“เขาหายดีแล้ว” ฉินหร่านตอบกลับอย่างใจเย็น
“เป็นไปได้อย่างไรกัน” ผู้กำกับไม่เชื่อ นี่ยังไม่ครบสัปดาห์นี่นา
เมื่อถึงฉันสาม ฉินหร่านก็หยุดลงที่หน้าประตูห้องของฉินซิวเฉิน แล้วใช้เท้าเตะประตู
“เสี่ยวหลิงยังไม่หายดี ฉันมีกุญแจ…” ผู้จัดการส่วนตัวของฉินซิวเฉินก้าวไปด้านหน้า
เขากำลังจะเอากุญแจออกมา ประตูก็เปิดออก
ในมือของฉินหลิงยังถือเครื่องเกม มองไปยังพวกฉินหร่าน ขนตายาวงอนสั่นระริก “พี่ คุณอา กลับมากันแล้วสินะ”
จากนั้นก็ก้าวถอยเข้าไปด้านในสองก้าว หลีกทางให้พวกเขาเข้าไป
ฉินหร่านไม่ได้เข้าไป เธอเพียงแต่เอ็นกายพิงประตู มือทั้งสองกอดอก มองไปยังผู้กำกับ มุมปากยิ้มขึ้นอย่างใจเย็น “ดูสิ เขาหายดีแล้ว”
ไม่นะ! เขายังไม่หายดี!
ผู้กำกับมองไปยังฉินหลิง
อีกฝ่ายขาคล่องแคล่วอย่างเห็นได้ชัด…
เดินก็คล่องแคล่วอย่างมาก….
แต่เมื่อสองสามวันก่อน ขาเขาบวมอย่างมาก ทีมผู้จัดรายการเองก็เห็นกับตา
หมอที่ติดตามทีมมาตรวจสอบแล้วก็ยังบอกว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลาในการรักษาถึงสี่ห้าวันถึงจะเข้าฉากได้
นี่มันแค่สองวันเองนะ…
ทำไมนายถึงหายแล้ว?!
ผู้กำกับมองไปที่ขาของฉินหลิง จนแทบจะมองทะลุเป็นรู
“บ่ายวันนี้เธอจะไปแล้วหรือ” ฉินซิวเฉินมองไปยังฉินหร่าน
นิ้วขาวผ่องของฉินหร่านเคาะแก้วรักษาความร้อนอย่างไม่ได้ใส่ใจ คิดสักครู่ ก็ตอบว่า “เปล่าหรอก จะไปวันมะรืนนี้ตอนเจ็ดโมงเช้า”
ฉินซิวเฉินรู้ว่าฉินหร่านดูเหมือนจะมีคนอยู่ด้วย เขาไม่ได้ถามต่อ เพียงแต่พยักหน้ารับเบาๆ “โอเค”
ฉินหร่านกลับห้องไปเก็บข้าวของของตัวเอง
ที่นี่ผู้กำกับหยุดอยู่ที่ห้องฉินซิวเฉินไม่ได้ไปไหน
รอจนผู้จัดการส่วนตัวของฉินซิวเฉินปิดประตูแล้ว เขาจึงมองไปที่ฉินซิวเฉินเงียบๆ “หลานชายนายทำไมหายเร็วขนาดนี้”
ผู้จัดการส่วนตัวเข้าไปตรวจสอบขาของฉินหลิงอย่างไม่รู้สึกเชื่ออยู่ครู่หนึ่ง ข้อเท้าที่ยังบวมอยู่เมื่อคืนนี้ ตอนนี้กลับยุบลงไป จนดูไม่ออกว่าได้รับบาดเจ็บมาก่อน
“วันนี้เธอทำอะไร” ผู้จัดการส่วนตัวถามฉินหลิงอย่างรู้สึกประหลาดใจ
ฉินซิวเฉินเดินตรงไปที่โต๊ะ หยิบขวดสีขาวบนโต๊ะใบหนึ่งขึ้นมา เลื่อนสายตาลง ค่อยๆ กวาดสายตาไปที่ผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังพูดพร่ำอยู่และผู้กำกับ
เขาจำได้ ว่านี่คือยาที่ฉินหร่านให้กับฉินหลิงตอนบ่ายเมื่อวาน
**
ในห้องของจิ่งเหวิน
น้องชายจิ่งเหวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอนตัวกับพนักพิง บนหน้าตักมีคอมพิวเตอร์ สีหน้าดูกังวลอยู่เล็กน้อย
เสียงดังขึ้น “แกร๊ก” จิ่งเหวินเปิดประตูออก แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเสี่ยวหร่านหร่านจะไปจากรายการเร็วถึงขนาดนี้ ฉันยังคิดว่าวันพรุ่งนี้จะเลิกงานเร็วสักหน่อยเสียอีก”
เธอก้มหน้าลงเปิดโทรศัพท์มือถือ
หลังจากได้รู้ข่าวคราวนี้จากผู้กำกับ จิ่งเหวินก็ไปบอกลาฉินหร่าน และถือโอกาสเพิ่มเพื่อนในวีแชทด้วย
“เธอไม่ใช่คนในวงการ ไม่มีวีแชท” จิ่งเหวินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “ไม่งั้นคงได้แชร์แฟนคลับกัน”
“เธอมีวีแชท” น้องชายจิ่งเหวินพูด จากนั้นจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ แล้วลุกขึ้นทันที “เธอจะไม่ถ่ายต่อแล้วหรอ”
จิ่งเหวินพยักหน้า “ใช่แล้ว ขาฉินหลิงหายดีแล้ว…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ น้องชายก็วิ่งพรวดออกไป แล้วปิดประตูดัง “ปัง”
“แปลกจริง…” จิ่งเหวินมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่น้องชายวางไว้บนโต๊ะ เป็นหน้าเกมท่องยุทธภพ
บนนั้นยังแสดงหน้าหลักของบุคคลผู้หนึ่ง
เซิร์ฟเวอร์หนึ่ง
อัตราในการชนะ 100%
QR
จิ่งเหวินหรี่ตา “นี่ไม่ใช่ไอดีที่เสี่ยวหร่านหร่านเพิ่งใช้หรอกหรือ”
**
ทางนี้ ฉินหร่านเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ของในห้องของเธอไม่มาก มีเพียงกระเป๋าเดียว ส่วนเสื้อผ้าชุดอื่นล้วนแต่เป็นเฉิงมู่ส่งตามมาทีหลัง ส่วนใหญ่แล้วยังไม่ได้ใส่ เธอเก็บเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ส่วนที่ยังไม่ได้ใส่นั้นส่งให้กับเถียนเซียวเซียว
ผู้จัดการส่วนตัวเถียนเซียวเซียวช่วยเธอเก็บข้าวของ หลังจากนั้นก็ตามพวกฉินซิวเฉินและเหยียนซีไปส่งเธอไปที่ชั้นล่างพร้อมกัน
ด้านนอกมีแฟนคลับนั่งรออยู่ ฉินหร่านไม่ให้พวกเขาไปส่งข้างนอก
จึงหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าโรงแรม
ขณะที่เธอกำลังออกจากประตู น้องชายจิ่งเหวินก็วิ่ง “ตึกๆ” มาจากชั้นบน “เธอรอก่อน!”
ฉินหร่านสะบัดเป้ไปด้านหลัง ยืนอยู่กับที่ แล้วชำเลืองขึ้น
น้องชายจิ่งเหวินวิ่งตามออกไปด้านนอก หายใจหอบ ตามฉินหร่านมาจนทัน “เธอก็คือ OST เป็น QR ในทีม OST ที่แข่งขันในเมืองมารเมื่อปีที่แล้วใช่ไหม QR ในเวยป๋อล่ะ ฉันเห็นความเร็วมือและวิธีการเล่นของเธอเหมือนกับเขาเป๊ะเลย”
เขาใช้ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงกลับแน่ใจอย่างมาก
“ไม่ ไม่ใช่ฉันหรอก” ฉินหร่านขยับไปด้านข้างหนึ่งก้าว แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา
น้องชายจิ่งเหวินยังไม่ยอมแพ้ “เป็นเธอ! เป็นเธอนี่เอง!”
บันทึกการแข่งเดี่ยวยี่สิบดาว อยู่เซิร์ฟเวอร์หนึ่ง ไม่มีคนที่สองแน่
อีกอย่างบันทึกการแข่งต่อสู้กันแปดนาทีเมื่อครู่นี้ การใช้มือระห่ำของเธอดูเหมือนไม่ได้แตกต่างกับการแข่งขันครั้งก่อน การแข่งขันเมืองมารครั้งนั้นต่อให้ไม่ใช่แฟนคลับของ OST เมื่อได้ดูซ้ำหลายๆ ครั้ง น้องชายจิ่งเหวินมีหรือที่จะดูไม่ออกเลย?
เสียงดังมาก
ฉินหร่านเอาหูฟังสีดำที่อยู่ข้างมือครอบไว้ สีหน้าเย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์ “ฉันบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”
ในขณะที่กำลังจะจากไป ยังชำเลืองมองเขาหนึ่งที “ไม่ต้องตามมานะ ระวังฉันจะต่อยเอาได้”
เธอบิดข้อมือ
“ต่อให้เธอต่อยฉัน ยังไงก็เป็นเธอ เป็นเธอมาตั้งแต่แรก” น้องชายจิ่งเหวินยังคงเดินเข้ามาหาฉินหร่าน พูดเป็นต่อยหอย
เดินได้สองนาที
ก็มาถึงปากทาง ฉินหร่านคว้าหมวกแก๊ปออกมา แล้วสวมลงบนศีรษะ
เฉิงมู่ที่รออยู่ตรงปากทางหูไวอย่างมาก เมื่อได้ยินคร่าวๆ ก็รีบเดินออกมา มือซ้ายคว้ามือทั้งคู่ของน้องชายจิ่งเหวินเอาไว้ แล้วใช้มือขวาปิดปากของน้องชายจิ่งเหวิน “คุณหนูฉิน ไปเถอะ”
รอจนฉินหร่านเข้าไปในตึกเล็กๆ แล้วหายลับไป
เฉิงมู่จึงคลายมือออก น้องชายจิ่งเหวินหน้าชาไปทั้งหน้า “นายเอะอะจริง ตอนแรกที่คิดว่าใช่ก็กลายเป็นไม่ใช่เสียแล้ว”
รอจนส่งน้องจิ่งเหวินกลับไปแล้ว เฉิงมู่กลับไปยังห้องเล็กๆ ได้ยินฉินหร่านบอกว่าขาฉินหลิงหายดีแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องถ่ายต่อ
เฉิงมู่จึงรู้สึกสับสน รู้สึกราวกับว่าเขาค้นพบความจริงว่าทำไมเฉิงเจวี้ยนถึงได้บีบบังคับกู้ซีฉือเข้าแล้ว…
**
ที่ตึกเล็กๆ
กำลังนั่งพลิกหนังสือเล่มหนึ่งอยู่บนโต๊ะหิน มือข้างหนึ่งพลิกหนังสืออย่างใจเย็น อีกข้างถือถ้วยชา
ด้านหน้าของเขายังมีถ้วยชาอีกใบวางอยู่
ฉินหร่านเอาเป้โยนไปบนโต๊ะ แล้วนั่งตรงข้ามเขา ยกถ้วยชาวางที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
เฉิงเจวี้ยนไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขาถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ไม่อยู่เล่นต่อแล้วหรือ”
“ไม่แล้ว” ฉินหร่านวางถ้วยชาลง แล้วเอานิ้วขึ้นมาเท้าคาง
เฉิงเจวี้ยนวางหนังสือลง มองไปยังฝั่งตรงข้ามคู่หนึ่ง แล้วเอานิ้วเคาะโต๊ะ “เป็นเพราะเจอแฟนคลับเมื่อก่อนหรือ”
“นายแอบเข้าไปใช่ไหม” ฉินหร่านชำเลืองขึ้น เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาเท่าไหร่ เห็นเพียงดวงตาเรียวที่จ้องไปยังเขาคู่นั้น
“ฉันให้เจียงตงเยี่ยตั้งกล้องบันทึกแยก…” เฉิงเจวี้ยนกระแอมหนึ่งที แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ
จากนั้นก็มองขึ้นฟ้า
ฉินหร่านมองเขาอยู่สองสามวินาที แล้วเลิกคิ้วสูง “ตั้งกล้องแยกทำไม”
เฉิงเจวี้ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เขาหลุบสายตาลง ดวงตาคู่สวยสีดำขลับนั้นโค้งเล็กน้อย ดูจริงจังและอ่อนโยน แต่เขาก็พูดขึ้นอย่างเสียมิได้ว่า “เธอชอบคุณอาคนนั้นของเธอไหม”
ไม่เช่นนั้นคงไม่ไปช่วยเขาถ่ายรายการหรอก
“ก็โอเค” ฉินหร่านเอามือเคาะโต๊ะ แววตาดูใจเย็น “เขาดีกับเสี่ยวหลิงมากเลย”
“ฉันรู้” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้าเบาๆ ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ฉินหร่านยื่นมือไปไถโทรศัพท์มือถือ ไม่รู้ว่าเจียงตงเยี่ยส่งข้อความมาในวีแชทให้กับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่…
“เธออยู่เมือง C ใช่ไหม”
ฉินหร่านยื่นมือไปพิมพ์คำว่า “อืม” อย่างเกียจคร้าน
เจียงตงเยี่ยที่เมืองหลวงรีบลุกขึ้นทันที
ยังไม่ได้ลงชื่อเอกสาร ดึงเก้าอี้ออกแล้วลุกขึ้น แล้วกำชับสั่งกับผู้ช่วยอย่างรีบร้อน “ไปเตรียมตั๋วเครื่องบินที่เช้าที่สุดไปเมือง c หนึ่งใบ”
วันนี้ตอนที่ไปหากู้ซีฉือที่ห้องทดลอง เจียงตงเยี่ยเพิ่งจะรู้ว่ากู้ซีฉือไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว เป็นเพราะรีบทำยาสำหรับทดลองให้เฉิงเจวี้ยนหนึ่งขวด
แถมยังส่งไปที่เมือง c ด้วย
คนที่จะเร่งรัดเฉิงเจวี้ยนได้…
เจียงตงเยี่ยนึกได้เพียงฉินหร่านคนเดียว
อีกครั้งเพราะเฉิงเจวี้ยนให้เขาตั้งกล้องบันทึกแยก เจียงตงเยี่ยต้องออกไปข้างนอก ในขณะเดียวกันก็เอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาผู้ตัดต่อรายการ
“ท่านประธานเจียง ประชุมวันพรุ่งนี้…” เลขาถือตารางกำหนดการ
เจียงตงเยี่ยไม่ได้หันกลับ “เลื่อนไปก่อน!”
เลขามองไปยังประตูลิฟต์ที่ปิดลง แล้วมองหน้ากับคนอื่นเลิ่กลั่ก นี่ท่านประธานเจียง…มีเรื่องอะไรกันถึงขนาดยอมทิ้งงานประชุมใหญ่วันพรุ่งนี้
**
โรงแรมในเมือง c ที่ตีนเขา
ที่สตูดิโอสำหรับถ่ายทำ ผู้ช่วยผู้กำกับกำลังไขว่ห้าง นั่งฮัมเพลงอยู่บนม้านั่ง
คนจากข้างนอกเดินเข้ามา
คนผู้นั้นก็คือผู้กำกับ
“ทำไมนายทำหน้าแบบนั้น” เมื่อเห็นผู้กำกับเข้ามา สีหน้าดูเหมือนจะไม่ค่อยดี ผู้ช่วยผู้กำกับก็โยนขวดเบียร์ออกไปหนึ่งขวด “มา ฉลองกันสักหน่อยสิ นายคงไม่ได้ดีใจจนเอ๋อไปแล้วหรอกนะ”
ผู้กำกับส่ายหน้า
ผู้ช่วยผู้กำกับชำเลืองมองเขาหนึ่งที แล้วดึงฝาเบียร์ออก “เพราะหลานสาวของซุปตาร์ฉินไม่ถ่ายต่ออย่างนั้นหรือ ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไร งานของสองสามวันนี้ก็พอที่จะให้พวกเราดังจนไปถึงทางช้างเผือกแล้ว นายอย่าโลภไปเลย คนขั้นเทพระดับนั้น…หากอยู่นานไปฉันก็รู้สึกกลัวอยู่” เขากลัวว่าสักวันหนึ่งแม้แต่หัวหน้าใหญ่ระดับสูงของเขาก็อาจจะถูกอีกฝ่ายเชิญมาได้
จะมีรายการบันเทิงไหนสามารถเชิญฉินซิวเฉินและเหยียนซีมาได้ในเวลาเดียวกัน
ยังไม่ต้องพูดถึงคนทั้งสอง แค่เหยียนซีคนเดียว…พวกเขาทั้งชีวิตนี้ยังเชิญไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ไหนจะยัง OST อีก ความดังของเกมท่องยุทธภพ…
“ไม่ใช่” ผู้กำกับหายใจเข้าลึก ในใจรู้สึกหนักหน่วงกังวล “ฉันเพิ่งได้รับแจ้งมา ว่าบอสใหญ่ของทีมจัดรายการจะมาถึงพรุ่งนี้เช้า หรือว่าเขาจะรู้สึกไม่พอใจเกี่ยวกับบทของไป๋เทียนเทียน ก็เลยจะมาให้พวกเราตัดฉินหร่านออกจากกล้อง”