ฉินหร่านหยุดลงชั่วครู่
มือเธอขยับอย่างรวดเร็ว กดคลิกกากบาทโดยตรงด้วยสีหน้านิ่งเฉย
วินาทีต่อมา
“ OST หยางเฟยเพื่อนของคุณเชิญคุณเข้าร่วมเกม ”
ผู้เข้าร่วมแข่งขันเกมขั้นเทพสองคนกำลังประลองความเร็วมือกันออนไลน์ ทุกคนที่อยู่ด้านข้างยังไม่ทันได้สติกลับคืนจากปรมาจารย์ยี่สิบดาว ก็จมดิ่งกับความเร็วมือระดับเทพ
ฉินซิวเฉินที่แต่ไหนแต่ไรไม่ได้มีความสนใจต่อเกมก็เห็นหลาวสาวของตนเปิดรายชื่อเพื่อนออกมาด้วยความรำคาญอย่างชัดเจน
เมื่อหาชื่อหยางเฟยเจอแล้ว ก็จัดการบล็อค
รายชื่อเพื่อนล้วนแต่แสดงสถานะออนไลน์ เพื่อนในเกมท่องยุทธภพจะเรียงตามอันดับ
ทุกคนต่างเห็นรายชื่อเพื่อนของเธอที่จัดเรียงตามลำดับจากบนลงล่าง
CJ (ปรมาจารย์ยี่สิบดาว)
OST, หยางเฟย (ปรมาจารย์ยี่สิบดาว)
OST, อี้จี้หมิง (ปรมาจารย์สิบเอ็ดดาว)
……
หน้าที่หนึ่งสามารถเห็นรายชื่อเพื่อนได้เพียงยี่สิบคน ฉินหร่านรวดเร็วมาก พวกเขาสามารถเห็นได้เพียงไอดีสองสามอันแรกเท่านั้น หากมีปุ่มกดหยุดในเวลานี้ พวกเขาคงเห็นได้แน่นอน รายชื่อเพื่อนในหน้าที่หนึ่งของฉินหร่าน…
ไม่มีใครที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์!
เถียนเซียวเซียวผู้เข้าใจในเกมนิ่งเงียบ
น้องชายจิ่งเหวินเองก็นิ่งเงียบ
ไป๋เทียนเทียนถึงกับนิ่งอึ้งอยู่ด้านหลังฉินหร่าน
คนที่เล่นเกมท่องยุทธภพ ไม่มีใครไม่รู้จักหยางเฟยจากทีม OST ที่จะครองตำแหน่งเทพในหน้าแรกของเกมทุกๆ ปี ผู้ติดตามในเวยป๋อมากกว่าผู้ติดตามบล็อกเกอร์ระดับแนวหน้า
คนอื่นในทีมไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร แต่หยางเฟยพวกเขารู้จักอย่างแน่นอน!
ดูจากดาวยี่สิบดวงบนหน้าเพื่อน…ไม่มีใครคิดว่านี่คือการลอกเลียนแบบเกรดเอ.…
อย่างไรเสียคนที่เล่นได้ถึงยี่สิบดาวล้วนแต่เป็นพวกเทพระดับมืออาชีพทั้งนั้น มาถึงขั้นนี้ได้โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครคิดจะไปปลอมไอดีหรอก….
ฉินหร่านหลังจากบล็อคแล้ว ก็เอียงคอมองไปยังเถ้าแก่โรงแรมที่ยืนอึ้งอยู่หลังเธอ แล้วให้เขามาตรวจสอบ
เถ้าแก่โรงแรมไม่ได้พูดอะไร
ฉินหร่านยื่นมือไปเคาะโต๊ะ เธอเลิกคิ้ว “คุณลองตรวจสอบดูสิ”
เถ้าแก่เจ้าของร้านยังไม่ได้สติกลับคืน เขาเพียงแต่มองไปที่สัญลักษณ์ “เซิร์ฟเวอร์หนึ่ง” ที่อยู่ตรงกลางที่สุดของคอมพิวเตอร์ของฉินหร่าน “ไม่…ไม่ต้องตรวจสอบ…”
ฉินหร่านพยักหน้า เธอคลิกเปิดสนามแข่งแล้วเริ่มเข้าแข่งเดี่ยว
ยี่สิบดาวของเธอ ทำให้เลือกคู่แข่งกันได้ค่อนข้างช้า รอเกือบสองนาทีจึงจะหาคู่แข่ง
เมื่อดูหน้าต่างการ์ดที่เลือก คอลัมน์ทั้งสี่ด้านซ้าย…
การ์ดพสุธา (ครบ)
การ์ดมนุษย์ (ครบ)
การ์ดสวรรค์ (ครบ)
การ์ดเทพ (9)
น้องชายจิ่งเหวินมองไปที่แถบคอลัมน์ “…โอ้แม่เจ้านี่ฉันตาเป็นอะไรไปหรือนี่???”
การ์ดเทพเก้าใบ???
ในช่วงเวลาอันสั้น เขายังคิดไม่ทัก
ฉินหร่านมองไป การ์ดสองสามใบที่ทำขึ้นเพื่อมอบให้กับคนห้องเก้าครั้งที่แล้ว ยังเหลืออยู่ในกระเป๋า เธอไม่ได้สนใจ เธอเลือกการ์ดสวรรค์สำหรับโจมตีมาสามใบ จากนั้นก็คลิกเข้าไป
ในรอบนี้ทุกคนระมัดระวังเป็นอย่างมาก การ์ดที่แนบจะเป็นตัวช่วย ไม่มีใครจะพกการ์ดโจมตีสามใบ
เมื่อเห็นฉินหร่านเลือกการ์ด คนที่เริ่มด่าฉินหร่านก่อนก็คือพวกนักแสดงสอบตก
มาถึงขั้นนี้ไม่ได้ เพื่อนร่วมทีมต่างพากันใจสลาย
ผ่านไปสองนาที
เพื่อนร่วมทีม “เฮ้ย เรียงคู่สิ!”
ผ่านไปเจ็ดนาที
เพื่อนร่วมทีม “เฮ้ย อย่าลืมแอดเพื่อนด้วย!”
ผ่านไปแปดนาที
เกมจบลง
ระดับปรมาจารย์สังหารในเกมใช้เวลาแปดนาที
ที่ภาพหน้าจอจบเกม เพียงฉินหร่านคนเดียวก็มีตัวเลขขึ้นถึงเก้าสิบสองเปอร์เซ็นต์
คนที่ไม่ได้รู้เรื่องเก่งเท่าไหร่ยังต้องมองตาไม่กระพริบ หากตอนนี้หน้าจอเด้งขึ้น เป็นการไลฟ์สด ต้องมีแฟนคลับเป็นโขยงเข้ามาถล่มทลายแน่!
ฉินหร่านออกจากระบบแล้วปิดหน้าต่างลง ดึงเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้น มองไปยังเจ้าของร้าน เธอชำเลืองขึ้น “ฟรีเลยใช่ไหม”
เจ้าของร้านมือสั่น เขามองไปที่ฉินหร่าน พูดอะไรไม่ออก “ฉัน…ฉัน”
การแข่งขันครั้งนั้นของเมืองมารในปีก่อน เป็นการแข่งขันที่แฟนคลับรุ่นแรกของ OST ยากจะลืมเลือน น่าตื่นตาตื่นใจเสียยิ่งกว่าการแข่งขันระดับนานาชาติที่ทำให้หยางเฟยมีชื่อเสียงขึ้นในครั้งนั้นเสียอีก
เพราะการแข่งขันตอนนั้นมีนักแข่งระดับมืออาชีพอย่างOST, QR เพิ่มเข้ามา
หลังจากการแข่งจบลง เฉิงเจวี้ยนเปลี่ยนชื่อให้ฉินหร่าน แต่เซิร์ฟเวอร์ยังไม่เปลี่ยน จำนวนยี่สิบดาวก็ยังไม่เปลี่ยน คะแนนของเกมยังอยู่ในเซิร์ฟเวอร์หนึ่ง
การแข่งเดี่ยวจอมมารก็ยังเป็นการแข่งโซโลเดี่ยวจอมมาร
QR จากเซิร์ฟเวอร์หนึ่งก็ยังมีเพียงหนึ่งเดียว คนอื่นที่อยู่ในที่แห่งนั้นอาจจะไม่รู้จัก แต่เจ้าของร้านกลับจำได้
เขาเป็นแฟนคลับรุ่นแรกที่มีอยู่น้อยนิด
แฟนคลับรุ่นหลังหลังอาจจะไม่ค่อยรู้ แฟนคลับรุ่นแรกกับรู้มาโดยตลอดว่าทีมแรกสุดที่จัดตั้งขึ้นนั้นคือ QR ทีมที่ไม่เป็นที่รู้จักนี้ได้รับชัยชนะตั้งแต่การแข่งระดับเมืองไปจนถึงการแข่งระดับนานาชาติ แฟนคลับรุ่นแรกล้วนไม่เคยได้เห็น “QR” เซอร์ไพรซ์ทุกคนก่อนการแข่งขัน
ท่องยุทธภพอัปเกรดใหม่มานานขนาดนี้ ดันเจี้ยนขนาดใหญ่แต่ละแห่งก็เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ การ์ดเกมเองก็เพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก เจ้าของร้านเองก็ตกแต่งสภาพบรรยากาศในร้านให้เหมือนกับท่องยุทธภพในช่วงเริ่มแรก
เจ้าของร้านไม่พูดอะไรเลย เขาเอาไมโครโฟนออก แล้วตรงกับไปที่แคชเชียร์ เอาการ์ดภารกิจใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก จากนั้นก็เอากุญแจมาอีกพวงหนึ่ง เปิดตู้ที่อยู่ด้านในใบหนึ่ง แล้วเอารูปภาพใบหนึ่งออกมาจากนั้นในตู้ยื่นให้ฉินหร่าน
ไม่ได้เป็นรูปที่ดูใหม่อะไรเป็นพิเศษ เป็นรูปหมู่ของคนห้าคน
ในรูปถ่ายมีอี้จี้หมิงและหยางเฟย ตรงกลางสุดคือหญิงสาวใส่หมวกแก๊ปเห็นหน้าไม่ชัด
เจ้าของร้านไม่ให้กล้องถ่ายเห็น เขาพลิกไปอีกด้านหนึ่ง ด้านหลังมีลายเซ็นของคนสี่คน
ในตอนแรกตอนที่หยางเฟยแข่งขันระดับโลกเสร็จ เขาก็ได้ลายเซ็นมา
“เกือบจะสี่ปีแล้ว” เจ้าของร้านหัวเราะ จากนั้นก็เดินไปข้างตัวฉินหร่าน ทำทีเป็นผ่อนคลาย “ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้ครบทุกอันใช่ไหม”
ตอนที่ฉินหร่านเข้าร้านได้เห็นการ์ดเทพสามใบก็จำได้ว่านี่คือแฟนคลับรุ่นแรก
เธอไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เพียงตัวมองไปที่ช่างกล้องทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องเข้ามา”
จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าเจ้าของร้าน หยิบปากกาดำจากโต๊ะขึ้นมา
แล้วเซ็นคำว่า “OST ฉินหร่าน”
ช่างกล้องที่ตั้งใจจะเดินเข้ามาในตอนแรกแต่ละคนกับนิ่งอึ้งไม่กล้าเข้าไป
ได้เพียงแต่ถ่ายกล้องซูมจากที่ไกล
ทีมผู้กำกับในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา ผู้ช่วยผู้กำกับมองไปที่จอแยก ตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน แทบจะอดไม่ได้ที่จะไปยังสถานที่นั้นด้วยตัวเอง “ถ่ายสิ! แพนกล้องไปที่พวกเขาสิ ทำไมพวกนายไม่ถ่ายกัน! ไปกลัวเธอทำไม! เข้าไปสิ! ไอ้พวกบื้อ!!”
เยี่ยมมาก รายการประสบความสำเร็จแถมยังดึงดูดแฟนคลับทีม OST ได้มหาศาล!
เขาแทบจะอดไม่ได้ที่จะไปยังสถานที่จริงเพื่อดำเนินการเอง อยากจะเอากล้องสักหนึ่งหมื่นตัวถ่ายไปที่ฉินหร่าน
ในโรงแรม เจ้าของร้านที่ได้ลายเซ็นก็รีบร้อนเอารูปถ่ายที่เซ็นชื่อแล้วเก็บตรงลิ้นชักของตน แล้วล็อกกุญแจ
กล้องของทีมผู้กำกับที่ตั้งนิ่งอยู่บนตู้จับภาพอะไรไม่ได้เลย
จากนั้นเขาก็หยิบการ์ดภารกิจที่เขาเอาออกมาตั้งแต่ตอนแรกยื่นให้กับฉินหร่าน “ฉิน..เอิ่ม นี่คือคำใบ้ของทีมรายการ ที่นี่คือจุดภารกิจ ขอเพียงระดับในเกมเหนือกว่าฉันก็พอ”
เหยียนซีมองไปที่เจ้าของร้าน แล้วมองกลับไปที่ฉินหร่าน น้ำเสียงดูคลุมเครืออยู่เล็กน้อย “พวกเรายังต้องล้างจานอยู่ไหม”
“ล้างจานอะไรอีก วันนี้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่ต้องล้างจานแล้ว ฉันเลี้ยงเอง!” เจ้าของร้านพูดขึ้นอย่างสบายอารมณ์ แล้วมองไปทางตากล้อง “พวกนายยังไม่ได้กินอะไรล่ะสิ หิวหรือเปล่า วันนี้ทุกคนกินตามใจชอบเลย ทีมรายการกินเต็มที่ กินมันให้เต็มอิ่มเลย!”
ถ้าที่ฉินหร่านดูเหมือนจะกลับไปเอื่อยเฉื่อยเหมือนก่อนหน้านี้ เธอก้มหน้าคลิกดูคำใบ้ระดับสูง ไม่ได้เงยหน้าขึ้น “อย่าขาดทุนเอาเสียละ”
เจ้าของร้านรีบพยักหน้า แล้วเปลี่ยนคำพูด “ถ้ายังนั้นลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้พวกนายทั้งหมดแล้วกัน”
ทีมผู้กำกับ “…”
พวกฉินซิวเฉิน “…”
ฉินหร่านเอาคำใบ้ระดับสูงสามใบอื่นที่เหลือจากน้องชายจิ่งเหวินมา พลิกดูสักครู่ คำใบ้ครบแล้ว เธอหาเส้นทางในการหลบหนีได้แล้ว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น “ไป พวกเราออกไปกัน”
เธอเดินอยู่ด้านหน้า พวกเขาจากไป
ฉินซิวเฉินสีหน้ายังคงสงบนิ่งเช่นเดิม “พวกเธอหาคำใบ้จนพอแล้วหรอ”
“คำใบ้ระดับสูงสี่ใบ คงพอแล้วมั้ง” ฉินหร่านยื่นการ์ดภารกิจทั้งหมดให้กับฉินซิวเฉิน “คุณดูสิ”
จิ่งเหวินตอนแรกทำทีเป็นนิ่งขรึมเดินเข้ามา ได้ยินฉินหร่านพูดว่า “คำใบ้ระดับสูง” จำนวนสี่ใบ ขาของเธอก็อ่อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
คำใบ้ของทีมจัดรายการแบ่งออกเป็นระดับสูง ระดับกลาง และระดับต่ำ
ที่พวกเขาหาได้ล้วนแต่เป็นคำใบ้ระดับต่ำ แม้แต่คำใบ้ระดับกลางก็ยังนับว่ายากมาก เมื่อเห็นการยิงของฉินซิวเฉินก็พอรู้ได้ว่า คำใบ้ระดับกลางต้องยิงให้โดนกลางเป้าสี่นัดจากแปดนัด คำใบ้ระดับสูงต้องโดนกลางเป้าแปดนัด ระยะห่างถึงเพียงนี้ ยิงไม่ตรงเป้าก็ช่างเถอะ แต่ความยากระดับยิงแปดเข้าเป้าแปด ไม่แปลกที่ในสายตาของคนที่รั้งท้ายอย่างจิ่งเหวินจะรู้สึกว่านี่เป็นความยากระดับบินสู่ท้องฟ้าเลย นี่เป็นความยากระดับสำหรับทดสอบความแม่นในการยิงของนักกีฬาโอลิมปิกเลยทีเดียว
ดังนั้น…
คำใบ้ระดับสูงในสายตาของคนที่อยู่รั้งท้ายอย่างจิ่งเหวินดูเหมือนจะไม่มีวันหามาได้
เธอเดินไปด้านข้างฉินซิวเฉิน ดูการ์ดฉินหร่าน เมื่อเปิดดูข้างในเขียนว่า “คำใบ้ระดับสูง” เธอก็เงียบไปเสียเฉยๆ
จุดน่าสงสัยในหมู่บ้านมีมาก แต่คำใบ้ระดับสูงสีใบมากเพียงพอที่จะหนีออกไป
เวลาบ่ายสองโมงครึ่ง
ทีมรายการจบงานก่อนเวลา
สต๊าฟทั้งหมดต้องการกลับไปสงบอารมณ์
นี่พวกเขาเชิญเทพมาร่วมรายการอย่างนั้นหรือ
**
โรงแรมที่พัก
ผู้กำกับกำลังวุ่นวายอยู่กับการเตรียมห้องพักให้กับเถียนเซียวเซียวไหนจะยังเหยียนซีอีก นี่คือแขกผู้มีเกียรติซึ่งฉินหร่านเป็นผู้พามา ซ้ำยังเป็นคนของสมาคมเมืองหลวง เป็นคนที่ส่องประกายเจิดจรัส
“ของเธอไม่ต้องเตรียม” ฉินหร่านบิดฝาแก้วรักษาความร้อนที่ผู้จัดการส่วนตัวของฉินซิวเฉินยืนให้ แล้วดื่มหนึ่งคำ
“วันนี้เขาจะไปแล้วหรือ” ผู้กำกับพูดขึ้นอย่างกังวล
ฉินซิวเฉินและเถียนเซียวเซียวมองไปที่ฉินหร่าน
ฉินซิวหร่านส่ายหน้า เมื่อดื่มน้ำเสร็จ ก็บิดฝาปิด “เดี๋ยวเธอจะพักที่ห้องของฉัน”
เถียนเซียวเซียวอึ้ง “แล้วเธอล่ะ”
“เสี่ยวหลิงทำหน้าที่ถ่ายต่อ ส่วนฉันไม่พักที่นี่” ฉินหร่านกุมแก้วรักษาความร้อน แล้วเดินไปชั้นบน
ผู้กำกับเบียดฉินซิวเฉินเดินไปข้างตัวเธอ ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ กลับรู้สึกโล่งใจขึ้น “ขาของเสี่ยวหลิงหมอบอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ น่าจะถ่ายไม่ได้…”