ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 234

ไม่ถูกต้อง ดูเหมือนจะเคยได้ยินจากเสี่ยวซุนมาก่อนว่าวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าก็คือสิ้นปี

“เป็นอะไรไปเล่า? เจ้าหวังให้ข้าไปร่วมงานฉลองวันเกิดของย่าเจ้าอย่างนั้นเหรอ?” เมื่ออ๋องเหลียงเห็นว่าจื่ออันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก็เลยถาม

“ไม่ ไม่ใช่เพคะ” จื่ออันส่ายหัวในทันที “หม่อมฉันแค่แปลกใจว่า วันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าควรจะเป็นวันสิ้นปี แม้ว่าจะจัดเร็วกว่ากำหนด แต่ก็ไม่ควรเร็วกว่าครึ่งปีนี่นา”

จื่ออันเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่าง แม้ว่าจะเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงวันเกิด แต่เวลาก็กระชั้นชิดเกินไป

หลังจากอ๋องเหลียงได้ยินที่จื่ออันพูด เขาก็กล่าวกับบ่าวรับใช้ “ไปบอกพระชายาหลี่ว่า พรุ่งนี้ให้นางไปงานเลี้ยงฉลองวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่ากับข้า”

พระชายาหลี่เป็นพระชายารองของอ๋องเหลียง นางถูกแต่งตั้งโดยองค์จักรพรรดิให้คอยดูแลปรนนิบัติเขาในฐานะพระชายารอง

“พ่ะย่ะค่ะ!” บ่าวรับใช้หันหลังเดินออกไป

จื่ออันเหลือบมองไปที่อ๋องเหลียง “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องไปร่วมงานฉลองก็ได้นะเพคะ”

“มีการแสดงดี ๆ ให้ดู ข้าไม่อยากพลาด เซี่ยจื่ออันเอ๋ย เห็นได้ชัดว่าคนในตระกูลของเจ้าไม่ปล่อยให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขแม้นเพียงสักวันเดียว คงจะไม่คิดให้เจ้ามีโอกาสหายใจได้เลยกระมัง”

จื่ออันบอกไม่ได้ว่าอ๋องเหลียงกำลังล้อเลียน หรือเห็นอกเห็นใจกันอยู่แน่ แต่ก็รู้สึกว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล

ท่านพ่อและท่านย่าของนางไม่คิดจะปล่อยให้นางหายใจได้เลยสักนิด

หลังจากจื่ออันรักษาอ๋องเหลียงเสร็จแล้ว เขาก็สั่งคนให้เตรียมรถม้า บอกว่าให้ส่งนางไปที่จวนผู้สำเร็จราชการ

จื่ออันลังเลเล็กน้อย “ผู้สำเร็จราชการไม่ปล่อยให้หม่อมฉันไปที่นั่นหรอกเพคะ”

“อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายดี เจ้าไปดูหน่อยเถิด” อ๋องเหลียงกล่าว

จื่ออันมองไปที่เขา “แม้ว่าท่านอ๋องจะรักษาตัวอยู่ในจวน แต่ก็รู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมายนะเพคะ”

“เรื่องที่ควรรู้ก็ต้องรู้ เมื่อเป็นเช่นนั้นถึงแม้ว่าจะถูกวางอุบาย แม้นจะต้องตายก็จะได้ตายตาหลับ” อ๋องเหลียงกล่าวเบา ๆ

“นี่เป็นทฤษฎีใหม่” อันที่จริงจื่ออันก็เป็นกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของมู่หรงเจี๋ย เช่นนั้นก็ไปดูเขาเสียหน่อย นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านอ๋องให้คนส่งหม่อมฉันไปที่นั่น ท่านช่วยพูดกับคนของท่านหน่อยว่าให้บอกกับผู้สำเร็จราชการว่า ท่านเป็นคนที่ต้องการให้หม่อมฉันไปที่นั่นนะเพคะ”

“ช่างจู้จี้เสียจริง!” อ๋องเหลียงส่งนางออกไป

วันนี้ไม่มีงานราชการในข่วงเช้า และมู่หรงเจี๋ยก็ได้สั่งให้คนไปส่งจดหมายถึงอ๋องฉี ให้เชิญเขามาประชุมที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว

เมื่อคืนอ๋องหนานหวายไม่ได้กลับมา และเมื่อเขาเข้าประตูมาในวันนี้ ก็เห็นมู่หรงเจี๋ยยืนอยู่ในศาลากำลังสั่งคนให้ย้ายกระถางต้นไม้ในสวนอยู่

เขาจ้องไปที่มู่หรงเจี๋ยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นไป “เสด็จพี่!”

มู่หรงเจี๋ยหันกลับไปมองอ๋องหนานหวายที่อยู่บนขั้นบันไดหินของศาลาอย่างอย่างเหยียดหยาม

“ใครใช้ให้เจ้ากลับมา?” มู่หรงเจี๋ยกล่าวถามอย่างเย็นชา

“เป็นรับสั่งของเสด็จแม่ ให้ข้ากลับมาร่วมงานพระราชพิธีศพ!” อ๋องหนานหวานตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

มู่หรงเจี๋ยกล่าวอย่างเฉียบขาด “เก็บข้าวของของเจ้าแล้วกลับไปแดนใต้ซะ”

อ๋องหนานหวายยิ้มเย้ยหยัน “เกรงว่าแค่คำพูดของเสด็จพี่คงจะไม่มีผลอันใด? ทั้งไท่โฮ่วและเสด็จแม่ก็ไม่ได้ให้ข้าไป ท่านมีเหตุผลอะไร?”

“เหตุผลที่ข้าเป็นผู้สำเร็จราชการ และคนของเจ้าที่อยู่นอกเมืองล้วนถูกข้าจับกุมไว้ทั้งหมดแล้ว” ดวงตาของมู่หรงเจี๋ยฉายแววของความอันตรายออกมา

“เจ้า…” อ๋องหนานหวานมองเขาด้วยความเกลียดชัง “ข้าเป็นน้องชายของท่าน เหตุใดท่านถึงต้องบีบคั้นกันเช่นนี้ด้วย? ทำไมท่านถึงไม่ปล่อยข้าไป?”

“หากข้าไม่ปล่อยเจ้า หลายปีมานี้เจ้าจะได้อยู่ที่แดนใต้เป็นอ๋องหนานหวายได้อย่างสบายใจงั้นรึ? ท่าทางของมู่หรงเจี๋ยชัดเจนหนักแน่นจนไม่มีอะไรซับซ้อนบนใบหน้าของเขาเลยสักนิดเดียว “ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน หลังจากหนึ่งวันผ่านไปแล้ว หากเจ้ายังคงอยู่ในเมืองหลวง ข้าจะฆ่าเจ้าเอง”

“แม้แต่เสด็จแม่ ท่านก็ไม่สนใจเลยใช่หรือไม่? พอข้าจากไป นางจะต้องโศกเศร้าเสียใจมากเป็นแน่” อ๋องหนานหวายกล่าวถามอย่างไม่เต็มใจ

มู่หรงเจี๋ยเดินจากไปพร้อมกับสะบัดแขนเสื้อ แล้วพูดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “นางจะไม่โศกเศร้าเสียใจ นางจะยังคงวางแผนการเอาไว้ให้เจ้า รอวันที่เจ้ากลับมาอีกครั้ง!”