รายการบันเทิงรายการนี้คุณเจียงทุ่มเงินให้
รายการสามารถดำเนินการตั้งแต่ซีซันแรกไปจนถึงซีซันสุดท้าย ยังสามารถมีชื่อเสียงมาได้ตลอด
ขาดทุนทรัพย์มากหน่อยก็ไม่เป็นไร ทีมนักแสดงมีฉินซิวเฉิน จิ่งเหวิน หรือแม้แต่เหยียนซีก็มาปรากฏตัว ผู้กำกับในตอนนี้ไม่ต้องกังวลว่าจะหาสปอนเซอร์ไม่ได้
ประเด็นหลักก็คือ…
ตระกูลเจียงไม่ได้เป็นเพียงแต่ปัญหาการเงิน ตระกูลเจียงดูจากสัดส่วนในเมืองหลวงตอนนี้ ขอเพียงประธานเจียงพูดเพียงแค่คำเดียว รายการของพวกเขาก็คงถูกตัดออกจากอินเทอร์เน็ตอย่างง่ายดาย
เพื่อราคาอันแพงของไป๋เทียนเทียน ยังถึงกับใช้เส้นสาย เห็นได้ว่าไป๋เทียนเทียนสำคัญกับตระกูลเจียงเพียงใด
ตอนนี้บอสใหญ่ของตระกูลเจียงกำลังจะมาด้วยตัวเอง
ผู้กำกับถือเบียร์ คิ้วยังขมวดไม่คลาย ไม่ต้องพูดถึงฉินซิวเฉินกับเหยียนซี สองคนนี้พี่ใหญ่มากมายในวงการบันเทิง หากจงใจจะลบฉินหร่านออกจากกล้อง พวกเขาคงเป็นพวกแรกที่เห็นภาพ พูดถึงตัวผู้กำกับเองแล้ว เขาเองก็ไม่อยากตัดฉินหร่านออกจากฉาก ในใจของเขามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง…หากพลาดโอกาสครั้งนี้ ก็จะไม่สามารถถ่ายฉากเช่นนี้ได้อีกแล้ว!
“ไป๋เทียนเทียนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ผู้ช่วยผู้กำกับแต่ไหนแต่ไรเป็นคนสบายๆ เมื่อได้ฟังแล้ว ก็แทบจะบีบกระป๋องเบียร์จนบุบ เขาถือกระป๋องเบียร์ลุกขึ้นยืน “คนจากตระกูลเจียงทำเกินไปอะไรอย่างนี้ ก็แค่สองซีซันแรก พวกเราเองก็พยายามสร้างโอกาสให้ไป๋เทียนเทียนตามที่เขียนในบท แต่เธอไม่คว้าเอาไว้เอง เกี่ยวอะไรกับฉินหร่าน! ต่อไปยังเหลืออีกตั้งสิบซีซัน ยังไม่พอจะให้เธอแสดงบทบาทอีกหรือ”
ได้ฟังแล้ว ผู้กำกับก็มองไปยังผู้ช่วยผู้กำกับเงียบๆ “มีฉินหร่านแต่แรก หลังจากนี้ต่อให้มีอีกสักร้อยซีซัน ไป๋เทียนเทียนก็ไม่มีทางดังหรอก”
บทของเธอไปชนเข้ากับบทของฉินหร่านก็ช่างเถอะ แต่นี่ยังถูกฉินหร่านถูกแซงจนไม่เห็นฝุ่นอีก
ฉินหร่านไม่ได้ทำอะไร แต่ดูเหมือนจะมองบทไป๋เทียนเทียนออก จุดหมายที่ทีมรายการจัดไว้ก็ไม่ได้ไป จุดรวมกำลังที่ตั้งไว้ก็ไม่ได้ไป…ที่ที่ไปกลับเป็นที่ซึ่งไป๋เทียนเทียนต้องไป…
หากบทไม่ได้อยู่ในมือของเขาเอง ไม่แน่ทีมผู้กำกับอาจจะคิดว่าฉินหร่านจงใจรังแกไป๋เทียนเทียน
อย่างไรเสีย…
คือบทเด็กเรียนชั้นแนวหน้าจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่ใช่หรือ
คือบทคนคลั่งเทคโนโลยีระดับแนวหน้าของผู้เข้าแข่งระดับยี่สิบดาวไม่ใช่หรือ
……
บ้าไปแล้ว??!
ก็เพราะด้วยเช่นนี้ ผู้กำกับถึงได้กังวลว่าตระกูลเจียงจะให้ลบฉินหร่านออกจากฉาก
ไม่ว่าอย่างไรรายการนี้แต่แรกเดิมทีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือสร้างบทบาทให้ไป๋เทียนเทียน
ตัว bug อย่างฉินหร่านดูอย่างกับไม่กินเส้นกับทีมรายการ
“ผู้จัดการส่วนตัวไป๋เทียนเทียนว่าอย่างไรบ้าง” เมื่อถูกผู้กำกับถาม ผู้ช่วยผู้กำกับก็มองประเด็นสำคัญออก
ผู้กำกับส่ายหน้า แววตาดูหมองหม่นเล็กน้อย “ฉันเพิ่งคุยกับเขา เห็นบอกว่าให้ลบฉากหัวข้อสอบฟิสิกส์นั้นออกไป แล้วก็…ดูเหมือนจะไม่ชอบเถียนเซียวเซียวนั่นอย่างมากด้วย”
ในวงการบันเทิงก็มีอยู่แค่นี้แหละ
ฉากของฉินหร่านผู้กำกับทำใจลบไม่ได้ เถียนเซียวเซียวเองก็โดดเด่นอย่างมาก แต่ก็ใช่ว่าจะลบไม่ได้
ผู้จัดการส่วนตัวไป๋เทียนเทียนพูดอย่างตรงไปตรงมา ผู้กำกับได้ปรึกษาเรื่องลบเถียนเซียวเซียวออกจากฉากเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวค่อยคุยกับพวกเถียนเซียวเซียวสักหน่อย” ผู้กำกับเคาะโต๊ะ คิดอยู่นาน แล้วก็เม้มริมฝีปาก “บอกเธอพรุ่งนี้ไม่ต้องถ่ายรายการแล้ว”
หวังว่าคงจะใช้เถียนเซียวเซียวแลกกับฉากของฉินหร่านได้
ผู้กำกับทั้งสองคนมองตากัน วางแผนกันอยู่ทั้งคืนว่าก่อนที่บอสจะมาถึง จะทำอย่างไรถึงจะรักษาฉากของฉินหร่านเอาไว้ได้
**
ที่ห้องของไป๋เทียนเทียน
สองวันนี้เป็นเพราะการมาของฉินหร่าน ไป๋เทียนเทียนจึงกลายเป็นตัวตลกไม่น้อย นับตั้งแต่เดบิวต์ ดวงชะตาของเธอก็ดังเป็นพลุแตกมาโดยตลอด เมื่อมาที่ทีมรายการนี้ จิ่งเหวินเองก็ดีกับเธอ แม้แต่เวยป๋อก็ยังติดตามกัน
ทีมรายการก็ดูแลเธอเป็นอย่างดี
ก่อนจะถึงเมื่อวาน เธอคิดว่าเธอคงจะดังเป็นพลุแตกแน่
จนกระทั่งเมื่อฉินหร่านมา…
ไป๋เทียนเทียนรักษาบทมาโดยตลอด แต่ก็มาพังทลายไม่เป็นชิ้นดีต่อหน้าฉินหร่าน แถมยังปล่อยไก่อีกตั้งเยอะ วันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะหาโอกาสกลับลำได้ แต่ดันมาถูกฉินหร่านปะทะจนไม่เหลือชิ้นดี
เหมือนกับตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น
ผู้จัดการส่วนตัวและผู้ช่วยเคาะประตูเข้ามา จากนั้นก็เปิดประตู “เทียนเทียน มีข่าวดีสองเรื่องจะบอกเธอ”
ไป๋เทียนเทียนในตอนนี้กำลังดูเวยป๋อ “อะไรหรือ”
“ข่าวแรก ผู้กำกับบอกกับฉันว่า เป็นเพราะความผิดพลาดของทีมรายการ ข้อสอบฟิสิกส์ข้อนั้นผิดไป พวกเขาตัดสินใจจะลบฉากข้อสอบฟิสิกส์” ผู้จัดการส่วนตัวนั่งลงตรงข้ามกับเธอ หรี่ตายิ้มแล้วพูด
ไป๋เทียนเทียนเงยหน้าขึ้น เธอรู้สึกประหลาดใจจริงๆ “แล้วข่าวที่สองล่ะ”
“ขาของฉินหลิงจู่ๆ ก็หายดีขึ้นมาเฉย ดังนั้นฉินหร่านพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องถ่ายรายการแล้ว” ผู้จัดการส่วนตัวกดเสียงต่ำ เขาพูดกับไป๋เทียนเทียนอย่างตื่นเต้น “ฉันว่าแล้วไง เธอเป็นคนมีดวง ไม่อย่างนั้นขาของฉินหลิงจะมาหายในสองวันได้อย่างไร ขาของเขาวันนั้นเธอก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ บวมเสียขนาดนั้น แค่สองวันก็หายดีแล้ว ช่างไม่สมเหตุผลเสียเลย”
หลังจากสะบัดเถียนเซียวเซียวทิ้ง หนทางของผู้จัดการส่วนตัวก็ยิ่งราบรื่นยิ่งขึ้น เขายิ่งรู้สึกว่า การยกเลิกสัญญาเถียนเซียวเซียวเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต
ไม่มีเถียนเซียวเซียวแล้ว ทีมของเขาในเวลาอันสั้นก้าวหน้าขึ้นไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งขั้น
เมื่อก่อนเคยมีพี่เวินที่พอมีทุนทรัพย์บ้าง เป็นเพราะเธอพาเถียนเซียวเซียวมา ตอนนี้ถึงได้ตกต่ำถึงที่สุด ดูเหมือนแม้กระทั่งค่าเช่าบ้านก็เกือบจะไม่มีปัญญาจ่ายแล้ว ตอนนี้ก็กำลังหาบ้านเช่าราคาถูกอยู่
ได้ยินคำพูดของผู้จัดการส่วนตัว ไป๋เทียนเทียนก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา
เธอก้มหน้าลง “แต่…เถียนเซียวเซียวเธอ…”
เห็นเธอแบบนี้ ผู้จัดการส่วนตัวก็ก้มหน้าลงมองที่โทรศัพท์มือถือของเธอ บนโทรศัพท์มือถือแสดงหน้าท็อปปิคร้อนแรงบนเวยป๋อ…
หัวข้อร้อนแรงสามอันดับแรกดังเป็นพลุแตก…
“ฉินซิวเฉินและเหยียนซีติดตามกัน”
“ฉินซิวเฉินและเหยียนซีติดตามเถียนเซียวเซียว”
“เถียนเซียวเซียว”
คนที่ฉินซิวเฉินติดตามมีอยู่มาก เขาจะติดตามเพิ่มสักคนก็ไม่ได้แปลกอะไร
แต่ที่สำคัญคือเหยียนซีคนนี้เป็นดาวดังของวงการ ในเวยป๋อของเขา จนถึงตอนนี้ติดตามเพียงแค่สิบคน ตอนนี้จู่ๆ เพิ่มมาสองคน หนึ่งในนั้นยังเป็นฉินซิวเฉินอีก ชาวเน็ตจึงคลั่งขึ้นมาทันที
ค่อยๆ ไต่ขึ้นตามฉินซิวและเถียนเซียวเซียวมา หัวข้อร้อนแรงนี้จึงได้ปรากฏขึ้น
ในเวยป๋อของเถียนเซียวเซียว เพียงช่วงบ่ายก็มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลามถึงสองล้านคน
โพสต์แรกบนเวยป๋อมีคอมเมนต์ถึงสองแสนรายการ ล้วนแต่ถามว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
เวยป๋อของไป๋เทียนเทียนตอนนี้มีคอมเมนต์มากที่สุดก็เพียงแค่หนึ่งหมื่น เห็นเถียนเซียวเซียวเช่นนี้ ในใจเธอก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้
“ไม่เป็นไร” ผู้จัดการส่วนตัวมอง เขาไม่ได้ใส่ใจ “เทียนเทียน เธอวางใจเถอะ ผู้หญิงคนนี้มีปัญหา อย่างดีวันสองวัน เดี๋ยวก็ซาไปเอง ความป๊อบนี้ก็แค่แป๊บๆ เท่านั้น ไม่เหมือนกับเธอ”
ไป๋เทียนเทียนตอนนี้ก็เริ่มเชื่อแล้วว่าตัวเองเป็นคนมีโชค ได้ยินคำพูดของผู้จัดการส่วนตัว เธอก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย
**
ต่างกับห้องของไป๋เทียนเทียน ในห้องของเถียนเซียวเซียวกลับเงียบงัน
เถียนเซียวเซียวกำลังเก็บข้าวของของตัวเอง
“ไป๋เทียนเทียนมีผู้ใหญ่” พี่เวินนั่งบนเก้าอี้ ในมือถือบุหรี่อยู่ตัวหนึ่ง “เมื่อกี้มีสต๊าฟบอกฉันว่า แม้แต่ฉากของฉินหร่านพวกผู้กำกับเขาก็จะตัดออก”
เถียนเซียวเซียวเม้มปาก ตอนที่ได้ยินว่าตัวเองถูกให้ออกจากทีมแสดง เธอไม่ได้แสดงท่าทีผิดหวัง เป็นเพราะคุ้นเคยกับความอับโชคของตัวเอง
แต่เมื่อได้ยินพี่เวินพูดถึงฉินหร่าน เธอกลับรู้สึกทนไม่ไหว
“ฉากของหร่านหร่านเอ็งก็ถูกลบหรอ” เถียนเซียวเซียวโยนกระเป๋าไปบนโต๊ะ รู้สึกโกรธจนไม่อาจปิด “ทำไมกัน เขาเป็นหลานของซุปตาร์ฉินไม่ใช่รึไง ทีมผู้กำกับกล้าลบด้วยหรอ”
สองสามวันมาทางฉินหร่านดึงดูดแฟนคลับได้อย่างเต็มเปี่ยม ทีมงานบางส่วนที่ได้ยินเรื่องราวก็รู้สึกเห็นใจเถียนเซียวเซียวกับฉินหร่าน จึงได้บอกความจริงเรื่องการถูกให้ออกกับพี่เวิน
“เหตุผลง่ายๆ ไป๋เทียนเทียนมีแบ็คอยู่ข้างบน คนผู้นั้นแม้แต่ซุปตาร์ฉินก็ไม่กล้าหือด้วย” พี่เวินพ่นควันบุหรี่ออกมา
เถียนเซียวเซียวเม้มปาก เธอเร่งความเร็วในการเก็บสัมภาระ เธอรู้สึกผิดในใจอย่างมาก “เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย เป็นเพราะฉันมาใช่ไหม ฉันไม่คิดว่าจะกระทบถึงเธอด้วย พี่เวิน พวกเรารีบไปกันเถอะ”
“ฉันควรฟังคำพูดพี่ตั้งแต่แรก ไม่ควรมาที่นี่” เถียนเซียวเซียวรู้สึกเสียใจอย่างมาก “พี่เวิน ฉันคิดว่าผู้จัดการส่วนตัวคนก่อนพูดถูก ฉันมันอับโชค ไว้กลับถึงเมืองหลวงแล้วพวกเรายกเลิกสัญญากันเถอะ”
ข้าวของของเธอไม่เยอะ แต่ของที่ฉินหร่านมอบให้นั้นมีเยอะมาก
หนำซ้ำยังทิ้งกระเป๋าสัมภาระให้เธออีกหนึ่งใบ เถียนเซียวเซียวเอาทั้งหมดใส่ลงในกระเป๋าสัมภาระ
ทั้งสองคนไม่ใช่บุคคลใหญ่โตอะไร จึงไม่ได้ใส่หน้ากาก รีบไปจากโรงแรมในคืนนั้น
ตอนที่ผ่านปากทางหมู่บ้าน เถียนเซียวเซียวเห็นฉินหร่านอยู่ในตึกเล็กๆ ก็หยุดลงชั่วครู่ จากนั้นก็จากไป ไม่กล้าที่จะบอกกับฉินหร่าน ได้พบฉินหร่านเพียงแค่หนึ่งครั้งก็ทำให้เธอถูกลบออกจากกล้อง เธอเกรงว่าหากได้พบกันอีกครั้ง ฉินหร่านคงไม่เหลือซีนอะไรอีก
**
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ที่ตึกเล็กๆ
ฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยน เฉิงมู่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะ
อาหารเย็นวันนี้อุดมสมบูรณ์ ฉินหร่านมองไปยังเนื้อต้มหม่าล่าที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้า
โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างเฉิงเจวี้ยนสว่างขึ้น เขายื่นมือไปคว้า แล้วมอง เรือนนิ้วเรียวยาวหยิบตะเกียบ แล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า “เพื่อนของเธอไปแล้ว”
“ใครไปนะ” ฉินหร่านคีบเนื้อต้มหม่าล่าขึ้นหนึ่งชิ้น เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้น
“คนที่เล่นไวโอลินน่ะ” เฉิงเจวี้ยนมองเธออย่างใจเย็น “ถูกคนที่ทีมแสดงไล่กลับ ตอนนี้กำลังอยู่ที่ซุ้มทางเข้าหมู่บ้าน”
มือที่ที่เนื้อของฉินหร่านหยุดกึก เธอเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่เฉิงเจวี้ยน จากนั้นก็ถามขึ้นอีก “เถียนเซียวเซียวหรอ”
โทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้ง เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าลงมา “อ่อ ดักรถไว้แล้วสินะ”