มอมอคิดว่านางคงพูดด้วยความโมโห จึงรีบเอามือปิดปากนางเอาไว้ มอมอเริ่มร้องไห้ “ท่านหญิงอย่าพูดเช่นนี้เจ้าค่ะ” จากนั้นเข้าไปกอดขาของเหยาฝูโซ่วเอาไว้ และเริ่มขอความเห็นใจ “เหยากงกง ลงโทษหนักไปไหมเจ้าคะ ให้เวลาอีกสักหน่อยจะได้หรือไม่ รอให้ความกริ้วของฝ่าบาทลดลง แล้วค่อยพิจารณาบทลงโทษ”
เหยาฝูโซ่วสะบัดขาจนเหยามอมอปลิวออกไป ขมวดคิ้ว “พูดอะไรของเจ้า! ความกริ้วของฝ่าบาทหายแล้ว แต่ความกริ้วของทูตต้าสือไม่มีวันหายไป! ใครสั่งให้เจ้านายของเจ้าก่อเรื่องทำลายราชอาณาจักรกันเล่า อ้อ แล้วอีกอย่าง บทลงโทษนี้ นางเป็นคนเสนอเอง เทพสวรรค์ก็คงช่วยอะไรไม่ได้!” จากนั้นกงกงเงยหน้าขึ้นมองสีท้องฟ้า มองไปทางท่านหญิงหย่งจยาหนึ่งที “ขอให้ท่านหญิงรออยู่ในตำหนัก อีกครึ่งชั่วยามจะมีทหารมารับท่านออกจากวัง!”
“ช้าก่อน!” เสียงเรียกดังฟังชัด บรรยากาศอึมครึมในห้องถูกทำลาย
ทุกคนหันหน้าไปตามเสียง นั่นองค์หญิงฉางเล่อซย่าโหวถิง และพี่สาวน้องสาวอีกหลายคนเดินเข้ามา ขุนนางฝ่ายนอกต่างถอยหลังไปหลายก้าว และแสดงความเคารพต่อองค์หญิง “องค์หญิง”
เหยาฝูโซ่วเดินเข้าไป สองมือประสานกันแล้วโค้งคำนับ “องค์หญิงทั้งหลายมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉางเล่อตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “อย่างน้องเราก็เคยเป็นพี่น้องกัน บางคนอาจจะเลือดเย็นแล้งน้ำใจ แต่พวกเรานั้นมาด้วยความรัก พวกข้าขอไปส่งนางด้วยคน ไม่มากเกินไปหรอกมั้ง”
เหยาฝูโซ่วตะลึง และตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ไม่มากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ ไม่มากเกินไป” แม่บังเกิดเกล้าขององค์หญิงฉางเล่อคือพระสนมเซียน ล่วงเกินมิได้ จึงตอบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “องค์หญิงทั้งหลายอยากพูดอะไร อยากทำอะไร คงต้องรีบหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวทหารจะมานำตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปรอที่หน้าประตู…”
องค์หญิงฉางเล่อพยักหน้าหงึกๆ หลังจากที่ทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว นางยกมือขึ้น ทันใดนั้นก็มีมอมออายุมาก ท้องอ้วนเอวหนาหลายคนโผล่มาจากด้านหลัง “ค้นตัวท่านหญิง!”
นังหย่งจยา หลายปีมานี้เจ้าได้รับความรักมากมาย ของกำนัลที่ได้ก็นับไม่ถ้วน อย่าคิดริอาจเอาของในวังออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว!
ยังคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยสิ่งของที่เจ้าสะสมเอาไว้ใช้ที่นอกวังอย่างงั้นรึ ฝันไปเถอะ!
สัญญาณมือถูกแสดงขึ้นมาเสร็จ มอมอสองคนเดินเข้าไปค้นตัวทันที คนหนึ่งดึงผมขึ้นมาดูว่ามีปิ่นปักผม ตุ้มหูราคาแพงหรือไม่ อีกคนหนึ่งดูเสื้อผ้าว่าซ่อนสิ่งของอะไรไว้ด้านในหรือไม่…
ท่านหญิงหย่งจยาเริ่มขัดขืนด้วยการปิดตรงหน้าอกเอาไว้ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “เมื่อครู่นี้คนในตำหนักซือฝ่าได้ค้นตัวข้าแล้ว ต่อหน้าสายตาของคนมากมายเพียงนี้ พวกเจ้าจะถอดเสื้อข้าออกไม่ได้ ยังมีคน——” ยังพูดไม่ทันจบ ปากของนางก็ถูกมอมอคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดหน้าอุดเอาไว้
“เป็นผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น จะอายไปทำไมเล่า” ซย่าโหวถิงเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก
องค์หญิงซุ่นซูเป็นองค์หญิงที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาองค์หญิงทั้งหมด นางชี้ไปที่ขันทีที่ตามมาด้วยและกล่าวว่า “ท่านหญิงหมายถึงคนพวกนี้น่ะหรือ ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ถูกตอนหมดแล้ว ไม่นับว่าเป็นผู้ชาย! ท่านหญิงถอดออกด้วยความสบายใจเถิด!”
“คิกคิกคักคัก——” เสียงหัวเราะของเหล่าองค์หญิง ความน้อยอกน้อยใจที่เก็บซ่อนเอาไว้มานาน ในที่สุด วันนี้ก็ถูกปลดปล่อย เอาคืนได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!
แรงของท่านหญิงหย่งจยาจะสู้แรงของมอมอทั้งสองคนได้อย่างไรกัน เวลาผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ร่างกายถูกดึงกระชากจนแดงไปทั้งตัว เสื้อผ้าก็เหลือเพียงเสื้อชั้นในตัวจิ๋ว จุดซ่อนเร้นของหญิงสาวล้วนถูกเปิดออกจนหมด
ท่านหญิงหย่งจยาโกรธจนหน้าพองเป็นตับหมู เมื่อเห็นเหล่าองค์หญิงที่เคยถูกตนกลั่นแกล้ง กำลังชี้นิ้วหัวเราะเยาะตนอยู่ตรงหน้า นางเคยถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้เมื่อไหร่กัน ตอนนี้ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทน ยอมให้มอมอสองคนใช้ฝ่ามืออันหยาบกร้านที่เต็มไปด้วยปุ่มเนื้อตาย ค้นอยู่บนร่างกายอันเนียนนุ่มที่ตนนั้นดูแลรักษามาอย่างดี ความน่าอับอายนี้ทำให้นางแทบอยากจะระบิดออกมา
แต่การค้นตัวครั้งนี้ ดันค้นเจอสิ่งของจริงๆ ทันทีที่มอมอคนหนึ่งดึงกางเกงลง มีสิ่งของอยู่หลายชิ้นหล่นลงมาเสียงดังก๊องแก๊ง
สีหน้าของซย่าโหวถิงเปลี่ยนไปทันที จากนั้นสั่งให้อิ๋นเชวี่ยไปเก็บมันขึ้นมาดู เป็นเครื่องประดับงานฝีมือชั้นเยี่ยมที่ทำด้วยมือ แซมด้วยหยกและพลอย มิอาจตีเป็นมูลค่าได้ เป็นของที่มาจากคลัง ล้วนแต่เป็นของกำนัลจากเสด็จพ่อ ถูกหย่งจยาซ่อนเอาไว้ในกางเกงนี่เอง องค์หญิงทำเสียงฮึ่ม “วางแผนไว้จริงด้วย! มิน่าล่ะถูกไล่ออกจากวังแต่ท่านหญิงยังนิ่งได้อีก! ที่แท้เตรียมแผนสำรองไว้แล้วนี่เอง!” และแล้วเครื่องประดับก็ถูกริบทั้งหมด
“จะไปอยู่แล้ว ยังจะก่อเรื่องอีก ถุ้ยยย!” องค์หญิงท่านหนึ่งด่าทอ
“พี่สิบ เราจะทูลเสด็จพ่อว่านางลักขโมยของดีหรือไม่!” องค์หญิงซุ่นซูเสนอความคิดเห็น
ซย่าโหวถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็โบกมือไปมา แลดูเป็นคนมากประสบการณ์จริงๆ “ช่างเถอะ เรามาที่นี่โดยไม่มีคำสั่ง จะได้ไม่ถูกเสด็จพ่อตำหนิ ความผิดของนางก็หนักมากพอแล้ว ถ้าเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา ก็ไม่มีการลงโทษไปมากกว่านี้แล้ว! ถ้าไปเรียกเสด็จพ่อมาตอนนี้ พวกเราก็ไม่มีอะไรให้เล่นแล้วสิ…”
“ก็ได้เพคะ! นังโจรคนนี้ได้ผลประโยชน์ไปสินะ!” เหล่าองค์หญิงพยักหน้าตอบรับ
ท่านหญิงหย่งจยาเคยถูกเรียกว่าโจรเมื่อไหร่กัน ตอนนี้นางรู้สึกโกรธจนหน้าแดงลำคอเกร็งไปหมด แต่ก็ทำได้เพียงมองดูของมีค่าข้างกายที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดถูกหยิบไปต่อหน้าต่อตา ยิ่งได้ยินซย่าโหวถิงพูดว่ายังจะเล่นอะไรสักอย่าง ก็ยิ่งหวาดกลัว นางขัดขืนอย่างเต็มกำลัง “พวกเจ้าจะทำอะไรข้าอีก พวกเจ้ากล้า——”
ขณะเดียวกัน มอมอสองคนค้นตัวท่านหญิงตั้งแต่หัวจรดเท้าจนไม่เหลือ จึงได้คลายมือออก ท่านหญิงหย่งจยายังพูดไม่ทันจบ ตั้งตัวก็ไม่ทัน แต่โดนค้นจนเหมือนไก่ที่ถูกถอนขนออกหมดและถูกฟาดลงที่พื้นอย่างเวทนา เหล่าองค์หญิงและขันทีหัวเราะขึ้นมา ซย่าโหวถิงกล่าวว่า “ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ เหมือนตัวอะไรก็ไม่รู้ ยังไม่รีบใส่เสื้อผ้าอีก!”
หย่งจยาโกรธจนตัวสั่น เหมือนตัวอะไรก็ไม่รู้อย่างงั้นรึ ก็ไม่ใช่พวกเจ้ารึที่เป็นคนทำ แล้วก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนต่อไป หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาและสวมใส่ด้วยความรวดเร็ว
สายคาดเอวเพิ่งคาดเสร็จ ซย่าโหวถิงกล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “เสื้อผ้าใส่เสร็จแล้วใช่ไหม”
หย่งจยายังไม่ทันตั้งตัว แต่สีหน้าของซย่าโหวถิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางตะโกนขึ้นมาว่า “ทุกคน! มองนางคนนี้เอาไว้! วันนี้ใครมีความแค้นก็ให้แก้แค้น ใครมีความเกลียดก็ระบายความเกลียด จัดการนางซะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ขันทีหลายคนหยิบตะกร้าสานไม้ไผ่ยื่นให้กับเหล่าองค์หญิง
หย่งจยาตะลึงงันจนถึงกับถอยไปหลายก้าว แต่กลับโดนมอมอดันเอาไว้ด้านหลัง และเห็นเพียงซย่าโหวถิงลูบหัวองค์หญิงซุ่นซูและพูดว่า “น้องหญิงเล็ก ยังจำได้หรือไม่ว่านางเคยทำให้เจ้าเสียเปรียบอย่างไรบ้าง”
หลายปีที่ผ่านมา ท้ายวังไม่มีเด็กเล็ก องค์หญิงน้อยท่านนี้ ด้วยความที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาองค์หญิง ถือว่าได้รับความรักจากหนิงซีฮ่องเต้อยู่บ้าง แต่ท่านหญิงหย่งจยาเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครเด่นกว่า นางจึงทำร้ายซุ่นซูด้วยความตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง
ซุ่นซูพยักหน้าหงึกๆ “ครั้งนั้นมองโกลบุกชายแดน ต้าเซวียนพ่ายแพ้ในสงคราม เสด็จพ่อทรงงานอยู่ที่ห้องอักษร ข้าไปแสดงความเคารพให้เสด็จพ่อพอดี ด้วยความที่ข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน นางยุยงให้ข้าใส่ชุดสีแดงอันเป็นสีมงคลไปเข้าเฝ้า เสด็จพ่อทรงกริ้วข้าอยู่นาน! ด่าทอข้านั้นไม่เป็นไร แต่เสด็จแม่ยังถูกตำหนิด้วยอีกคนนี่สิ!”
“ดี งั้นเจ้าลงมือก่อนเลย!” ซย่าโหวถิงกล่าว
หย่งจยาตะลึง เพิ่งเงยหน้าขึ้นมา องค์หญิงซุ่นซูโยนสิ่งหนึ่งมาด้วยความรุนแรง ฟาดโดนกลางหน้าผากของนาง นางยังไม่ทันร้องโอย ก็รู้สึกว่ามีของเหลวกลิ่นคาวเย็นๆ ไหลลงมา นี่มันไข่เน่านิ!
“พวกเจ้า——” เสียงด่าทอดังฟังชัดยังไม่ทันพูดออกไป ไข่เน่าอีกฟองและผักผลไม้เน่าเสียก็ถูกโยนใส่นางอีกครั้ง แถมยังมีปลาไหลที่ใกล้เน่าอีกหนึ่งตัว
ขันทียื่นตะกร้าให้เหล่าองค์หญิงอันแล้วอันเล่า ข้างในตะกร้าล้วนมีแต่วัตถุดิบทำอาหารเน่าเสียที่ห้องเครื่องเตรียมนำไปทิ้ง แต่ถูกซย่าโหวถิงสั่งห้ามเอาไว้เมื่อเช้า