ตอนที่ 360 แย่งความรัก

แม่ครัวยอดเซียน

“ทำไมถึงได้บังเอิญเช่นนี้ล่ะ” เหยี่ยนซวี่พึมพำกับตัวเอง ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เมล็ดพันธุ์แห่งเทพของเขาหายไปอย่างประหลาด จนถึงบทสรุปที่น่าเศร้าของเยว่ฮุยกับเมิ่งเตี๋ย คนเดียวกันที่พวกเขาเข้าใกล้ก็คือหลงหลิวหลี แต่ตอนที่เมล็ดพันธุ์แห่งเทพหายไปเป็นช่วงหลังจากที่ทะเลาะกับหลิวหลีเสร็จแล้ว หรือจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?

หลิวหลีที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในตอนนี้กำลังป้อนอาหารให้กับคนเจ็บทั้งสองหลิวหลียืนกรานว่าอาหารบำรุงดีกว่ายาบำรุง ดังนั้นเด็กที่บาดเจ็บทั้งสองจึงใช้ชีวิตด้วยการอ้าปากเมื่ออาหารมา เอ๋าเลี่ยกับหนานกงเวิ่นเทียนเปลี่ยนจากสงสารเด็กทั้งสองกลายเป็นศัตรูกับเด็กทั้งสองแทน อิงเสวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็อิจฉาขึ้นมาเช่นกัน ลูกชายสองคนของนางติดหลิวหลีมากกว่าเดิมทำให้นางที่เป็นแม่รู้สึกผิดหวัง

“ท่านน้าหลิวหลี วันนี้ข้าไม่กินกินซุปไก่ดำใส่ตังกุยอึ่งคี้ได้ไหม ขอกินไก่ห่อใบบัวกับเนื้อแพะย่างทั้งตัวได้ไหม” ปิงเซียวเสนอ ตอนแรกพวกเขาแค่ตั้งใจยั่วโมโหท่านพ่อกับท่านน้าเขยจึงทำเป็นมีความสุขกับการกินซุปหลากชนิดที่ท่านน้าทำ แต่รสชาติจืดชืดเกินไป เมื่อกินไปนานเข้า จนตอนนี้พวกเขาไม่อยากอิจฉาท่านพ่อกับน้าเขยเลยสักนิดเดียว หากไม่ได้ก็ขออาหารจานปลาแทนก็ได้

“พวกเจ้าเสียเลือดมาก สิ่งนี้จะช่วยบำรุงเลือดและลมปราณของพวกเจ้า อีกย่างข้าชิมแล้ว รสชาติใช้ได้” หลิวหลีคิดว่านางดูแลเรื่องรสชาติเป็นพิเศษแล้ว พอใช้ได้

“ท่านน้าหลิวหลี เลือดลมของพวกข้าไม่เป็นไรแล้ว ข้าอยากกินของอร่อยๆ ท่านทำให้พวกข้าเถอะนะ” เหลยรุ่ยออดอ้อน ไม้นี้จะใช้กี่รอบก็ได้ผล ท่านน้าหลิวหลีแพ้การออดอ้อนของพวกเขาที่สุด

“เรื่องนี้น่ะ พวกเจ้าพูดไปก็ไม่ได้อะไรหรอก ต้องให้ข้าที่เป็นหมอยินยอม พวกเจ้าถึงจะสามารถเปลี่ยนรายการอาหารได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาหารที่ข้าทำไม่อร่อยหรือ? ข้าเห็นแววตาที่เป็นประกายออกมาของบิดาและท่านน้าเขยของพวกเจ้า ถ้าพวกเจ้าไม่ชอบจริงๆก็ให้พ่อกับน้าเขยของเจ้ากินก็ได้” หลิวหลีจงใจพูดอย่างนั้นและทำท่าจะยื่นซุปให้เอ๋าเลี่ยกับหนานกงเวิ่นเทียน

“ไม่เอาๆ พวกข้ากินเองๆ แต่ท่านน้า ท่านต้องป้อนพวกข้านะ” ปิงเซียวพูดอย่างออดอ้อน

“เจ้าเด็กสองคนนี้นี่ ข้ายังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างนั้นเลยนะ” หนานกงเวิ่นเทียนพูดอย่างหึงหวง เจ้าเด็กร้ายกาจสองคนนี้ ตอนนี้เขาไม่เห็นใจเลยสักนิด ขโมยภรรยาเขาไปแล้วยังให้นางทำอาหารให้กินอีก ที่ออกจะมากเกินเหตุคือยังจะเรื่องมากอีก รอให้เด็กสองคนหายดีก่อนเถอะ จะให้พวกเขาได้คลายกล้ามเนื้อเสียหน่อย อย่ามานอนจนสนิมขึ้น

“นี่! ตอนนี้ข้าไม่เอ็นดูเจ้าเด็กสองคนนี้เลยสักนิดเดียว แข็งแรงจะตายไป” เอ๋าเลี่ยก็โกรธมากเช่นกัน ฝีมือของหลิวหลีนั้นเป็นที่รับรู้โดยทั่วกัน แต่กลับทำให้พวกเด็กๆกินเท่านั้น ไม่ยอมทำอาหารอร่อยๆให้พวกเขาเลยสักนิด เมื่ออยู่ต่อหน้าอาหารอันเลิศรสมีคำว่าพ่อลูกที่ไหนกัน?

“พอได้แล้วน่า ข้าก็แค่สงสารที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บ ดูพวกเจ้าอิจฉาเข้าอิจฉาเด็กนี่สนุกมากหรือ?” หลิวหลีถลึงตาใส่ทีละคน เป็นพ่อคนเป็นน้าเขย ทำไมถึงไม่รู้จักโตแบบนี้?

หนานกงเวิ่นเทียนไม่ชอบใจ ฮูหยินถลึงตาใส่เขา อืม… หรือเขาต้องใช้หน้าตาหลอกล่อน้องหญิงไป? น้องหญิงของเขาชอบแผนนี้ของเขามาก หนานกงเวิ่นเทียนลูบคางราวกำลังครุ่นคิด ช่วงนี้นางใช้เวลาอยู่กับเด็กสองคนนานกว่าเขาเสียอีก แถมเด็กสองคนก็ยังชอบท้าทายความอดทนของเขาอยู่เรื่อย

“น้องหญิง” และหนานกงเวิ่นเทียนก็เลือกใช้แผนนี้ แถมผลที่ได้เห็นได้ชัดจนเอ๋าเลี่ยตะลึงจนอ้าปากค้าง เด็กสองคนก็ผ่อนลมหายใจเสียงดัง คิดไม่ถึงว่าจะใช้แผนชายงาม ท่านน้าหลิวหลีนางตกหลุมพรางแผนชายงามของท่านน้าเขย เท่านั้น เมื่อผู้อื่นใช้แผนเช่นนี้ท่านน้าไม่แม้แต่จะกระพริบตา ไม่มีผลใด แต่ทันทีที่ท่านน้าเขยใช้แผนนี้ขึ้นมา ผลของแผนนี้ก็เห็นได้จากผลการเข้าฌานของเขา ไม่น่าเล่นใหญ่ไปเลยจริงๆ

“ท่านพี่ ท่านทำท่าทางเช่นนี้ต้องการอะไร?” และเป็นอย่างที่คิด หลิวหลีถอนหายใจ รู้อยู่แล้วเชียวว่าสุดท้ายต้องใช้วิธีนี้ แต่ทว่านางกลับยกมุมปากขึ้นน้อยๆอย่างเจ้าเล่ห์ หากนางไม่ทำแบบนี้ก็คงไม่ได้เห็นสีหน้าเช่นนี้ของสามี ถึงอย่างไรเด็กสองคนก็ดีขึ้นจนใกล้จะหาย ซุปไก่ดำใส่ตังกุยอึ่งคี้ก็กินพอแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ควรจะเข้าฌานเพื่อเตรียมบรรลุพลังบำเพ็ญเพียรขั้นราชาเทพได้แล้ว

“อาเลี่ย เด็กทั้งสองดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถกินอาหารเลี่ยนๆได้ ค่อยๆบำรุงแบบนี้ก็พอ ข้ากับท่านพี่ขอตัวก่อน” จากนั้นหลิวหลีก็พาหนานกงเวิ่นเทียนจากไปอย่างร่าเริ่ง เห็นปิงเซียวกับเหลยรุ่ยตาค้างปากค้าง ทุกครั้งที่น้าเขยใช้ไม้นี้ พวกเขาก็จะไม่ได้เจอน้าหลิวหลีเลย

“ใจร้าย ทำไมท่านน้าถึงได้มั่นคงกับท่านน้าเขยนักล่ะ” ทั้งๆที่พวกเขาดีกว่า น้าเขยคนนั้นมีอะไรดีกัน

“พวกเจ้าสองคนเล่นกันจนเลยเถิดทุกรอบ น้าเขยของพวกเจ้าออกห่างจากพวกเจ้าสองคนอีกแล้ว” เอ๋าเลี่ยถอนหายใจ ทำไมลูกชายของเขาทั้งสองคนถึงเล่นจนไม่รู้ควรอีกแล้ว? รักแต่หลิวหลีจนออกจะมากเกินไป

“เฮ้อ ท่านน้าหลิวหลีไม่สนใจเนื้อสดใหม่ แต่กลับชอบเนื้อหมักแช่แข็งอย่างน้าเขย” ปิงเซียวลุกขึ้นนั่งพลางพูด

“ใช่ พวกเรายังเป็นเด็กอยู่ จะออกไปกับน้าหลิวหลีอีกสักรอบก็คงไม่ผิดอะไร” เหลยรุ่ยพูดพลางลุกขึ้นนั่งถือโอกาสซดซุปไก่ดำใส่ตังกุยและอึ่งคี้ อย่างไรเสียก็เป็นฝีมือท่านน้าหลิวหลี ที่หลังจากนี้จะไม่ได้กินไปอีกนาน

“พวกเจ้าสองคน ไม่ใช่ว่าเจ็บจนขยับไม่ได้หรือ?” เอ๋าเลี่ยมองลูกชายสองคนที่ไม่มีทีท่าเหมือนคนบาดเจ็บเลยสักนิด ไม่แปลกที่เวิ่นเทียนจะโมโหถึงขนาดนั้น ถ้าเป็นเขาก็คงโมโหจนทนไม่ไหวเหมือนกัน

“เราสองคนหายดีตั้งนานแล้ว แค่แสร้งทำตัวอ่อนแอให้ท่านน้าดูเท่านั้นแหละ ตอนนี้นางถูกท่านน้าเขยชิงตัวไปแล้ว พวกข้าจะเสแสร้งต่อไปทำไม? นี่มันเรื่องใหญ่โตเสียที่ไหน” ปิงเซียวพูดอย่างไม่สนใจ

“ท่านน้าหช่วยเหลือพวกเราไว้ทันเวลา พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันนานแล้ว หากไม่ใช่เพื่อจะได้อยู่กับท่านน้าต่อหลายๆวัน พวกเราก็คงไม่ยอมทนทุกข์นอนอยู่นานขนาดนี้จนปวดเมื่อยไปหมด” เหลยรุ่ยขยับไหล่พลางพูด

เอ๋าเลี่ยพูดไม่ออก ดังนั้นเจ้าเด็กสองคนนี้หาเรื่องใส่ตัว ทำเอาเขาเป็นห่วงมานานเช่นนี้ มิน่าอิงเสวี่ยจึงเข้าฌานไปโดยไม่สนใจเจ้าเด็กร้ายกาจทั้งสองคน คาดว่าก็คงเสียใจเหมือนกัน แต่เมื่อนึกได้ว่าหลิวหลีเป็นคนเลี้ยงเด็กทั้งสองคนมาทำให้พอเข้าใจได้ ช่วงเวลาที่เด็กทั้งสองอ่อนไหวและต้องการพวกเขามากที่สุด เป็นหลิวหลีที่รับผิดชอบบทบาทนั้น เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ตำหนิอะไรไม่ออก

“พวกเจ้าสองคนนี่นะ ไม่เห็นต้องเล่นจนเลยเถิดเลย วางใจได้เลยว่าท่านน้าเขยของเจ้าไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้เจอท่านน้าแน่” เอ๋าเลี่ยพูดพลางถอนหายใจ

“เข้าใจแล้ว ท่านพ่อ ข้าทำให้ท่านกับท่านแม่เป็นห่วง ข้าขอโทษ ข้ากับเหลยรุ่นไม่เป็นอะไรแล้ว” ปิงเซียวรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้เป็นบิดา

“นั่นสิ ท่านพ่อ พวกข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ก่อนนี้ข้าอ่อนแอจริงๆ หลังจากนั้นถึงได้แสร้งทำ ว่าแต่ท่านน้าหลิวหลีเอายาเทพศักดิ์สิทธิ์อะไรให้กินกัน ข้าถึงรู้สึกได้ว่าหากข้ากับปิงเซียวเข้าฌานตั้งใจฝึกฝนบำเพ็ญเพียรล่ะก็น่าจะสามารถบรรลุขอบเขตแม่ทัพเทพได้แล้ว” เหลยรุ่ยรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย จึงพูดออกมา ท่านน้าหลิวหลีลงมือเองต้องเป็นของที่ยอดเยี่ยมแน่

“ไม่ใช่ ท่านน้าของพวกเจ้าไม่ได้ให้พวกเจ้ากินยาเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ่ายโอนพลังเทพของนางให้พวกเจ้า คิดว่าพลังเทพของนางคงแตกต่างจากผู้อื่น” เอ๋าเลี่ยพูด เขารู้ว่าหลิวหลีมีความลับ ในเมื่อนางไม่พูด เขาก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้

……………………………..