรุ่นคนหนึ่ง “น้องชาย พวกซุปตาร์ฉินผ่านมาบ้างหรือเปล่า”
“ไม่นะ…” เด็กหนุ่มใช้เวลาพอสมควร แล้วจึงละสายตาไปจากเหยียนซี...เขาตาลายหรือเปล่า??
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี!” น้องชายจิ่งเหวินดูการ์ดภารกิจเสร็จ ก็เดินไปยังตัวเลขที่กระจายเต็มผนังหนังอย่างตื่นเต้น มองไปบนนั้นเพื่อค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ในขณะที่เขากำลังหาสิ่งเหล่านั้น เหยียนซีและเถียนเซียวเซียวก็ออกไป
สิบนาทีหลังจากนั้น ทั้งสองคนก็หอบเนื้อย่างสองถ้วยกลับมา
ทั้งสองคนยื่นถ้วยหนึ่งให้กลับฉินหร่าน จากนั้นเถียนเซียวเซียวก็สะกิดน้องชายจิ่งเหวินที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูตัวเลขอยู่ “น้องชายกินสิ นี่ก็เที่ยงแล้วนายไม่หิวหรือ”
น้องชายจิ่งเหวินเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่พวกเขาอย่างงุนงง “พวกเธอเอาเงินจากที่ไหนมาซื้อเนื้อย่างกันนี่”
“ไม่มีเงินหรอก” เถียนเซียวเซียวมองไปข้างหลังหนึ่งที น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “เจ้าของร้านเนื้อย่างนั้นเป็นแฟนคลับของเหยียนซีน่ะ เหยียนซีเขียนลายเซ็นให้เขา เขาเลยให้เนื้อย่างสองถ้วยนี้กับพวกเรา”
ผู้กำกับที่เตรียมการไว้ให้พวกเขารับคำท้าภารกิจก่อนถึงจะกินข้าวเที่ยงได้ “…” เหยียนซีคือ bug ขนานแท้…
“ท่านเทพ เธอรอก่อนค่อยกิน” เห็นน้องชายจิ่งเหวินไม่กิน เหยียนซีก็มองไปที่ฉินหร่านด้วยสีหน้าเย็นชา ท่าทีดูเคร่งขรึม
ฉินหร่านกำลังเอาไม้จิ้มลงไปที่เนื้อย่างหนึ่งชิ้น พอได้ยิน ก็เงยหน้าขึ้นชำเลืองไปเหยียนซี ดวงตาอันงดงามเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
เหยียนซีก้าวถอยหนึ่งก้าว จากนั้นก็พูดด้วยเสียงอันเบาโดยคิดว่าคนอื่นคงไม่ได้ยิน “ถ้าตอนที่ทีมรายการมาถึงจงใจตัดต่ออย่างไม่ประสงค์ดี กล่าวหาว่าเธอเอาแต่กินไม่ทำงานจะทำยังไง”
เขาไม่รู้ว่าตัวเองใส่เครื่องจับเสียง ทีมรายการได้ยินอย่างชัดเจน
ผู้กำกับ “…” พวกเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย พูดจาเลอะเทอะ!!
ทำไมราชาเหยียนถึงได้เป็นเช่นนี้!?
ฉินหร่านร้องขึ้นว่า “อ๊ะ” เธอได้สติกลับคืน แล้วพยักหน้า “นายพูดถูก”
เธอเอาถ้วยคืนกลับมือเหยียนซี จากนั้นก็เดินไปข้างตัวน้องชายจิ่งเหวิน แล้วยื่นมือไปพลิกข้อมูลที่เข้าหาออกมา
น้องชายตกใจสะดุ้ง “เดี๋ยวๆ เธอกำลังทำอะไรอยู่”
“ทำภารกิจ” ฉินหร่านเลือกกระดาษสองสามแผ่นออกมา
เมื่อเห็นเธอทำให้ข้อมูลที่เขาจัดระเบียบอย่างยากลำบากจนยุ่งเหยิง น้องชายก็เอาเนื้อย่างที่อยู่บนไม้ในมือยื่นใส่มือเถียนเซียวเซียว “ไม่ต้องหาแล้ว ไว้เดี๋ยวหาพวกซุปตาร์ฉินเจอ พวกนั้นเป็นพวกขลุกอยู่แต่ในบ้านหมกอยู่กับเทคโนโลยี เรื่องพวกนี้ให้คนที่เชี่ยวชาญจัดการจะดีที่สุด พวกเรารีบไปหาจุดภารกิจเถอะ เข้าร่วมเป็นพรรคพวกกับพวกเขาแล้วค่อยแชร์ข้อมูลคำใบ้….”
“ไม่ได้”
น้องชายสะดุ้ง “ทำไมกัน”
ฉินหร่านดึงกระดาษออกมาสองแผ่น เธอมองไปหนึ่งที แล้วเดินไปที่หน้าจอที่อยู่ด้านหน้า NPCมองไปที่กระดาษสองแผ่น จากนั้นก็กรอกอักษรและตัวเลขอันมากมาย เธอไม่ได้หันไปมองน้องชาย แต่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เดี๋ยวเนื้อย่างจะเย็น”
เวลาผ่านไปประมาณไม่กี่นาที ตัวอักษรสุ่มบนหน้าจอก็หายไป หน้าหลักของคอมพิวเตอร์ก็ปรากฏขึ้น มีหน้าต่างหนึ่งเด้งขึ้นมา…
“คำใบ้ระดับสูง”
ฉินหร่านมองไปหนึ่งที จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่ใช้เฉพาะสำหรับทีมรายการออกมา ถ่ายคำใบ้ระดับสูงเอาไว้ แล้วก็ปิดหน้าจอไป เธอทำทุกอย่างเสร็จในรวดเดียว
จากนั้นก็เอาโทรศัพท์มือถือซุกเก็บในกระเป๋า เตะเก้าอี้และโต๊ะออกไป ให้เหยียนซีวางเนื้อย่างลง
กลุ่มคนทั้งสามกินไปพลางคุยไปพลาง เถียนเซียวเซียวแนะนำว่าให้กลับไปหา “ผี” สองสามตัว
ทีมรายการจัดวางห้องและสถานที่ปฏิบัติภารกิจที่สามารถเข้าไปได้ หากเจอสถานที่ถูกต้องก็เป็นจุดภารกิจ หากหาผิดก็จะมี “ผี” โผล่ออกมาทันทีให้ตกใจ
เถียนเซียวเซียวทักน้องชายจิ่งเหวินอย่างกระตือรือร้น “เธอไม่มากินหรอ เดี๋ยวเนื้อย่างก็เย็นหมดหรอก”
น้องชายจิ่งเหวินยังยืนอยู่ที่เดิม เถียนเซียวเซียวหันหน้ากลับอย่างผิดหวัง เธอถามพวกฉินหร่านทั้งสองคนว่า “เนื้อย่างแฟนคลับของราชาเหยียนเป็นอย่างไรบ้าง ฉันคิดว่าอร่อยดีทีเดียว ยังอร่อยกว่าร้านชื่อดังในอินเทอร์เน็ตในเมืองหลวงร้านนั้นเสียอีก”
ฉินหร่านนั่งไขว่ห้าง “ก็พอใช้ได้ การย่างเนื้อสำคัญที่พรสวรรค์”
ฉินหร่านกินอย่างไม่รู้สึกหนักใจ เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ผู้กำกับกินอะไรไม่ลงแล้ว แม้จะเป็นข้าวกล่องก็ตาม
“จริงๆ นั่นเตรียมไว้ให้ไป๋เทียนเทียนหรือเปล่านะ” ผู้ช่วยผู้กำกับมือข้างหนึ่งถือตะเกียบ มืออีกข้างกดหัว แล้วพูดขึ้นเสียงดังกับผู้กำกับซึ่งอยู่ด้านข้าง “ฉินหร่านเป็นเด็กเรียนจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ใช่หรอ ซีซันนี้ไป๋เทียนเทียนคงได้เป็นตัวประกอบอีกรอบแล้วสินะ”
ซีซันนี้ของพวกเขา สามารถเชิญผู้เข้าร่วมแสดงได้มากถึงเพียงนี้ สามารถเชิญ “NPC” ที่มีชื่อเสียงได้มากถึงเพียงนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะความเป็นที่นับหน้าถือตาของสปอนเซอร์ใหญ่เป็นกำลังช่วย
ทีมนัดแสกงเชิญคนมาง่ายอย่างยิ่ง
ทีมผู้กำกับตอนนี้จนปัญญากับฉินหร่านแล้ว
หัวหน้าผู้กำกับรู้สึกอ่อนล้าอย่างมาก “เธอมาถึงที่นี่คงไม่เหลืออะไรแล้ว ไป๋เทียนเทียนตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องการ์ดของเธอ พวกเราให้โอกาสแล้ว อยู่ที่เธอว่าจะคว้ามันเอาไว้ได้เอง…”
ผู้กำกับปิดเฮดโฟน แล้วมองไปที่ทีมของฉินหร่านบนหน้าจอ
ทีมของซุปตาร์ฉินนั้นยังคงเต็มเปี่ยมด้วยกำลังวังชา แต่เมื่อเทียบกับทีมของฉินหร่าน ช่างดูไม่จืดเลยทีเดียว ทีมของเธอ เป็น bug อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะไปถึงจุดภารกิจใด ล้วนแต่ต้องเสียคำใบ้ระดับสูงในภารกิจแห่งนั้นไป สภาพแบบนี้ เห็นทีวันนี้คงได้เลิกงานก่อนเวลาแน่…
**
ที่นี่ พวกฉินหร่านทั้งสามคนในที่สุดก็กินเนื้อย่างจนเสร็จ
เถียนเซียวเซียวยังเหลือไว้ให้น้องชายจิ่งเหวินอีกครึ่งถ้วย
น้องชายจิ่งเหวินที่ก่อนหน้านี้เอาแต่บ่นจู้จี้ พอพบกับสุดภารกิจนี้ กลับไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหมน้องชาย” เถียนเซียวเซียวตบบ่าน้องชายจิ่งเหวินอย่างเอื่อยเฉื่อย
เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉินหร่านเพิ่งทำไปเมื่อครู่นั้นมีปัญหาอะไร เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าจุดภารกิจเมื่อคู่นั้นคือภารกิจอะไร เธอแค่คิดว่าจะติดตามฉินหร่าน ได้รู้จักกับอาจารย์ใหญ่เว่ย มาจนถึงฉินซิวเฉิน และยังนับพี่นับน้องกับเหยียนซีอีก
ระดับที่ใจของเธอต้องแบกรับในตอนนี้ยากที่คนทั่วไปจะเปรียบเทียบได้
น้องชายจิ่งเหวินเงยหน้าขึ้น อ้าปากค้างอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหรอก
เพียงแต่มองไปที่ด้านหลังของฉินหร่านด้วยสายตาอันซับซ้อน
ทั้งสี่คนไปถึงจุดภารกิจอีกแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว คราวนี้เหยียนซีได้คำใบ้ระดับสูงมาหนึ่งอย่าง คำใบ้ระดับสูงเมื่อรวมเข้าด้วยกันมีทั้งหมดสามแผ่น
ฉินหร่านเอามาประกอบกัน ยังขาดอีกหนึ่งแผ่น
พวกเขาเดินหน้าต่อไป เตรียมพร้อมที่จะหาจบภารกิจอีกหนึ่งแห่งแล้วค่อยหยุด บังเอิญพบเข้ากับฉินซิวเฉินและคนอื่นๆ ที่ปากทางโรงแรม
พวกฉินซิวเฉินยังไม่ทันได้กินข้าว พวกเขาทั้งสี่คนเคร่งครัดในระเบียบวินัยอย่างมาก เดินตามบทที่วางไว้จนถึงจุดภารกิจอาหารเที่ยงของทีมรายการ
แต่ถ้าว่าจิ่งเหวินยังคงต่อรองราคากับเถ้าแก่เจ้าของร้านอยู่
“พวกคุณยังไม่กินอีกเหรอ” พวกฉินหร่านเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า เงยหน้าขึ้นมองโรงแรม
บนโรงแรมเขียนไว้ว่าลดราคา…
ระดับไต้ซือแห่งเกมท่องยุทธภพ ลดสิบเปอร์เซ็นต์
ระดับปรมาจารย์ ลดสามสิบเปอร์เซ็นต์
ระดับจักรพรรดิ ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ระดับมีดาวเต็ม ฟรี
กินหมดแล้วต้องล้างจานเป็นการชดเชย
จิ่งเหวินกำลังคุยกันกับเถ้าแก่เรื่องล้างจาน ว่าจะขอล้างให้น้อยลงสักหน่อย