เกมท่องยุทธภพเป็นเกมการ์ดที่มีความยากสูงของทั่วโลก
ครอบครองวงการเกมหลายปีแล้ว ไม่เคยมีใครก้าวล้ำ มิหนำซ้ำยังได้รับอิทธิพลจากทีม OST หยางเฟยและการ์ดเทพสามใบ เกมนี้กลายเป็นอิทธิพลของคนรุ่นนี้แล้ว
โซโล่ไปจนถึงระดับจักรพรรดิ หากเอามาในรายการ ต้องสร้างความพอใจให้กับคนกลุ่มใหญ่ได้แน่
บวกกับการตัดต่ออื่นๆ ของทีมงาน ให้ไป๋เทียนเทียนโด่งดังในรายการน่าจะไม่มีปัญหามากนัก
ผู้กำกับปิดบทลง ในใจรู้สึกโล่งอก วันนี้คาแรคเตอร์ของไป๋เทียนเทียนจะไม่ผิดพลาดแล้วละมั้ง…
อีกด้านหนึ่ง เริ่มการถ่ายทำรายการแล้ว
ทั้งสองทีมมีสมาชิกสี่คน มีกองทัพตากล้องตามกองทัพทั้งสองกันเป็นพรวน
การเล่นเกมต้องมีสปิริตของการเล่นเกม
ทีมของฉินซิวเฉินเจอจุดภารกิจหนึ่งจุด เป็นภารกิจยิงเป้า สี่คนมีโอกาสแปดครั้ง หากยิงเข้ากลางเป้าสองครั้งก็จะได้เบาะแสระดับต่ำหนึ่งอย่าง กลุ่มของฉินซิวเฉินต่างก็กำลังยิงเป้า
น้องชายของจิ่งเหวินเกิดอารมณ์ฮึกเหิม เขาค่อนข้างมีสปิริตในการเล่นเกม ขณะที่กำลังจะบอกว่าพวกฉินหร่านว่าเขาเล่นเป็น
พอหันหน้า…
ก็ได้ยินเสียงของเถียนเซียวเซียว “หร่านหร่าน มีคนจะซื้อโน้ตเพลงของฉัน เพลงที่เธอช่วยฉันเรียบเรียงใหม่ตอนแข่งขันนั่นแหละ…”
เหยียนซีพูดน้อย เขาสวมหมวกแก๊ป เดินข้างฉินหร่านเงียบๆ เมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาก็ยกมือขึ้นกดปีกหมวกแล้วเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเฉยชา “เธอเรียบเรียงเพลงให้คุณเหรอ”
“ใช่แล้ว สมาคมเมืองหลวงของเรามีการแข่งขัน” เมื่อพูดถึงดนตรี นัยน์ตาเอื่อยเฉื่อยของเถียนเซียวเซียวก็สั่นระริก “แต่เสียดายที่การแข่งขันใช้เครื่องดนตรีมากไปไม่ได้ ตอนหลังฉันถึงได้ไปหาวงดนตรีอัดเพลงฉบับสมบูรณ์ที่ห้องดนตรี เพิ่งโพสต์ในเวยป๋อ วันต่อมาก็มีคนมาขอซื้อกับฉัน พี่เวินบอกว่าจะช่วยขายให้…”
เหยียนซีชะงักไปเล็กน้อย “คุณขายไปแล้วหรือยัง”
“ฉันกำลังพิจารณาอยู่” เถียนเซียวเซียวลูบคาง เบนสายตาแล้วถามฉินหร่านอย่างจริงจังว่า “หร่านหร่าน ฉันขายได้หรือเปล่า เราสองคนแบ่งกันคนละครึ่ง!”
ฉินหร่านไม่ได้สนใจมากนั้น เธอกำลังมองบ้านเรือนโบราณรอบๆ “ได้สิ”
แววตาของเหยียนซีชะงักไปเล็กน้อย แม้แต่ฝีเท้าก็นิ่งไปชั่วขณะ ผ่านไปเนิ่นนาน เขาไม่รู้ว่าควรจะมองเถียนเซียวเซียวด้วยสีหน้าแบบไหน “อีกฝ่ายให้ราคาเท่าไร”
“หนึ่งแสน!” เถียนเซียวเซียวปัดผมลอนที่ลู่ลงมา “หร่านหร่าน เพลงที่ฉันแต่งกับเพลงที่เธอเรียบเรียงมีค่าขนาดนี้เลยเหรอ! เพลงละหนึ่งแสน ถ้าขายฉันจะไม่ต้องกังวลค่าเช่าบ้านทั้งปีของฉันแล้ว”
เหยียนซี “…”
เหมือนว่าเธอกำลังคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการขายบทเพลง เหยียนซีที่รู้ต้นสายปลายเหตุแล้วเม้มปาก มองเธออย่างเย็นชา น้ำเสียงราบเรียบ “อย่าขาย”
“หา” เถียนเซียวเซียวได้สติ เธอพยักหน้า งั้นก็ไม่ขาย
ถึงแม้ว่าหนึ่งแสนจะน่าเสียดายมากก็เถอะ…
เถียนเซียวเซียวทอดถอนใจ
เหยียนซีอยากจะถอนหายใจยิ่งกว่า เขามองเถียนเซียวเซียวอย่างกระอึกกระอัก
ทั้งสามคนสนทนาตอบโต้กันไปมา ไม่ใช่เรื่องแต่งเพลงก็เป็นเรื่องโน้ตเพลง น้องชายของจิ่งเหวินที่เดินตามหลังพูดแทรกไม่ได้เลย
เถียนเซียวเซียวเสนอให้ชมผีในเรือนโบราณ…
ในขณะที่ฉินหร่านดู ‘ผี’ เสร็จแล้ว ตัดสินใจว่าจะไปลองเนื้อย่างริมถนนนั้น น้องชายของจิ่งเหวินก็ทนไม่ไหวแล้ว “ราชาเหยียน เรามาถ่ายรายการเรียลลิตี้โชว์ไม่ใช่เหรอ”
พวกคุณทั้งกินทั้งดื่ม แถมยังไปดูผีมันเรื่องอะไรกัน
รวมพลคนคอเดียวกันครั้งใหญ่เหรอ
สปิริตในการเล่นเกมล่ะ…
ขณะที่น้องชายของจิ่งเหวินกำลังพูดอยู่นั้น ก็เจอกับกลุ่มของฉินซิวเฉินที่อยู่ในร้านบะหมี่ฝั่งตรงข้าม
“ร่วมมือกันหน่อยไหม” เมื่อเห็นพวกฉินหร่าน จิ่งเหวินก็ลุกออกจากเก้าอี้ พูดอย่างหมดแรงว่า “พวกเธอเจอเบาะแสกี่อย่างแล้ว เราเพิ่งได้มาสามอย่าง วันนี้ทีมงานหาเรื่อง นอกจากซุปตาร์ฉินที่ยิงโดนเป้าสามครั้งแล้ว เบาะแสอีกสองอันได้มาจากเทียนเทียนทั้งนั้น ตอนนี้กำลังรอเบาะแสที่สี่อยู่”
เมื่อเห็นลูกผู้พี่ น้องชายของจิ่งเหวินก็อดรนทนไม่ไหว “พี่ พวกเรายังไม่ได้เบาะแสเลยสักอย่าง!”
ฉินซิวเฉินหันมามอง มุ่ยคิ้วเล็กน้อย เขาหยิบการ์ดภารกิจออกมาแล้วยื่นให้ฉินหร่าน “ให้พวกเธอก่อนหนึ่งอัน เดี๋ยวฉันจะไปลองดูว่าจะได้เบาะแสระดับกลางของสี่ในแปดได้ไหม”
ถึงอย่างไรรายการนี้ก็เป็นเรียลลิตี้โชว์ หากเล่นสนุกอย่างเดียว ไม่ได้เบาะแสเลย เมื่อฉายในอินเทอร์เน็ต ต้องถูกด่าทอแน่นอน
ฉินหร่านรับมาอย่างไม่รีบร้อน พอได้มาก็เล่นสนุกกับมัน “ใช้เวลาอัดรายการนานแค่ไหน”
“ก่อนมื้อค่ำ” ฉินซิวเฉินพูดแค่นี้ คิ้วขมวดเล็กน้อย “ร่วมมือกัน เราจะออกไปพร้อมกัน”
เขาเองก็สัมผัสได้แล้วว่า ตอนนี้น่าจะจัดเตรียมไว้เพื่อไป๋เทียนเทียน
ไป๋เทียนเทียนสามารถแสดงความสามารถได้แทบจะทุกที่ที่ไป
“ไม่ละ” ฉินหร่านกำการ์ดภารกิจ จากนั้นเงยหน้ามองท้องฟ้า หันไปดูเถียนเซียวเซียวพลางทำท่าครุ่นคิด “ไปกันเถอะ”
น้องชายของจิ่งเหวินตามหลังพวกฉินหร่านอย่างหมดอาลัยตายอยาก
แม้แต่ทีมงานเองก็กระวนกระวายแล้ว
ผู้ช่วยผู้กำกับอดคุยกับผู้กำกับไม่ได้ว่า “เราออกแบบกันยากเกินไปหรือเปล่า พวกกลุ่มฉินหร่านไม่เข้าจุดเล่นเกมเลย ร้านดนตรีหลายแห่งที่เราออกแบบพวกเขาไม่เข้าไปเลย…”
ผู้ช่วยผู้กำกับตามหลังตากล้อง เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้เหมือนกัน คนพวกนี้นอกจากหน้าตาแล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรโดดเด่นเลย…
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน ในที่สุดกลุ่มของฉินหร่านก็เจอจุดภารกิจแรก เห็นพวกเขาเลือกร้านไวโอลิน ผู้กำกับก็โล่งอกไปที
ที่นี่จัดเตรียมไว้เพื่อเถียนเซียวเซียวกับเหยียนซีชัดๆ โดยเฉพาะเหยียนซี
คนเฝ้าร้านเป็น NPC[1] ชายชราคนหนึ่ง แลดูมีมาดของยอดฝีมือ
น้องชายของจิ่งเหวินอ่านเงื่อนไขของภารกิจ “ที่นี่ต้องเล่นไวโอลิน ราชาเหยียนเล่นเป็นไหม”
เขามองเหยียนซีทันที
เหยียนซีหลุบตาลงเล็กน้อย ยกมือไปหยิบไวโอลินขึ้นมา “เรียกฉันว่าเหยียนซีก็พอ”
จากนั้นก็ยื่นไวโอลินให้เถียนเซียวเซียว เขาจำได้ว่าเถียนเซียวเซียวเคยบอกว่าเธออยู่ในสมาคมเมืองหลวง
สมาคมไวโอลินแห่งเมืองหลวง สมาคมหนึ่งเดียวในเมืองหลวงที่ไปถึงรัฐ M ได้ และเป็นคนเดียวที่เรียกมันสั้นๆ ว่าสมาคมเมืองหลวงได้ ชื่อเสียงโด่งดัง คนที่เข้าร่วมได้ ล้วนเป็นอัจฉริยะในวงการไวโอลิน
เถียนเซียวเซียวรับมา อยากจะยื่นให้ฉินหร่าน
แต่ฉินหร่านกลับกอดอก กำลังมองไปทางอื่นอย่างไม่ยี่หระ ไม่รับไป
ชายชราที่เฝ้าจุดภารกิจจุดนี้ เมื่อได้ยินเสียงของพวกเถียนเซียวเซียว เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน ยกมือขึ้นชี้ไวโอลินที่วางอยู่บนโต๊ะ “เงื่อนไขในการชิงการ์ดภารกิจคือ ต้องเล่นบีไมเนอร์ ไม่ก็ผลงานของตัว…ตัวเอง…”
เขาเงยหน้าขึ้นพอดี เมื่อเห็นเถียนเซียวเซียวก็ชะงัก “เซียวเซียว?”
เถียนเซียวเซียวถือไวโอลินไว้ในมือแล้ว ตอนนี้ก็เห็นหน้าของชายชราชัดแล้วเช่นกัน เธอย้อนความทรงจำ นึกออกแล้วว่าคนคนนี้เป็นใคร “ที่แท้ก็อาจารย์ไห่นี่เอง”
พูดจบก็แนะนำให้ฉินหร่านรู้จัก “หรานหร่าน นี่เป็นอาจารย์ไห่ของสมาคม สอนนักเรียนชั้นหนึ่ง”
หลังจากที่ฉินหร่านผ่านการทดสอบแล้วก็ไม่ค่อยได้ไปสมาคมเมืองหลวงมากนัก แต่ภายหลังในยามที่เถียนเซียวเซียวไม่ค่อยมีงานโฆษณาก็มักจะไปเรียนเพิ่มเติมกับอาจารย์เว่ย ทำความรู้จักกับอาจารย์ในสมาคมเมืองหลวง
อาจารย์ไห่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
คนที่อยู่ในวงการบันเทิง หนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือจำคนได้แม่นยำ พบเจอเพียงครั้งเดียว เถียนเซียวเซียวก็ไม่มีทางลืม
เมื่อได้ยินชื่อที่เถียนเซียวเซียวขานเรียก อาจารย์ไห่ก็มองไปทางฉินหร่าน ในสมาคมไม่มีใครไม่รู้จักลูกศิษย์เบอร์หนึ่งของอาจารย์เว่ย อีกฝ่ายมีฝีมืออยู่ในระดับเจ็ด อย่าว่าแต่ในสำนักเลย ในบรรดาอาจารย์ทั้งมากมายก่ายกอง ก็ฆ่าทุกคนในเสี้ยววินาทีอยู่ดี
เธอไม่ปรากฏตัวมาเนิ่นนานขนาดนี้ คนมากมายในสมาคมคาดเดาว่าเธอถึงระดับแปดแล้ว
อาจารย์ไห่ที่มีมาดของยอดฝีมือลุกขึ้นมา เขายื่นเบาะแสระดับสูงสุดให้ฉินหร่านโดยตรง “ให้การ์ดกับพวกเธอก่อน สองคนนี้ใครจะบรรเลง”
ขณะที่พูดสายตาของเขาก็จ้องฉินหร่านอย่างคาดหวัง
ถึงเขาจะเป็นอาจารย์ แต่ก็เป็นเพียงเพราะมีประสบการณ์ยาวนาน ความจริงแล้วทักษะการเล่นไวโอลินของเขาอยู่แค่ระดับหก ถือว่าสูงสำหรับสมาคมเมืองหลวงแล้ว เพราะปกติแล้วนักเรียนใหม่ระดับห้าสามารถเข้าร่วมสมาคมได้ทุกปี
เขาไม่เคยเห็นการแสดงสด ตอนนี้ย่อมอยากดูเป็นธรรมดา
ฉินหร่านลากเก้าอี้มานั่ง มือพาดบนที่วางแขน “เซียวเซียวเอาเลย”
อาจารย์ไห่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย จากนั้นก็หยิบไวโอลินขึ้นมายื่นให้เถียนเซียวเซียวด้วยตัวเอง
แล้วยื่นเบาะแสระดับสูงให้ฉินหร่าน
น้องชายของจิ่งเหวินมองฉินหร่านฉวยเบาะแสระดับสูงมา เขาชะเง้อมองอย่างสนเท่ห์ ได้เบาะแสระดับสูงมาแล้วเหรอ
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ทีมงานที่คอยดูจอมอนิเตอร์ของฉินหร่านอยู่ตลอดก็มีปฏิกิริยาเฉกเช่นเดียวกัน “…”
เอาอีกแล้วเหรอ!
พอพวกฉินหร่านไปแล้ว ผู้กำกับกับทีมงานก็รีบเดินมา “ทำไมคุณถึงให้เบาะแสระดับสูงกับพวกเขาล่วงหน้าล่ะ เบาะแสที่เราจัดเตรียมไว้คือ ต้องเหนือกว่าระดับของคุณ ถึงจะให้เบาะแสระดับสูงกับพวกเขาได้…”
อาจารย์ไห่ไม่สีไวโอลินด้วยซ้ำ จะให้เบาะแสระดับสูงได้อย่างไร
ทีมงานไม่เคยมีใครเคยเรียนไวโอลิน นับประสาอะไรกับการเข้าร่วมสมาคมเมืองหลวง
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้กำกับ อาจารย์ไห่ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง “คุณรู้จักสมาคมเมืองหลวงไหม”
“รู้สิครับ คุณก็เป็นคนของสมาคมเมืองหลวง…ทำไมเหรอครับ” ผู้กำกับคิดว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล
เขารู้แค่ว่าเถียนเซียวเซียวเป็นนักไวโอลินระดับขึ้นแสดงได้เท่านั้น…
“…ลองค้นสมาคมเมืองหลวงดู พวกคุณล็อกอินไม่ได้ แต่ก็ดูภาพรวมของสมาคมเมืองหลวงได้” อาจารย์ไห่เก็บไวโอลินอย่างประณีต
เลนส์กล้องที่ตามหลังผู้กำกับเล็งไปที่หน้าจอมือถือของผู้กำกับ
[1] NPC หรือ Non-player character หมายถึงบุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้เล่นในเกมหรือการแข่งขัน มีหน้าที่เป็นผู้ชี้แจงกติกา