ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 235

มู่หรงเจี๋ยเดินไปสองสามก้าวและเห็นจื่ออันยืนอยู่ใต้ต้นหอมหมื่นลี้ ใบหน้าของนางแลดูอึดอัดเล็กน้อย นางไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดการสนทนาระหว่างพวกเขาสองพี่น้อง

มู่หรงเจี๋ยรู้สึกสบายใจมาก ราวกับว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้พูดอะไรที่ฟังดูโหดร้ายออกมาเลย “มาแล้วหรือ?”

“อ๋องเหลียงให้หม่อมฉันมาที่นี่” จื่ออันอธิบาย

“ถ้าเขาไม่ให้เจ้ามา เจ้าก็จะไม่มาเช่นนั้น?” มู่หรงเจี๋ยเลิกคิ้วแล้วมองไปยังนาง

จื่ออันถือกล่องยาและจ้องมองเขาผ่านแสงแดด บ้าจริง ทำไมวันนี้เขาถึงหล่อเหลานัก

“มาเถอะ ท่านอ๋องก็ยังเป็นคนไข้ของหม่อมฉันอยู่นะเพคะ”

“เข้าไปในห้องกันเถิด!” มู่หรงเจี๋ยหันหลังเดินเข้าไป จื่ออันก็รีบตามไป เขาเดินเร็วมาก นางจึงต้องรีบสับขาตามเขาไปอย่างเร่งรีบ ไม่มีเวลาดูทิวทัศน์ตลอดทางเลย

หลังจากเข้ามาในห้อง มู่หรงเจี๋ยรีบถอดเสื้อผ้าของเขาออกและนั่งบนเก้าอี้ “เมื่อทายาเสร็จแล้ว อีกสักพักข้าก็จะดื่มสุรากับอ๋องฉี”

“ข้าขอคัดค้าน!”

“ไม่มีประโยชน์!” มู่หรงเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

จื่ออันวางกล่องยาลงแล้วขมวดคิ้ว “ท่านอ๋องไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้”

“การดื่มสุรากับเหตุผลมันสัมพันธ์กันอย่างไร? ”

“สุราจะส่งผลต่ออาการบาดเจ็บของท่าน และทำให้การฟื้นตัวช้าลง”

“เช่นนั้นจะรักษาให้หายไว ๆ ได้หรือไม่?” มู่หรงเจี๋ยเงยหน้าขึ้น และมองดูใบหน้าที่บึ้งตึงของนาง

จื่ออันเอนตัวไปตรวจดูแผลที่ตกสะเก็ดของเขา “ได้น่ะได้…”

“เช่นนั้นก็อย่าพูดให้มากความ เจ้าก็ยังไม่ได้แต่งเข้ามาเลย จะมาวุ่นวายอะไรมากมาย”

จื่ออันกัดฟันแน่น “ท่านอ๋องเป็นผู้ป่วยที่ไม่ให้ความร่วมมือมากที่สุดเท่าที่หม่อมฉันเคยเจอมาเลย”

“เพราะว่าข้าไม่เพียงแต่เป็นผู้ป่วยของเจ้า แต่ข้ายังเป็นพระคู่หมั้นของเจ้าด้วย!” เขามองไปที่นางแล้วกล่าวอย่างไม่แยแส

ใบหน้าของจื่ออันแดงขึ้นมา เพื่อไม่ให้เขาเห็นนางจึงก้มศีรษะ ทำท่าสุ่มสี่สุ่มห้าแสร้งทำเป็นตรวจดูบาดแผล

“ท่านนอนลงก็ได้นะ นั่งอยู่เช่นนี้ข้าตรวจดูบาดแผลไม่ถนัด” จื่ออันเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่นอนลงแล้ว เจ้าก็ทายาลงไปทั้ง ๆ แบบนี้ อีกประเดี๋ยวอ๋องฉีก็จะมาถึงแล้ว” มู่หรงเจี๋ยกล่าว

จื่ออันทำได้เพียงต้องก้มตัว ใช้ยาน้ำที่นำมาจากเขตชานเมืองทาลงไปบนบาดแผลให้เขา

ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ลมหายใจของเขารดบนศีรษะนาง นิ้วของนางลูบไปบนหน้าอกเขาตรง… บาดแผล และก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นอย่างสม่ำเสมอมาก

นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะนางรู้สึกได้ว่าหัวใจของนางเองเต้นผิดปกติมาก

นางรีบทายาให้เขา เพื่อกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นเร็วของตนเองและใบหน้าที่แดง นางแสร้งทำเป็นเก็บของใส่กล่องยา แล้วพูดอย่างใจเย็นในทันทีว่า “ไม่อนุญาตให้ดื่มสุรา กินหน่อไม้ หรือกินเนื้อวัว ไม่ว่าอาหารอะไรที่ไปกระตุ้นบาดแผลก็ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับมันทั้งนั้น”

มู่หรงเจี๋ยสวมเสื้อผ้า แล้วก็ฟังเสียงนางบ่นไปพลาง เขากำลังจะพูดหักล้าง ก็เห็นประตูถูกผลักให้เปิดออกอย่างกะทันหัน เซียวท่าตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น “หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว สุราเก่าแก่นารีแดง…”

เมื่อดวงตาของเขาเหลือบไปเห็นจื่ออัน เขาก็หยุดพูดในทันที และกอดไหสุราไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่นหนา พลางมองไปที่จื่ออันอย่างไม่เป็นมิตร “ท่านเป็นวิญญาณอาฆาตหรืออย่างไร?”

“…” จื่ออันพูดไม่ออก

“แม่ของท่านไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?” เซียวท่าเอาไหสุราไปวางไว้อย่างระมัดระวัง และถามจื่ออัน

ก่อนที่จื่ออันจะตอบ มู่หรงเจี๋ยก็ถามขึ้นมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ซูชิงไม่ได้บอกท่านเหรอ เมื่อคืนเกิดเรื่องขึ้น” เซียวท่าพูดเบา ๆ

มู่หรงเจี๋ยมองไปที่จื่ออัน “เจ้าเล่ามาซิ!”

เมื่อจื่ออันเก็บของใส่กล่องยาเสร็จแล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้เขาฟัง

หลังจากที่มู่หรงเจี๋ยฟัง เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พูดว่า ‘อืม’ คำเดียว แล้วบอกกับเซียวท่าว่า “เจ้าส่งนางกลับไป และ…”

เขาเรียกเซียวท่าไปหา และพูดที่ข้างหูเขาสองสามคำ