“ส่งยาแก้พิษมา!” ชายผู้นั้นกล่าวอย่างดุร้าย
“พวกเจ้าเองก็เป็นนักปรุงยา ล้างพิษด้วยตัวเองไม่ได้หรืออย่างไร ?”
กลิ่นสาบยาบนร่างของคนเหล่านี้โชยฉุนนัก ทำให้ไม่สามารถปกปิดไว้ได้ว่าพวกเขาเองก็เป็นนักปรุงยา นอกจากนี้ในเมื่อพวกเขาต้องการหม้อเทพนิรันดร์ ก็มีเพียงนักปรุงยาเท่านั้นที่น่าจะต้องการ
เมื่อได้ยินคํากล่าวของมู่เฉียนซี สีหน้าพวกเขาพลันเปลี่ยนไป มันดูบูดเบี้ยวเสียยิ่งกว่าจานดินเผาที่ถูกปั้นอย่างผิดรูป
พวกเขาเป็นนักปรุงยา และก็ไม่รู้ว่าเป็นนักปรุงยาที่ระดับสูงกว่าเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้มากมายเพียงใด แต่พิษนี้พวกเขา… พวกเขากลับทําอะไรมันไม่ได้เลย
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างลำพองใจ “หากอยากจะมีชีวิตอยู่ ต้องการยาแก้พิษก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ปล่อยพวกข้าไปสิแล้วข้าจะมอบยาแก้พิษให้”
ในขณะนั้นเอง เงาร่างหนึ่งก้าวออกมา เขาไม่สนใจการคุกคามของมู่เฉียนซีและตบฝ่ามือที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังออกไปใส่นาง
ชิงอิ่งไหวตัวทัน เขาหมุนตัวขวางการโจมตีนี้ไว้
— ตูม! —
ทว่าพลังจากเงาร่างนั้นรุนแรงนัก ทั้งชิงอิ่งและมู่เฉียนซี พวกเขาทั้งสองกระเด็นลอยออกไป แต่ไหนเลย พลังโจมตีนี้รุนแรงมากเสียจนแม้กระทั่งผู้ตบพลังเองก็ยังปลิวกระเด็น
“พรวด!” มู่เฉียนซีกระอักเลือดกบปาก
แม้ว่าชิงอิ่งจะป้องกันการโจมตีทั้งหมด แต่อาการบาดเจ็บของนางก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ
“นายท่าน!” อู๋ตี้เสี่ยวหงสองสัตว์พันธสัญญารีบขวางตรงหน้ามู่เฉียนซีหมายใจจะช่วยบังนางไว้
คนผู้นี้ลงมือ ทําให้ผู้อื่นที่เหลือถึงกับตะลึงงัน
“ศิษย์พี่สาม…”
“ศิษย์พี่รองถูกวางยาพิษ ถึงอย่างไรเราก็ปล่อยให้เขาตายไม่ได้ ขอเพียงได้ม้วนไม้ไผ่แผนที่ของหม้อเทพนิรันดร์มา เช่นนั้นทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว”
สีหน้าของศิษย์พี่รองซีดเซียว แม้ว่าจะโกรธ เขาก็ยอมรับคํากล่าวของชายผู้นี้
สีหน้ามู่เฉียนซีหม่นคล้ำ นางประเมินพวกเขาต่ำเกินไป พวกเขาโหดร้ายกับศัตรูและโหดร้ายกับคนของตนเองด้วยเช่นกัน
ชิงอิ่งกอดมู่เฉียนซีไว้แน่น มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเข้ม “ชิงอิ่ง กินยาทั้งหมดในตัวเจ้าและข้าเสีย พวกเราต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อบุกเข้าไปในบึงหมื่นพิษให้ได้ ส่วนเรื่องการไปที่นั่นจะมีชีวิตรอดหรือไม่ ก็คงทําได้เพียงปล่อยไปตามชะตาลิขิตเท่านั้น”
ชิงอิ่งรับคำ “ได้!”
หลังจากกลืนยาลงไปทั้งหมดแล้ว ความแข็งแกร่งของชิงอิ่งก็เพิ่มมากขึ้น เวลานี้เขาสามารถต้านทานจักรพรรดิแห่งภูติระดับเก้าได้อย่างแน่นอน
คนเหล่านี้ต่างตกใจ ความแข็งแกร่งของเจ้าหุ่นเชิดรบนี้มากเกินคำอธิบาย และมันยังสามารถแข็งแกร่งกว่านี้ได้อีกด้วย
“รีบจัดการมันเร็วเข้าอย่ารอช้า มิเช่นนั้นมันจะแข็งแกร่งขึ้น”
— ตูม! —
เสียงดังสนั่น การโจมตีนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ร่างของชิงอิ่ง
ทว่าเขาเปรียบเสมือนเทพสงครามผู้ไม่พ่ายแพ้ สามารถต้านทานการโจมตีอันบ้าคลั่งนี้ได้โดยที่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ เสียด้วยซ้ำ แม้แต่คิ้วของเขาก็ยังไม่ขมวดเข้าหากัน
เสี่ยวหงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “พวกสารเลวบัดซบ! ข้าจะจัดการพวกเจ้าซะ”
เปลวเพลิงสีแดงเข้มแผ่กระจายออกมา เวลานี้ดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขากลายเป็นลาวาสีแดงเข้มน่าสะพรึงกลัว
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
“อ๊าก!”
เปลวไฟสีแดงเข้มทําให้พวกเขาถูกเผาราวกับปลาเผาร้อน ๆ
เมื่อพวกอู๋ตี้และเสี่ยวหงโจมตีเสร็จเรียบร้อย พวกมันก็รีบไล่ตามมู่เฉียนซีและชิงอิ่งไป นายท่านต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
บึงหมื่นพิษปล่อยหมอกพิษแผ่ออกมาอย่างอันตราย เมื่อคนเหล่านี้ไล่ตามมาถึงที่นี่ก็ไร้ซึ่งทางเลือก ต้องหยุดฝีเท้าลง
“ศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่สาม เราจะทําอย่างไรดี ? นี่คือบึงหมื่นพิษที่อันตรายมากในตะวันตกของทวีปเซี่ยโจว”
ศิษย์พี่รองที่ถูกวางยาพิษผู้นั้นกล่าวขึ้นช้า ๆ “เด็กหนุ่มนั่นคิดว่าตนเองเชี่ยวชาญในยาพิษ คิดว่าเข้าไปในบึงหมื่นพิษจะสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ แต่เขาไม่รู้ถึงอันตรายของบึงหมื่นพิษเลย เขาเป็นเพียงปรมาจารย์ภูติ เมื่อเข้าไปแล้วคงจะต้องตายอย่างไร้ที่ฝัง”
“เช่นนั้นพวกเราจะถอยไปรึ ?”
“แผนที่ตำแหน่งของหม้อเทพนิรันดร์อยู่ที่เจ้าหนุ่มนั่น พวกเราจะถอยหนีได้อย่างไรกันเล่า ? บึงหมื่นพิษนี้จำต้องเข้าไปอย่างแน่นอน เมื่อข้ายับยั้งพิษนี้ได้ก็จะเข้าไปในบึงหมื่นพิษ”
“ตกลง!”
ยิ่งอยู่นานไป หมอกพิษก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ ชิงอิ่งเป็นหุ่นเชิดรบสำหรับต่อสู้ ย่อมไม่มีพิษใดที่จะทําอันตรายอะไรเขาได้ ในขณะที่เสี่ยวหงและอู๋ตี้ แม้พวกมันสองตัวจะเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังทนไม่ค่อยไหว
ส่วนมู่เฉียนซีนั้น นางหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ เสี่ยวหงและอู๋ตี้ร้อนรนขึ้นมาในทันที พวกมันตะโกน “นายท่าน!”
“จะทําอย่างไรกันดี ? นายท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสและเวลานี้พวกเราตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งยวด”
“ถ้าหากนายท่านไม่สลบไป นางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ก็อาจจะรักษาตัวเองได้ แต่…”
ชิงอิ่งหยุดฝีเท้า เขารู้สึกว่ากลิ่นอายของหญิงสาวในอ้อมกอดเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ เลือดบนร่างกายของนางเปื้อนเขา ดวงตาของเขามองไปที่เสี่ยวหงและอู๋ตี้
อู๋ตี้กล่าวขึ้นว่า “เจ้าท่อนไม้ เจ้าคิดหาวิธีเร็วเถอะ นายท่าน…”
เสี่ยวหงกล่าวแทรก “เจ้าโง่! เจ้าท่อนไม้นี้เป็นหุ่นเชิดรบ เขาทําได้เพียงเชื่อฟังคําสั่งเท่านั้น ไม่ใช่นักปรุงยา เขาจะคิดหาวิธีอะไรได้”
อู๋ตี้โกรธเคือง “บัดซบเอ๊ย! ศาลานิรันดร์ เจ้าจิ่วฉงหุ้นตุ้นถิงนั่น ในเวลาเช่นนี้ยังหลับสนิทอยู่ได้อย่างไร ?!”
เสี่ยวหงเองก็จนปัญญา “แล้วท่านจิ่วเยี่ยผู้นั้นเล่าหายไปไหนแล้ว ? นายท่านของเรากำลังตกอยู่ในอันตราย ท่านจิ่วเยี่ยรีบมาเร็วเข้าเถอะ!”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวร้อนรนราวกับมดบนหม้อร้อน ๆ ชิงอิ่งก้มหน้าลงมองใบหน้างดงามที่ดูขาวซีดไร้เลือดฝาดของมู่เฉียนซี
เขาเอ่ยคําสามคําออกมาอย่างแข็งทื่อ “ตาย ไม่ตาย”
ท่ามกลางหมอกสีดําที่เป็นพิษของบึงหมื่นพิษนี้ ทันใดนั้นแสงสีเขียวพลันปรากฏขึ้น แสงสีเขียวนั้นปกคลุมมู่เฉียนซีและชิงอิ่งไว้
“สัญญา…”
เสียงทุ้มต่ำเสมือนดังมาจากถิ่นทุรกันดารโบราณ ระเบิดขึ้นในจิตใต้สำนึกของมู่เฉียนซี
คําว่า ‘สัญญา’ ที่รวมอยู่ด้วยกับแสงสีเขียว ลอยไปจมเข้าที่หัวคิ้วของชิงอิ่งในฉับพลัน
เสี่ยวหงและอู๋ตี้ต่างตกใจ “เขา… เจ้าท่อนไม้นี่ ถึงกับให้นายท่านทําพันธสัญญา”
อู๋ตี้จะร้องไห้แล้ว “นายท่าน เวลานี้กําลังจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ท่อนไม้… เขาลงมือทำพันธสัญญาเพื่อที่จะพ่วงตัวเองเข้าไปหรือนี่ ?”
ขณะที่พวกมันกําลังจะหมดหวัง พวกมันกลับพบว่าอาการบาดเจ็บของมู่เฉียนซีฟื้นตัวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้และหายไปในที่สุด แม้แต่ร่องรอยสักนิดก็ไม่มีให้เห็น
ช่างน่าพิศวง!
ความเสียหายร้ายแรงที่เกิดจากพลังระดับจักรพรรดิแห่งภูติหายไป เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว
อู๋ตี้และเสี่ยวหงมีชีวิตอยู่มานานเพียงใดแล้วก็ไม่อาจทราบได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นเรื่องแปลก ๆ เช่นนี้
ผลการรักษาบาดแผลของสัญญาที่ทำขึ้นเมื่อครู่แข็งแกร่งกว่ายารักษาอาการบาดเจ็บที่มีประสิทธิภาพของนายท่านเสียอีก
เสี่ยวหงกล่าว “มันช่างน่าพิศวงดีแท้ หุ่นเชิดรบที่ทําพันธสัญญาไว้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าในอนาคตคงจะต้องหาหุ่นเชิดรบให้นายท่านเพิ่มอีกสองสามตัว เมื่อนายท่านตกอยู่ในอันตรายก็ให้ทำพันธสัญญากันจะได้หายดี”
อู๋ตี้กลอกตา กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าหุ่นเชิดทุกตัวจะได้ผลเช่นนี้หรือ ? ข้าเกรงว่าจะมีเพียงเจ้าท่อนไม้นี้เท่านั้นที่มีความพิเศษ”
— ปัง! —
หลังจากทําพันธสัญญาเรียบร้อยแล้ว อาการบาดเจ็บของมู่เฉียนซีก็ดีขึ้นมาก แต่ชิงอิ่งกลับหมดแรงและสลบใสลไปในทันที
เสี่ยวหงและอู๋ตี้ร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง “อ๊าก! นายท่านยังไม่ได้สติเลยแล้วเจ้าหมอนี่ก็ยังมาสลบไปอีกคน แล้วจะทําอย่างไรดี ?”
“ยา… เม็ดยาอย่างไรเล่า! ให้เขากินเม็ดยาสิ เขาจะได้ฟื้นฟูพลัง” อู๋ตี้กล่าวเสียงตื่นเต้น
เสี่ยวหงอยากจะร้องไห้ มันกล่าวว่า “แต่เมื่อครู่เขาพานายท่านหนีออกมาได้ก็เพราะกินยาทั้งหมดหมดเกลี้ยงไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว”
“แล้วจะทําอย่างไรกันดี ?”
— ตูม! ตูม! —
เวลานี้ งูเหลือมพิษหลายตัวกําลังใกล้เข้ามาอย่างดุเดือด
เสี่ยวหงและอู๋ตี้กังวลอย่างมาก สถานการณ์ย่ำแย่อยู่แท้ ๆ ยังถูกกระหน่ำซ้ำอีก ต้องตายแน่ ๆ
อู๋ตี้กล่าว “ข้าจะสู้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรั้งไว้จนกว่านายท่านจะได้สติขึ้นมา”
— ซู่ม! —
เปลวไฟของเสี่ยวหง กวาดผ่านไป
— ตูม! ตูม! —
ความแข็งแกร่งของงูเหลือมพิษเหล่านี้มิใช่น้อย ๆ เลย แต่เสี่ยวหงและอู๋ตี้ได้ใช้พลังงานทั้งหมดต่อสู้กับชายชุดขาวลึกลับเหล่านั้น และในเวลานี้ก็ใกล้มาถึงจุดจบแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องกัดฟันสู้จนกว่านายท่านของพวกมันจะฟื้นขึ้นมา
พวกมันจะไม่ปล่อยให้นายท่านเป็นอะไรไปเด็ดขาด
.