ซูฉิงยกมืออีกข้างที่ยังว่างพยายามตรวจดูว่าเขามีไข้หรือไม่ แต่ฮ่อหยุนเฉิงคว้าข้อมือและกลายเป็นสองมือที่ถูกเขากดไว้
ฮ่อหยุนเฉิงก้มศีรษะลงร่นระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองอย่างรวดเร็ว จากนั้นปลายจมูกของเขาก็แตะปลายจมูกซูฉิงทันที
ทำให้การหายใจของซูฉิงเปลี่ยนไปเป็นระวังมากขึ้น เพราะกลัวว่าเขาจะหายใจไม่ออก
“เรื่องนั้น…”
ซูฉิงขมวดคิ้ว สายตาขัดเขินไม่รู้จะมองไปทางไหนดี สุดท้ายก็รีบหลับตา “เรื่องแบบนั้น รอคืนแต่งงานแล้วเราค่อยว่ากันเถอะ…”
“เรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
ฮ่อหยุนเฉิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ทั้งยังเนบอิงข้างใบหูซูฉิงและกระซิบว่า “ที่แท้ใจเธอก็อยากให้ฉันทำเรื่องนั้นตลอดเลยเหรอ??”
ให้ตาย!
เขาหลอกเธอ!
ซูฉิงจ้องไปที่เขา ชายคนนี้หลอกให้เธอพูดแบบนั้นชัดๆ
ทั้งๆ ที่จริงตอนนี้เขาไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย
ไม่สิ เขาคิด แต่เขาเเค่ทำไม่ได้!
ซูฉิงจ้องไปที่ชายตรงหน้า “ฮ่อหยุนเฉิง นายมันบ้า!”
“ฉันบ้าตรงไหน?” เขาถามพร้อมกับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะถามกลับ
ซูฉิง “…”
เหอเหอ จะให้เธอพูดแบบนั้นอีกล่ะสิ เธอไม่หลงกลหรอก!
“นายควรออกไปได้เล้วล่ะมั้ง?” ซูฉิงเปลี่ยนเรื่อง เธอรู้สึกแต่ว่าถูกชายคนนี้กดทับไว้จนหายใจไม่สะดวก
“ไม่” ดวงตาที่เย็นชาของฮ่อหยุนเฉิงหรี่ลงเล็กน้อย กระตุกมุมปากที่น่ามอง “ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาทำเรื่องนั้น แต่แบบนี้ได้นะ”
เขาคร่อมลงมา ปิดริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอ ซูฉิงคิดดิ้นแต่มือของเธอถูกจับมัดไว้แน่นจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
ทำได้เพียงปล่อยให้ฮ่อหยุนเฉิงเปิดปากเธอ ก่อนจะค่อยๆ กัดริมฝีปากของเธอด้วยฟันราวลงโทษ “ซูฉิง เธอสวยขึ้นเรื่อยๆ เลยะ”
น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง และในเวลานี้เป็นทั้งสองที่หายใจเริ่มถี่
ซูฉิงเชิดหน้าขึ้น
“ถึงนายจะไม่บอกฉันก็สวยตลอดนะ”
“ใช่ เธอสวยที่สุด” ฮ่อหยุนเฉิงหัวเราะ ต่อหน้าเธอดูเหมือนเขาจะไม่สามารถมีใบหน้าที่เย็นยะเยือกได้เลย เขามักจะกลายเป็นคนอ่อนโยนอยู่เสมอ
แม้แต่การเต้นของหัวใจยังเต็มไปด้วยความสุข
เขาพร้อมที่จะทำต่อ ริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่ของผู้หญิงตรงหน้าช่างดึงดูดสายตาอย่างมาก จูบเพียงครั้งเดียวจะไปพอได้ยังไง
เมื่อมองไปยังดวงตาที่แผดเผาของเขา ซูฉิงก็หลับตาลงอย่างเขินอาย
เป็นผลให้การเคาะประตูอย่างกะทันหันในเวลานี้ ได้ทำลายบรรยากาศอันมีเสน่ห์ของห้อง
ฮ่อหยุนเฉิงหยุดการเคลื่อนไหวและมองไปที่ประตูด้วยสายตาที่เย็นชา
ถังรั่วอิงปรากฏตัวตรงประตูห้อง
ถังรั่วอิงสวมชุดสีขาว สยายผมดำตรงเช่นเคย ท่าทางสงบเสงี่ยมและเดินเข้ามาพร้อมกับกระติกน้ำร้อน
จากนั้นก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงที่คร่อมซูฉิง และทั้งสองคนกำลังนอนอยู่บนเตียงในท่าทางที่คลุมเครือสุดๆ
นัยน์ตากลมโตของเธอจ้องเขม็ง “ขอ…ขอโทษที่รบกวนพวกคุณ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ถังรั่วอิงหันกลับมาและกำลังจะจากไป เธอบีบกระติกน้ำร้อนในมือแน่น และดวงตาก็ยังเต็มไปด้วยความหึงหวง
ก่อนหน้านี้เธอสร้างปัญหาต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิง แต่เขากลับไม่แยแสเธอ ทั้งยังหาบอดี้การ์ดสองคนมาคอยตามเธอ
โชคดีที่ตอนซูฉิงประสบอุบัติเหตุก่อนหน้านี้ ฮ่อหยุนเฉิงก็เรียกบอดี้การ์ดสองคนนั้นกลับไป เธอถึงได้อิสรภาพกลับมาอีกครั้ง
นี่เพียงไม่กี่วัน ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงกลับพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วได้ขนาดนี้!
ซูฉิงนังนี่!
ดวงตาของเธอหรี่ลงและเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
“ไม่ต้อง” ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างเย็นชา ก่อนจะลุกขึ้นจากตัวของซูฉิง และเคลื่อนตัวไปบนรถเข็นอย่างลำบาก
ซูฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ฮ่อหยุนเฉิงขาพิการจริงเหรอ?
เมื่อกี้ที่เขาปีนขึ้นไปบนเตียง การเคลื่อนไหวของเขาดูคล่องมาก
ฮ่อหยุนเฉิงเหมือนจะรู้สึกถึงความสงสัยของซูฉิง ใบหน้าก็นิ่งและจ้องไปที่ถังรั่วอิงที่ยืนอยู่ราวไร้ตัวตนด้วยดวงตาที่ลึกล้ำเหมือนหมาป่า
“เธอมาทำอะไร?”
ถังรั่วอิงถือกระติกน้ำร้อนเดินไปที่ข้างเตียงฮ่อหยุนเฉิงอย่างระมัดระวัง
“ฉันได้ยินว่าพี่เฉิงกัยคุณซูได้รับบาดเจ็บเลยจะมาเยี่ยม ไม่ได้ตั้งใจมารบกวนนะคะ”
ถังรั่วอิงกล่าว ตาโตของเธอเปียกและเริ่มแดง “ฉันรู้ว่าก่อนหน้านี้ฉันทำผิดและไม่ควรมาอยู่ที่นี่ แต่ฉันเป็นห่วงพี่เฉิงจริงๆ…”
“นี่คือซุปไก่ดำที่ฉันทำเอง พี่ดื่มกับคุณซูนะ ในเมื่อพี่เฉิงไม่อยากเจอฉัน งั้นฉันไปก่อนนะ ฉันจะทบทวนความผิดพลาดของฉันต่อไป”
ถังรั่วอิงวางกระติกน้ำร้อนลงบนโต๊ะข้างเตียง หันหลังกลับและกำลังจะจากไป ท่าทางน้ำตาซึมทำให้รู้สึกเจ็บปวดใจ
ซูฉิงหรี่ตาลง ถังรั่วอิงมาปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ เธอยิ่งได้กลิ่นของการสมรู้ร่วมคิด
นึกถึงภาพที่แอนโธนี่เจอ ซูฉิงจึงเอ่ยหยุดถังรั่วอิง “ในเมื่อมาแล้วก็อยู่สักเดี๋ยวแล้วค่อยไปสิ”
หลังของถังรั่วอิงแข็งค้าง ก่อนจะมองไปที่ซูฉิง “คุณซู คุณ…คุณเกลียดฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันไปดีกว่า ฉันส่งความจริงใจให้แล้ว ฉันไม่อยากอยู่จนทำให้พี่คุณไม่พอใจ”
สีหน้าเธอยังคงดูไร้เดียงสา แต่ในใจของเธอกลับสาปแช่งซูฉิงอย่างเย่อหยิ่ง หล่อนให้เธออยู่ เห็นได้ชัดว่าอยากเย้ยหยันเธอ!
แน่นอนว่าถังรั่วอิงอยากอยู่ต่อ แต่สิ่งที่เธอต้องการคือให้ฮ่อหยุนเฉิงเป็นคนรั้ง ไม่ใช่ซูฉิง
เธอสบตาฮ่อหยุนเฉิง แต่เขากลับมองซูฉิง ไม่มีท่าทีจะมองเธอเลยแม้แต่น้อย
สายตาที่เขามองซูฉิงนั้นอ่อนโยน เป็นสายตาที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
ถังรั่วอิงอิจฉาแทบตาย แต่กลับต้องแสร้งทำเป็นโล่งใจและปล่อยวางอดีตทั้งหมด
เหมือนว่าจะสังเกตเห็นที่เธอจ้อง ฮ่อหยุนเฉิงจึงมองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ในเมื่อซูฉิงบอกให้อยู่ได้ เธอก็อยู่สักพักก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ พี่เฉิง!” ใบหน้าเล็กไร้เดียงสาของถังรั่วอิงยิ้มออกมาทันทีก่อนจะเดินไปข้างเตียง
“งั้นฉันจะเสิร์ฟซุปไก่ให้พวกคุณนะ!” ถังรั่วอิงเปิดกระติกน้ำร้อนที่เธอนำมาจนกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้อง
ถังรั่วอิงเทลงชามสองใบก่อนจะส่งให้พวกเขา
เมื่อเห็นพวกเขาดื่ม ก็แอบสังเกตสีหน้าของฮ่อหยุนเฉิงอย่างระมัดระวัง
“เห็นคุณดูไม่เท่าไร แต่ไม่คิดว่าจะมีฝีมือทำอาหารจะยอดเยี่ยมมากนะ” ซูฉิงดื่มซุปทั้งชามก่อนจะวางชามไว้ข้างๆ และมองไปที่ถังรั่วอิงพร้อมรอยยิ้มที่มีความหมาย
“แหะๆ”
ถังรั่วอิงอดกลั้นกับความหึงหวงในใจและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน
“ถ้าอยากให้ซุปไก่ดำอร่อย ต้องต้มถึงสิบชั่วโมง ทั้งยังต้องคอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงของไฟ ฉันคอยดูอยู่ตลอด มันถึงออกมาอร่อยค่ะ ถ้าคุณซูชอบ ไว้ฉันจะทำมาให้ทุกวันเลยค่ะ”
ต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิง เธอต้องการทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และเธอต้องแย่งฮ่อหยุนเฉิงกลับมาให้ได้!
ซูฉิงยิ้มอย่างเย็นชา
ทำมาให้ทุกวัน?
เกรงว่าจะมีเจตนาซ่อนเร้นน่ะสิ
ซูฉิงเหลือบมองฮ่อหยุนเฉิงและพูดอย่างเฉยเมย “ไม่รบกวนคุณถังดีกว่าค่ะ”