ถนนบนภูเขา
เดือนสิบเอ็ดอากาศเย็นลงแล้ว หน้าต่างรถเปิดไว้อยู่ ลมพัดเข้ามา ลมกลางคืนเย็นเฉียบ เถียนเซียวเซียวหดตัวโดยไม่ทันรู้ตัว
เธอเอนกายพิงเบาะหลัง กำลังจะเคลิ้มหลับ
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น เป็นเบอร์ฉินหร่าน
เถียนเซียวเซียวรีบตื่นขึ้น
เสียงของฉินหร่านฟังไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน เธอพูดอยู่สองคำว่า “อยู่ไหน”
“ฉันอยู่บนรถ กำลังจะกลับเมืองหลวง” เถียนเซียวเซียวรีบนั่ง เธอยิ้ม น้ำเสียงไม่ได้แตกต่างกับเมื่อก่อน “ความจริงตอนที่ฉันมาได้รับบทมาเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ฉันกำลังรีบกลับไปถ่าย กำลังรีบ ก็เลยไม่ได้บอกลาเธอ…”
พูดเสร็จ ทางฝั่งฉินหร่านก็ตอบเพียงหนึ่งคำว่า “อืม” จากนั้นก็วางสายไป
ในเวลานี้ รถตู้ในที่สุดก็ขยับเคลื่อน
พี่เวินไม่ทันได้สังเกตภายนอก เพียงแต่มองไปที่เถียนเซียวเซียว “ไม่บอกกับเขาหน่อยหรือว่าเธอถูกไล่กลับจากทีมรายการ”
“นิสัยของหร่านหร่านอย่างนั้น ให้บอกเธอไม่ได้หรอก” เถียนเซียวเซียวสีหน้าจริงจัง “พี่อย่ามองว่าเธอไม่สนใจอะไร ความจำของเธอดีมาก จดจำทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในใจ ถ้าฉันบอกกับเธอเรื่องนี้ เธอต้องพุ่งไปหาทีมจัดรายการแน่ๆ พี่เวินพี่ก็บอกเอง แบ็คคนนั้นเบื้องหลังใหญ่โต ขนาดซุปตาร์ฉินยังไม่กล้าหือด้วย แล้วนับประสาอะไรกับเธอ แล้วซุปตาร์ฉิน…ก็เป็นคนบ้านตระกูลฉินด้วยนะ”
สองสามชั่วโมงให้หลัง รถวิ่งโคลงเคลงมาตลอดทางจนถึงในเมือง
เช้าตรู่ตีห้า
เถียนเซียวเซียวและพี่เวินรีบไปยังสนามบิน ที่สนามบินมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เครื่องบินของทั้งสองคือเจ็ดโมง ที่มาเช้าขนาดนี้ก็เพื่อจะได้ผ่านด่านตรวจ
ในขณะที่เข้าแถวรับบอร์ดดิงพาสและโหลดสัมภาระ
พนักงานเอาบัตรประชาชนของทั้งสองคนออกมาดู จากนั้นก็ส่งยิ้มแล้วโทรศัพท์ หนึ่งนาทีต่อมา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองนายก็มาพาทั้งสองไปที่ห้องวีไอพี
พนักงานสนามบินผู้มีมารยาทยังเสิร์ฟอาหารเช้าและกาแฟให้กับพวกเธอ “เที่ยวบินของทั้งสองท่านเตรียมไว้แล้ว อีกสิบนาทีก็จะออกเดินทางได้”
ห้องวีไอพีของสนามบินไม่ใช่ว่าระดับเฟิร์สคลาสก็สามารถเข้าไปใช้ได้ ระดับเฟิร์สคลาสก็จะมีห้องรองรับของระดับเฟิร์สคลาส ห้องวีไอพีจะมีพนักงานเฉพาะ ครั้งแรกที่ได้เข้าไปในห้องวีไอพีเช่นนี้ อย่าว่าแต่เถียนเซียวเซียว แม้แต่พี่เวินเองก็รู้สึกประหม่าเช่นกัน
“นี่มันอะไรกันนี่” พี่เวินพูดขึ้นอย่างงุนงง
เถียนเซียวเซียวเองก็ทำหน้าสับสนเช่นกัน
เธอก้มหน้าลงดูโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เพิ่งจะตีห้า เครื่องบินของพวกเธอคือเจ็ดโมง อีกสิบนาทีก็จะออกเดินทางนั้นหรือ
ผ่านไปสิบนาที พนักงานสนามบินก็ปรากฏตัวอีกครั้ง แล้วพาพวกเขาไปยังทางขึ้นเครื่องด้วยความสุภาพและนอบน้อม
เดินไปได้สองนาที ทั้งสองก็ไปถึงเครื่องบินส่วนบุคคลลำหนึ่ง นอกจากที่นั่งของกัปตันและผู้ช่วยกัปตัน ก็มีเพียงที่นั่งเพียงสี่ที่ และยังมีกัปตันที่ใส่หูฟังอยู่
แอร์โฮสเตสเพิ่งช่วยทั้งสองรัดเข็มขัดนิรภัยเสร็จเครื่องบินก็เริ่มเคลื่อนตัว
“เซียวเซียว นี่เป็นเพื่อนของเธอหรือเปล่า” พี่เวินมองไปที่เถียนเซียวเซียวอย่างตกใจ
พี่เวินไม่ใช่เถียนเซียวเซียว เธออายุมากกว่า ใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงมาก็นาน จึงรู้อะไรมากกว่า มีเครื่องบินส่วนบุคคลนั้นไม่ได้แปลกอะไร แต่การที่เครื่องบินส่วนบุคคลสามารถจอดที่สนามบินเชียนหงได้ โดยเฉพาะทางขึ้นเครื่องที่ดูใหญ่โตโอ้อวดพร้อมด้วยการสั่งบินเฉพาะกิจเช่นนี้ในสนามบินเมือง c ใครกันจะทำเช่นนี้ได้
เกือบสี่สิบนาที เครื่องบินส่วนบุคคลก็มาถึงยังหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทั้งสองคนคุ้นเคย
จอดอยู่กลางลานแห่งหนึ่ง
กัปตันเอาหูฟังออก เขายิ้มแล้วพูดว่า “ทั้งสองท่าน ถึงแล้วครับ”
เถียนเซียวเซียวและพี่เวินมองออกไปยังข้างนอก ที่นี่ก็คือบ้านขนาดเล็กที่ฉินหร่านเคยบอกว่าเธออาศัยอยู่
ทั้งสองคนมองหน้ากัน เมื่อลงจากรถ ก็เห็นชายคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ที่บันไดพอดี เขาดูไม่ได้แปลกใจสักนิดกับการมาของพวกเธอ เขาพูดด้วยใบหน้าอันสุขุมสง่างามว่า “เข้ามาสิ เธอกำลังกินข้าวเช้าอยู่พอดี”
เขาเอียงกายหันกลับ พาทั้งสองคนขึ้นไปยังห้องอาหารชั้นบน
ฉินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องอาหาร เอนตัวพิงกับพนัก ในมือยังถือนมวัว เมื่อเห็นพวกเถียนเซียวเซียวทั้งสองคน เธอก็เงยหน้าขึ้น “มากินข้าวก่อนเถอะ”
ดูไปแล้วไม่ได้แตกต่างจากยามปกติ แต่เถียนเซียวเซียวกลับรู้สึกกลัวๆ อยู่เล็กน้อย
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเธอ” เถียนเซียวเซียวไม่ได้คิดมากเหมือนเวิน เธอดึงเก้าอี้ออก กำลังจะนั่งลงด้านซ้ายฉินหร่าน ทันใดนั้นก็พี่เวินดึงไปด้านขวาของฉินหร่าน “เธอต้องการพบฉันทำไม”
“เธอทำสัญญากับทีมรายการไว้สองวัน ยังถ่ายทำไม่เสร็จเลย” ฉินหร่านกัดแพนเค้กสีคาราเมลอย่างไม่รีบร้อน
เถียนเซียวเซียวชะงัก จากนั้นก็หัวเราะ “ซุปตาร์ฉินบอกเธอแล้วหรือ ฉันจงใจไม่ได้ไปบอกลาพวกซุปตาร์ฉิน ฉันได้อยู่ในทีมรายการแค่วันเดียวก็ไม่เลวแล้ว แถมได้ติดตามเวยป๋อกันกลับซุปตาร์ฉินและราชาเหยียนด้วย”
“รายการวันนี้เจ็ดโมงครึ่ง พวกเธอกินข้าวเสร็จอาบน้ำแล้วเตรียมตัว” ฉินหร่านยกโทรศัพท์มือถือขึ้นดู
“หร่านหร่าน ฉันถ่ายไม่ได้จริงๆ” พูดได้เท่านี้ เถียนเซียวเซียวก็หัวเราะเศร้าๆ หนึ่งที “ที่จริงแล้วฉันทำให้เธอ ทีมรายการบอกว่าจะลบเธอออกจากกล้อง ครั้งนี้ฉันมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นหลายล้านคนนับว่าคุ้มแล้ว เธอรู้ใช่ไหม”
เห็นฉินหร่านยังคงก้มหน้าก้มตากินข้าว เพียงหนึ่งคำว่า “อืม” ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาเป็นพิเศษ
เถียนเซียวเซียวรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เธอหยิบตะเกียบแล้ว “ฉันบอกกับเธอตามจริง ไป๋เทียนเทียนเป็นสปอนเซอร์หลักของทีมจัดรายการแน่ๆ เธออย่าเพิ่งมีเรื่องกับพวกเขา อย่าเพิ่งใจร้อน ทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะว่าฉัน”
เธอกำลังจะตอบกลับ
ทันใดนั้นเฉิงมู่ก็เข้ามาจากด้านนอก “คุณชายเจวี้ยน ”
ฉินหร่านกำลังกินข้าวอยู่ เธอไม่ได้ใส่ใจ
ตุบ….
เฉิงเจวี้ยนโยนตะเกียบไปบนโต๊ะ ก้มหน้าลง น้ำเสียงฟังดูกลางๆ “ไม่ว่างเจอเขา”
เฉิงมู่แอบรู้สึกเสียใจแทนเจียงตงเยี่ยอยู่ในใจ จากนั้นก็หยิบแพนเค้กชิ้นหนึ่งจากบนโต๊ะ กินไปพลางเดินลงชั้นล่างไปแจ้งเจียงตงเยี่ยถึงข่าวร้ายนี้
ที่ชั้นล่าง
เฉิงมู่กำลังกัดแพนเค้ก เปิดประตูลานออก ก็เห็นเจียงตงเยี่ยยืนอยู่ที่ประตูใหญ่ และยังสวมชุดสูท แววตาเจือด้วยความเห็นใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง” เห็นสีหน้าของเขา เจียงตงเยี่ยก็รู้สึกหวิวไปทั้งใจ ใบหน้าที่หล่อเหลาเหยเกเล็กน้อย “ไม่นะ นายยังมีกะใจจริงแพนเค้กอีกหรือ??! นายบอกฉันมาสิ สรุปแล้วฉันต้องอย่างไรกันแน่”
เจียงตงเยี่ยเพิ่งจะมาถึงหมู่บ้าน กู้ซีฉือบอกว่าฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนต่างอยู่ที่นี่ จึงได้รีบตามมาอย่างรีบร้อน
“ข้างหน้าสองร้อยเมตรเลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปก็จะถึงทีมรายการที่คุณลงทุนเอา” เฉิงมู่กลืนแพนเค้กลงไป แล้วบอกกับเจียงตงเยี่ยอย่างไม่รีบร้อน “รายละเอียดคุณชายเจวี้ยนรู้ดี ผมรู้ไม่เยอะ แต่เป็นเพราะรายการของคุณนั่นแหละ”
เจียงตงเยี่ยนึกถึง “ไป๋เทียนเทียน” ที่ฉินหร่านเคยถามถึงมาก่อนแล้วสองครั้ง
เขาไม่มัวเสียเวลากัลเฉิงมู่ รีบตรงไปยังทีมรายการ
**
ด้านในของโรงแรม
ผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับต่างนอนไม่หลับทั้งคืน ทั้งสองปรึกษากันว่าควรทำเช่นใดจึงจะทำให้เจียงตงเยี่ยใจเย็นลงได้
เมื่อถึงตอนเช้าก็นั่งในห้องถ่ายทอดยังกังวลใจ ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากมาย สต๊าฟที่อยู่ด้านนอกก็รีบเข้ามา สีหน้าดูตื่นตระหนก “คุณผู้กำกับ ประธานเจียงมาแล้ว!”
“เช้าขนาดนี้เลยหรือ” ผู้กำกับมองไปที่โทรศัพท์มือถือ เพิ่งจะหกโมงเช้าเองไม่ใช่หรือ
เขาเดินทางมาตลอดคืนเลยอย่างนั้นหรอ
ให้ความสำคัญไป๋เทียนเทียนขนาดนั้นเชียว
เขายิ่งรู้สึกลนลาน รีบลุกขึ้นยืน แล้วออกไปข้างนอกพร้อมกับผู้ช่วยผู้กำกับอย่างรีบร้อน
สต๊าฟพยักหน้า เขาพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “ประธานเจียงสีหน้าบึ้งตึงมาก แถมดูเหมือนจะโกรธมาก….”
ทุกครั้งที่ทีมงานพูดเช่นนี้ ผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับต่างรู้สึกหนักใจยิ่งขึ้น
ผู้กำกับมองไปที่ทีมงาน “นายไปเรียบไป๋เทียนเทียนมาซิ”
สต๊าฟมองไปที่เขา แล้วขึ้นไปชั้นบนเพื่อที่ไป๋เทียนเทียน
ตอนนี้เวลายังเช้า แต่ทีมงานส่วนใหญ่ก็ตื่นแล้ว คนจำนวนหนึ่งยืนนิ่งเงียบด้วยความรู้สึกกลัว ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เจียงตงเยี่ยเอามือไขว้หลังยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง แววตาเยือกเย็น เขามองไปที่ผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้รับใช้ของกู้ซีฉือและฉินหร่าน แต่ในฐานะผู้สืบทอดคนเดียวของตระกูลเจียง บารมีของเขาไม่อาจดูแคลนได้เลย
ผู้ช่วยผู้กำกับเมื่อคืนพูดจาเสียงดี มาถึงตอนนี้ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองเจียงตงเยี่ย
ผู้กำกับพยายามสะกดความกดดัน แล้วเชิญเจียงตงเยี่ยไปที่ห้องรับรองที่เพิ่งเก็บกวาดเมื่อคืน “ท่านประธานเจียง เชิญด้านนี้ครับ”
คนอื่นที่เหลือต่างยืนอยู่กับที่ไม่กล้าพูดอะไร สักพักใหญ่เจียงตงเยี่ยก็เข้าไป คนอื่นจึงได้รู้สึกโล่งอกขึ้นมา
ในห้องรับรอง
เจียงตงเยี่ยกดหน้าผาก นั่งลงบนโซฟา “ทีมรายการช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น”
ผู้กำกับรินชาให้เจียงตงเยี่ยหนึ่งจอกอย่างพินอบพิเทา จากนั้นก็ก้มหน้าพูดขึ้นว่า “ท่านประธานเจียงครับ ท่านได้โปรดวางใจ เรื่องของไป๋เทียนเทียนผมได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ฉากข้อสอบฟิสิกส์ของเธอจะถูกลบออกอย่างแน่นอน”
“ไป๋เทียนเทียนหรือ” เจียงตงเยี่ยขมวดคิ้วแน่น
ผู้กำกับเดาน้ำเสียงของเขา ท่าทีดูเหมือนจะยิ่งเย็นชามากขึ้น เขาตอบอย่างรีบร้อนว่า “เรื่องฉากของหลานสาวซุปตาร์ฉิน ฉากของเธอ สามารถสร้างกำไรให้กับทีมรายการอย่างมหาศาลเลย ท่านเป็นผู้ลงทุน คงต้องให้ความสำคัญกำไรแน่นอน หากท่านไม่ต้องการฉากพวกนั้น พวกผมก็ลบทิ้งได้ครับ”
เมื่อคืนผู้กำกับได้รวบรวมตัวอย่างผลกำไร ตั้งใจจะเอาให้เจียงตงเยี่ยดู
แต่ในเวลานี้เจียงตงเยี่ยกลับเย็นชาเช่นนี้ ผู้กำกับจริงไม่กล้าพูดขึ้นมา
เจียงตงเยี่ยเริ่มจับใจความได้ “หลานสาวของซุปตาร์ฉินหรือ”
“ครับ เมื่อคืนพวกเราได้ปรึกษากับทีมบันทึกแล้ว ฉากส่วนใหญ่ของฉินหร่านสามารถลบได้ แต่ของราชาเหยียนลบไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉากจำนวนหนึ่งของเธอยังคงต้องเก็บไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่อาจจะบรรยายราชาเหยียน…” พูดอย่างรีบร้อน
เจียงตงเยี่ยปาจอกลงพื้นดัง “เพล้ง” เขาเลื่อนสายตาขึ้นมองผู้กำกับ สีหน้านิ่งๆ ของเขาทันใดนั้นก็แข็งทื่อ “พูดใหม่สิ นายจะลบฉากของใครนะ”