ตอนที่ 251 การปะทะกันอีกครั้ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีฟื้นตื่นขึ้นจากฝันร้ายที่น่างุนงง นางพบว่าตัวของนางนั้นมีพันธสัญญาประหลาดเพิ่มขึ้นมาอีกสัญญาหนึ่ง  และบาดแผลบนตัวของนางที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น ก็ได้หายไปอย่างประหลาด แม้แต่ร่องรอยเพียงสักนิดก็ไม่มีหลงเหลืออยู่

— ครืนนนนนน! —

ทันใดนั้นเอง มีเสียงดังสนั่นมาจากรอบข้าง มู่เฉียนซีมองไปเห็นสัตว์พันธสัญญาทั้งสองของตนกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายกับงูเหลือมพิษ

“ผนึกมังกรวารี!”

มู่เฉียนซีลงมืออย่างรีบร้อน  นางได้เลื่อนขั้นไปเป็นปรมาจารย์ภูตระดับหนึ่งแล้ว พลังของนางจึงแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย ทว่าการโจมตีออกไปในครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้พวกงูเหลือมพิษล่าถอยไปแต่อย่างใด

มู่เฉียนซีตะโกนด้วยเสียงเย็นชา “เสี่ยวหง อู๋ตี้ พวกเจ้าหลีกไป”

ในที่สุดนายท่านก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว อู๋ตี้และเสี่ยวหงโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง พวกมันรีบออกมาจากตรงนั้น

กระบี่ขึ้นสนิมเล่มนั้นถูกมู่เฉียนซีชักออกมาอีกครา ที่คมปลายกระบี่สีแดงเข้มย้อมให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่ำ มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “มังกรเพลิงสังหาร!”

สิ้นเสียงนาง มังกรเพลิงสีแดงเข้มขนาดยักษ์พุ่งทะยานออกไป มันใช้ท่าพิฆาตฆ่าสังหารเหล่างูเหลือมพิษท่าทางดุดันที่อยู่ตรงหน้านั้นจนหมดสิ้น

— ฟึ่บ! —

มู่เฉียนซีโปรยผงยาไปรอบ ๆ ผงยาพวกนี้สามารถที่จะหยุดยั้งสิ่งที่เป็นพิษไม่ให้เข้ามาใกล้ได้

หมอกพิษที่อยู่ตรงนี้ไม่ได้เป็นอันตรายมากนัก มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เสี่ยวหง อู๋ตี้ พวกเจ้าอดทนอีกหน่อย ข้าจะปรุงยาเพื่อฟื้นฟูพลังให้พวกเจ้าเอง”

มู่เฉียนซีนำหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา สมุนไพรจำนวนมากจากมิติเก็บของของนางก็ได้ถูกนำไปใส่ลงในหม้อยา ทั้งพลังวิญญาณและพลังจิตถูกใช้จนถึงขั้นขีดสุด และนางได้ใช้ความเร็วอย่างสูงสุดเพื่อสกัดยาต้านพิษออกมาชุดหนึ่ง

มู่เฉียนซีโยนยาไปให้พวกมันสองเม็ด นางกล่าว “กินให้หมด”

จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้ปรุงยาฟื้นฟูพลังให้แก่อู๋ตี้และเสี่ยวหงหม้อหนึ่ง จากนั้นนางมองไปทางชิงอิ่งที่หลับใหลอยู่  นางรู้สึกว่าระหว่างนางกับเขานั้นมีความเกี่ยวพันกันเล็ก ๆ อยู่บางอย่าง ทันใดนั้นมู่เฉียนซีหรี่ตาลงในทันใด

มันคือพันธสัญญา…

อู๋ตี้กล่าวขึ้นมา “นายท่าน เจ้าท่อนไม้นี่ซื่อสัตย์มาก ยาที่นายท่านให้เขากินนั้นเขาไม่ได้กินเปล่า เขาอาสาที่จะเสียสละตนเพื่อให้นายท่านได้ทำพันธสัญญา บาดแผลและอาการบาดเจ็บบนร่างนายท่านถึงได้หายไป นายท่าน ในตอนนี้ท่านเริ่มปรุงยาได้แล้ว รีบทำให้เขานั้นตื่นขึ้นมาเถอะ”

หุ่นเชิดรบสามารถที่จะเป็นฝ่ายเลือกผู้ที่จะทำพันธสัญญาได้ หลังจากที่ชิงอิ่งได้ทำพันธสัญญาแล้ว บาดแผลบนตัวของมู่เฉียนซีทั้งหมดก็ได้หายเป็นปกติ นางรู้สึกว่าทั้งหมดนี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

เดิมทีชิงอิ่งนั้นก็เป็นบุคคลปริศนาอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถล่วงรู้อะไรเกี่ยวกับเขา ทำให้เขาฟื้นตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เวลานี้ชิงอิ่งยังไม่ได้สติ มู่เฉียนซีจึงต้องปรุงยาน้ำขึ้นมาขวดหนึ่งแล้วกรอกลงไปในปากของเขา ไม่ว่าจะเป็นยาน้ำหรือว่ายาเม็ดของนาง เขาล้วนชอบมันทั้งหมดอย่างมาก หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า… ขอแค่เพียงยาที่มีความบริสุทธิ์และสามารถฟื้นฟูพลังของเขาได้ เขาล้วนแต่ชอบทั้งสิ้น

เมื่อยาหลายขวดของมู่เฉียนซีกรอกลงไปในปากของเขา ก็ได้ทำให้เขาฟื้นตื่นขึ้นมา ชิงอิ่งลืมตาสีดำสนิทที่ไร้ซึ่งความเหมือนมนุษย์ขึ้นมาแล้วมองไปที่มู่เฉียนซี

“เฉียน!”

“รอดชีวิต!”

มู่เฉียนซีกล่าว “อืม ชิงอิ่ง ข้าขอบคุณเจ้าอย่างมากที่ช่วยข้า ข้ายังมีชีวิตอยู่”

“เจ้ากินยาพวกนี้ก่อน ข้ากำลังปรุงเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง”

บุรุษชุดขาวลึกลับเหล่านั้นมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะมาชิงหม้อเทพนิรันดร์ไปให้ได้ ถึงแม้ว่านางจะเข้ามาในบึงหมื่นพิษ พวกเขานั้นก็ยังจะไม่ลดละความพยายามที่จะตามฆ่าสังหารนาง

เช่นนั้นแล้วนางจึงต้องเตรียมยาให้แก่ชิงอิ่ง ทำให้เขาฟื้นคืนพลังได้ถึงขั้นที่ดีที่สุด พวกเขาจึงหลบอยู่ในบึงหมื่นพิษเพื่อหลบซ่อนจาการตามฆ่าของคนพวกนั้น

ชีวิตของนางในครั้งนี้ได้ถูกพันธสัญญาของชิงอิ่งช่วยเอาไว้  นางเองไม่ได้รู้สึกว่าหากครั้งต่อไปตัวนางมีอันตราย ชิงอิ่งจะสามารถทำพันธสัญญาต่อเพื่อดึงนางกลับมาจากประตูผีได้อีกครั้ง

เมื่อถูกบีบด้วยสถานการ์ณน่าลำบากใจเฉกเช่นนี้ ความเร็วในการปรุงยาของมู่เฉียนซียิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่าคุณภาพของยานั้นไม่ได้ตกไปเลย

เรื่องนี้หากหัวหน้าสำนักโอสถสามสำนักมาเห็นเข้าละก็ คงได้เป็นลมไปตาม ๆ กันเป็นแน่

มู่เฉียนซีนำยาส่วนมากที่นางได้ปรุงขึ้นมามอบให้แก่ชิงอิ่งก่อนจะกล่าวขึ้น “ถ้าหากว่าพลังของเจ้าไม่พอก็จงกินให้เต็มที่ จงอย่าได้ประหยัดไม่เข้าเรื่องเป็นอันขาด”

ชิงอิ่งพยักหน้า “อืม”

ต่อมามู่เฉียนซีกำลังจะนำเสี่ยวหง อู๋ตี้กลับเข้าไปในมิติ

“พวกเราไปกันเถอะ”

ขณะที่เท้าของมู่เฉียนซีกำลังก้าวเข้าไปข้างหนึ่งนั้น พวกคนชุดขาวเหล่านั้นก็บุกเข้ามาเสียแล้ว

กลิ่นอายอันตรายแรงกล้าแผ่กระจายเข้ามา ทำให้ชิงอิ่งตื่นตัวขึ้น

มู่เฉียนซีสังเกตความหนาของหมอกพิษในบึงหมื่นพิษแห่งนี้ นางตัดสินใจว่าจะต้องไปยังจุดที่มีพิษที่สุดของบึงพิษแห่งนี้

สำหรับผู้อื่นแล้ว สถานที่เหล่านี้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ทว่าสำหรับผู้ไล่ล่าที่ถูกปกป้องโดยพลังเข้มแข็งระดับจักรพรรดิแล้ว กลับเป็นที่ที่พวกเขาสามารถอยู่รอดได้

— ฟึ่บ! —

ชิงอิ่งฟังคำสั่งทั้งหมดของมู่เฉียนซี  เขาพุ่งไปยังจุดที่ลึกที่สุดของบึงหมื่นพิษในทันใด

คนชุดขาวกลุ่มนั้นยิ่งไล่ตามไปก็ยิ่งหวั่นใจ

พวกเขาเริ่มสบถด่าออกมา “เจ้าเด็กหนุ่มบัดซบนั่น เลือกที่อะไรของมันกัน ?! ที่ไหนมีพิษมากที่สุดมันก็จะหนีไปทางนั้น ไม่กลัวตายหรืออย่างไร ?”

“ข้าว่าเจ้าเด็กนั่นมันโดนพวกเราไล่จนเหมือนแมลงวันไร้หัวที่วิ่งไปอย่างสุ่ม ๆ แล้ว ถึงได้หนีมาจนถึงสถานที่บ้า ๆ เช่นนี้”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถึงต่อให้พวกเรามีเกราะป้องกันพิษด้วยพลังจักรพรรดิแห่งภูตของอาจารย์ที่ให้มาก็ตามที อยู่ที่ตรงนี้ก็เป็นอันตรายมากเกินไป”

ศิษย์พี่รองของคนเหล่านั้นกล่าวขึ้นอย่างชั่วร้าย “ไม่อาจปล่อยให้พวกนั้นหนีมั่ว ๆ ได้อีกต่อไปแล้ว พวกเราจะต้องตามมันให้ทันแล้วจับให้ได้ ที่ตรงนี้อยู่นานไม่ได้นัก สวรรค์ก็รู้!”

“ขอรับ”

ความเร็วของชิงอิ่งนั้นท้าทายฟ้าดินอย่างมาก ทว่าความสามารถของพวกนั้นก็ไม่ได้อ่อนด้อย

เป็นอีกครั้งที่มู่เฉียนซีและชิงอิ่งถูกคนพวกนั้นไล่ตามทัน ศิษย์พี่รองผู้นั้นกล่าวขึ้นอย่างชั่วร้าย “วิ่ง! วิ่งสิเจ้าบ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่วิ่งหนีแล้วเล่า ?”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “พวกเจ้านี่มันเลวไร้ที่ติเสียจริง ๆ!”

“ระวังปากหน่อยเจ้าหนู เจ้าเป็นเพียงจอมภูตกระจอก ๆ สามารถบังคับให้พวกข้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้นับว่าไม่เลวแล้ว แต่จากนี้ไป… เจ้าเตรียมตัวไปเมืองผีเถอะ”

ขณะที่พวกนั้นพุ่งเข้ามาโจมตี เสี่ยวหง อู๋ตี้ และชิงอิ่งได้เข้ามาป้องกันการโจมตีของพวกนั้นเอาไว้

— ตูม! —

เมื่อต้องปะทะกันอีกครั้ง คนชุดขาวเหล่านั้นก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวกับหุ่นเชิดรบสำหรับต่อสู้ ช่างรับมือได้ยากอย่างมาก

เห็น ๆ กันอยู่แท้ ๆ ว่าเจ้าหนุ่มนั่นมีเพียงพลังระดับจอมภูต แต่ทว่าพลังของผู้ที่ต่อสู้เคียงข้างกายนางนั้นไม่อาจที่จะดูถูกได้

เงาร่างสีขาวเงาหนึ่งพุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซี อู๋ตี้และเสี่ยวหงไม่สามารถที่จะสกัดกั้นพวกเขาเหล่านั้นเอาไว้ได้ทุกคน

พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีถูกดึงออกมาจนถึงขั้นสุด นางหลบหลีกการโจมตีในครั้งนี้ของจักรพรรดิแห่งภูตไปได้อย่างฉิวเฉียด

ชายผู้นั้นกล่าว “เจ้าหนู ครั้งต่อไปข้าจะรอดูว่าเจ้าจะหลบไปที่ใดได้”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ต่อไปนี้คนที่จะต้องหลบคือพวกเจ้าต่างหากเล่า”

ขวดยาหลายขวดถูกโยนขึ้นไปในอากาศ มู่เฉียนซีตะโกน “บุปผาหลั่งสายฝน!”

— ปัง! —

เมื่อขวดยาทั้งหมดนั้นระเบิดขึ้น ราชาแมงมุมที่หลับใหลอยู่ในมุมมืดของบึงหมื่นพิษแห่งนี้ก็ได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา พวกมันรู้สึกเหมือนว่ามีอาหารอันโอชะอยู่รอบด้าน พลันปล่อยใยออกมาอย่างเร็วรี่

— ฟืด!  ฟืด!  ฟืด! —

ใยสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งอกมา เข้าไปพันธนาการจักรพรรดิแห่งภูตเหล่านั้น

ชิงอิ่งรีบหนีออกมาอยู่ที่ด้านข้างของมู่เฉียนซีพร้อมดึงร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เสี่ยวหงเปิดทาง! พวกเราฝ่าออกไปกันเถอะ”

เสี่ยวหงพ่นเปลวเพลิงสีแดงเข้มออกมาเผาใยแมงมุมสีดำที่อยู่ด้านหน้าจนเปิดออก ชิงอิ่งรีบดึงมู่เฉียนซีฝ่าออกไปทำให้พวกบุรุษชุดขาวเหล่านั้นสีหน้าซีดเผือด

หนึ่งในนั้นกล่าว “เร็วเข้า! พวกเรารีบฝ่าออกไปเร็วเข้า ราชาแมงมุมหมื่นพิษนี้รับมือได้ยากยิ่ง”

.