ตอนที่ 151.4 บทลงโทษของหย่งจยา (4)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ท่านหญิงหย่งจยาถอนหายใจเฮือกใหญ่สองครั้ง จากนั้นแผ่นหลังที่ตรงดิ่งก็งอลง 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเบ้ริมฝีปาก ทำเสียง จุ๊ๆ  

 

 

ตบหน้าตัวเองแล้วสินะ บอกแล้วว่าอย่าพูดมั่นใจเกินไป เห็นไหมเล่าว่ามันเจ็บ 

 

 

“หย่งจยา เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะเถียงอีกหรือ ในใจข้า เจ้าเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาโดยตลอด ทำไมถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้!” หนิงซีฮ่องเต้เห็นว่าท่านทูตและภริยาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แม้อยากลงโทษสถานเบาก็คงทำไม่ได้ ต้องลงโทษสถานหนักอย่างเดียว และยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้มันชั่งน่าปวดใจยิ่งนัก ที่หลานสาวในสายเลือดที่เขารักเอ็นดูไม่ต่างจากลูกในไส้และอยู่ในสายตาตลอดเวลา จะกล้าก้าวก่ายเรื่องของราชสำนักและทำผิดได้ถึงเพียงนี้ หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ เสียดายความรักเอ็นดูที่มีให้นางเสียจริง! 

 

 

ท่านหญิงหย่งจยารู้แค่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามยอมรับเด็ดขาด เพราะถ้ายอมรับ ผิดนี้มิอาจให้อภัยได้นอกจากรับบทโทษสถานเดียว นางยังคงตรัสตอบด้วยเสียงพึมพำว่า “หย่งจยาถูกใส่ร้ายจริงๆ นะเพคะ ข้าถูกใส่ร้าย” นางเหลือบมองเฉี่ยวเย่ว์พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากราวกับสายน้ำ นางกล่าวว่า “เฉี่ยวเย่ว์ เจ้าใส่ร้ายข้าทำไม…” สายตาเปล่งประกายความเย็นชาและแฝงไปด้วยความหมายบางอย่างเอาไว้ 

 

 

เฉี่ยวเย่ว์กลัวจนตัวสั่นระริกเป็นลูกนก นางรับใช้ท่านหญิงเป็นเวลาสิบปี นางจะไม่เข้าใจสัญญาณนั้นได้อย่างไร หลังจากความรู้สึกตกตะลึงผ่านไป นางฝืนยิ้มอย่างอ่อนแรง และทำตามด้วยความเต็มใจ 

 

 

นิสัยไม่เคยเปลี่ยน! ยังคิดจะป้ายความผิดให้กับผู้อื่นอีก! อวิ๋นหว่านชิ่นขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าท่านหญิงหย่งจยายังแก้ตัวไม่หยุด 

 

 

สีหน้าของหนิงซีฮ่องเต้ดำคล้ำมากกว่าเดิม “หย่งจยา ข้ายังคงไม่เชื่อว่าเจ้าจะทำเรื่องนี้โดยไม่มีเหตุผลอื่น! เจ้าบอกข้ามาเถิด เหตุใดถึงบุ่มบ่ามทำเรื่องเช่นนี้ได้!” 

 

 

เหตุผล? เหอะ…หรือจะให้นางพูดต่อหน้าทุกคนว่านางคิดไม่ซื่อ เกิดอยากมีความสัมพันธ์อันผิดศีลธรรมกับพี่ชายสามของตัวเอง ใครก็ตามที่เป็นหญิงข้างกายของพี่ชาย นางจะตีสนิทด้วยก่อนจากนั้นวางแผนบดขยี้ผู้หญิงเหล่านั้นอย่างงั้นหรือ นางอวี้โหรวจวง หากไม่ใช่เพราะถูกภายในราชวงศ์แต่งตั้งให้เป็นพระชายาเอกของพี่ชายสามตั้งแต่เด็ก แล้วนางจะทำตัวตีสนิทชิดเชื้อจนได้กลายเป็นเพื่อนเพื่ออะไร มีแต่อวิ๋นหว่านชิ่นที่ไม่เคยแม้แต่จะเปิดทาง ตั้งแต่ระหว่างทางจากสนามม้าซวิ๋นหลันจนถึงจุดล่าสัตว์ นางไม่เปิดโอกาสให้ตนเลย! 

 

 

หย่งจยาเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์แย่ หากตัวเองไม่ได้ผู้ชายคนนั้นมาครอง นางก็จะไม่ยอมให้ผู้หญิงที่ได้ชายคนนั้นไปมีความสุข! 

 

 

โดยเฉพาะ ผู้หญิงตระกูลอวิ๋นที่ได้แต่งเข้าจวนฉิน นางจะปล่อยให้หญิงผู้นี้มีความสุขเป็นหมื่นลี้ งดงามไปทั่วเมืองหลวงได้อย่างไรกัน ฟ้าสวรรค์คิดว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่น่าหลงใหลมากพออย่างงั้นรึ 

 

 

ฟ้านั้นรู้ดี คืนอภิเษกของพี่ชายสาม ตัวนางกริ้วเป็นเวลานานมาก ทั้งฟาดหมอนทุบผ้าห่มอยู่ในตำหนักหลวนอี๋อยู่พักใหญ่ และนอนไม่หลับอยู่ตั้งหลายคืน 

 

 

นางเป็นน้องสาวของฉินอ๋อง ห้ามให้พี่ชายแต่งภรรยาไม่ได้ พี่ชายทำดีกับผู้หญิงทุกคนที่อยู่บนโลกนี้ ยกเว้นนาง แต่นางความสามารถทำให้ฉินอ๋องเบื่อหน่ายหญิงที่อยู่ข้างกายได้นี่ 

 

 

การพาณิชย์ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของราชอาณาจักรและความสัมพันธ์ทางการทูต อวิ๋นหว่านชิ่นกล้าหาญมากที่รับภาระนี้ไป! หากทำพลาดขึ้นมา แล้วอวิ๋นหว่านชิ่นต้องรับโทษ จวนฉินอ๋องก็คงหนีไม่พ้นโทษ และนางไม่เชื่อว่า แม้ตำแหน่งพระชายาเอกของอวิ๋นหว่านชิ่นจะไม่สะทกสะท้าน และพี่ชายสามจะต้องโมโหนางคนโง่ผู้เป็นคนมือไม่พายเอาทาราน้ำผู้นี้! 

 

 

วันนั้น ตอนที่ได้ยินว่าจวนฉินอ๋องส่งสินค้าให้กับหลี่ฝานย่วนแล้ว ท่านหญิงหย่งจยากำลังเรียกให้เฉี่ยวเย่ว์ไปซื้ออาหารของนกกระตั้วกับเถ้าแก่ถานที่ตลาดตามเช่นเคย 

 

 

จู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาในหัว นางเรียกเฉี่ยวเย่ว์เอาไว้และบอกให้นางซื้อไข่แมลงมาเยอะหน่อย พอซื้อเสร็จจนกลับมาถึง นางสองคนตกลงเจรจาบางอย่างจนเสร็จ เฉี่ยวเย่ว์เรียกไหลวั่งมาหา นำไข่แมลงยื่นให้เขาและสั่งให้ไหลวั่งแอบเข้าที่พักของท่านทูต และนำไข่แมลงใส่ลงไปในลังสินค้า ไหลวั่งหยิบไม้งัดกล่องลังแล้วก็ออกไปดำเนินการทันที 

 

 

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนไร้ที่ติ แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกอวิ๋นหว่านชิ่นหาจนเจอต้นตอ และพบเจอได้เร็วถึงเพียงนี้… 

 

 

หรือนี่จะเป็นเจตจำนงของสวรรค์ ท่านหญิงหย่งจยาไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าสวรรค์ส่งนางมายังยุคสมัยนี้ เพื่อเป็นตัวรับกระสุนให้กับอวิ๋นหว่านชิ่น และชีวิตนางก็จะจบลงเพียงเท่านี้! 

 

 

เพราะฉะนั้น นางยังตายไม่ได้ และจะเป็นอะไรไปไม่ได้! 

 

 

นัยน์ตาของท่านหญิงหย่งจยาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และไม่ตอบกลับฝ่าบาทแต่อย่างใด สายตาที่ไร้ความปราณีเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ และกำลังจ้องมองไปที่เฉี่ยวเย่ว์ 

 

 

สุดท้ายเฉี่ยวเย่ว์ก็ตัดสินใจ นางลุกขึ้นอย่างช้าๆ ปลายทางของสายตาตกอยู่ที่อวิ๋นหว่านชิ่น ซึ่งเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นนางหันหน้าไปทางฝ่าบาทหนิงซีและกล่าวว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านหญิง ท่านหญิงไม่รู้อะไรเลย ทั้งหมดเป็นความคิดของหม่อมฉันเองเพคะ เมื่อตอนล่าสัตว์ หม่อมฉันมีเรื่องขัดแย้งกับพระชายาฉิน หม่อมฉันจึงถือโอกาสนี้ใส่ร้ายและให้นางรับบทลงโทษ แต่ไม่คิดว่าจะทำร้ายท่านหญิงไปด้วย ฝ่าบาทได้โปรดอภัยให้ท่านหญิงด้วย หม่อมฉันยินดีรับบทลงโทษเพคะ” 

 

 

พอนางพูดจบ เฉี่ยวเย่ว์ทำสีหน้าแปลกประหลาด อวิ๋นหว่านชิ่นรู้ทันที สาวใช้ผู้นี้คิดจะใช้ความตายปิดปากและรับโทษแทนเจ้านาย! 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นลุกขึ้นพรวด จากนั้นชี้ไปยังเฉี่ยวเย่ว์พร้อมกับตะโกนกับองครักษ์ว่า “จับนางเอาไว้!” 

 

 

ด้วยมือที่ถูกมัดเอาไว้ ตอนที่เฉี่ยวเย่ว์เพิ่งลุกขึ้นยืน องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ได้สนใจอะไร พอนางยอมรับความผิดแล้ว ช่วงเวลาที่ไม่มีใครตั้งตัว กระโปรงของนางปลิวพลิ้วไสว นางใช้ความว่องไวที่แทบจะมองไม่ทันดั่งฟ้าแลบ พุ่งตัวไปชนกับเสาต้นใหญ่ตรงหน้าพระพักตร์! 

 

 

ตุบ เสียงชนเสาดังสนั่นพร้อมๆ กับ กร็อบ คล้ายเสียงกระดูกแตกหัก! 

 

 

เฉี่ยวเย่ว์ล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับมีเลือดไหลพรากออกจากหัวราวกับน้ำตกในแนวราบ เลือดไหลเปรอะเปื้อนใบหน้าไปเกือบครึ่งหน้า 

 

 

ภริยาทูตกรีดร้องด้วยความตกใจ ท่านหญิงหย่งจยาก็ตะลึงไม่ต่างกัน 

 

 

หนิงซีฮ่องเต้เองก็ตกใจด้วยเช่นกัน เขาสูดหายใจเฮือกหนึ่งและพูดอะไรไม่ออก 

 

 

องครักษ์เดินเข้าไปตรวจเช็คด้วยการยื่นนิ้วทดสอบลมหายใจ จากนั้นรายงานว่า “ทูลฝ่าบาท สิ้นลมหายใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว “นำศพออกไปก่อน! อย่าทำให้ฝ่าบาทหวั่นพระทัย!” 

 

 

เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็มีขันทีสองคน เข้ามาช่วยกันยกศพคนหนึ่งยกหัว คนหนึ่งยกท้าย แล้วยกร่างไร้วิญญาณออกจากพระที่นั่งอี้เจิ้ง จากนั้นมีบ่าวใช้เข้ามาเช็ดคราบเลือดที่พื้นทันที 

 

 

ภริยาทูตไม่เคยเห็นเหตุการณ์หนองเลือดเช่นนี้มาก่อน ตอนที่เฉี่ยวเย่ว์ชนเสา เหตุการณ์นั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม พอเอามือจับจมูก มือนั้นเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด นั่นมันเลือดของนางกำนัลที่กระเด็นมานิ ทันใดนั้นภริยาทูตก็กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง สองขาของนางอ่อนแรงคล้ายจะเป็นลม 

 

 

ท่านทูตเห็นภริยาได้รับความตกใจมาก จึงขอลากลับเพื่อพาฮูหยินกลับไปพักก่อน 

 

 

วันนี้หนิงซีฮ่องเต้ขายหน้ามากถึงที่สุด เขาจ้องเขม่นท่านหญิงหย่งจยาและถอนหายใจฮึ่มหนึ่งที “ทหาร ส่งท่านทูตและฮูหยินกลับไปพักผ่อน เรียกแพทย์หลวงไปดูอาการด้วย!” จากนั้นหันหน้าไปตรัสกับทูตว่า “โปรดทำใจให้สบาย แล้วข้าจะชี้แจงเรื่องทั้งหมดให้กับพวกเจ้าเอง!” 

 

 

หลังจากท่านทูตและคนอื่นๆ กลับกันหมด หนิงซีฮ่องเต้มองท่านหญิงหย่งจยาด้วยสายตาอันทรงกริ้ว ครั้งนี้นางทำมากเกินไปแล้วจริงๆ “เสียดายที่ข้ารักเอ็นดูเจ้ามาตลอด เลี้ยงดูเจ้าดั่งลูกสาวของข้า!” 

 

 

ท่านหญิงหย่งจยารู้สึกเจ็บปวดเช่นเดียวกัน ที่สาวใช้คนสนิทเติบโตมาด้วยกันจากไปกะทันหันเช่นนี้ การจะเลี้ยงคนสนิทที่ไว้ใจได้มันง่ายนักหรือ เลี้ยงสุนัชให้เชื่องยังต้องใช้เวลา แล้วนับประสาอะไรกับคนเป็นเล่า 

 

 

อย่างไรก็ตายไปแล้ว แต่จะตายเปล่าก็คงไม่ได้เสียกระมัง 

 

 

นางคุกเข่าลงฟุบ ร้องไห้ไปกล่าวไปว่า “เสด็จลุง เสด็จลุงก็ทรงเห็นว่าเฉี่ยวเย่ว์เป็นคนทำ นางใช้ความตายเป็นเครื่องยืนยันแล้วนะเพคะ เหตุใดเสด็จลุงถึงยังไม่เชื่อหม่อมฉันอีก นางมีเรื่องบาดหมางกับพระชายาฉิน ก็เลยทำร้ายพระชายาฉิน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหย่งจยาเล่าเพคะ หย่งจยาเป็นคนเยี่ยงไร เสด็จลุงไม่รู้จริงๆ หรือเพคะ…” 

 

 

หนิงซีฮ่องเต้เห็นนางยังแก้ตัวร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุดและยังโยนความผิดให้กับแม้กระทั่งคนที่ตายแล้ว ความรู้สึกดีดีที่มีต่อนางนั้น หมดสิ้นแล้วจริงๆ ฝ่าบาททรงกริ้วมากจนไอขึ้นมาอย่างรุนแรง