สีหน้าและน้ำเสียงของเจียงตงเยี่ยดูผิดปกติ
ผู้กำกับเงยหน้าขึ้น “ก็…ก็ฉินหร่านยังไงละครับ”
เจียงตงเยี่ยไม่ใช่คนทึ่ม แต่เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ…
นึกไม่ถึงแม่คุณจะว่างจัด ไม่มีอะไรทำจนมาถ่ายทำรายการ ซ้ำบังเอิญเป็นรายการที่เขาทุ่มทุนไปอีกต่างหาก ทีมรายการยังจะลบเธอออกจากกล้อง…
แต่ทำให้ฉินหร่านโกรธถึงขนาดนี้ ต้องไม่ใช่เพราะเรื่องพรรค์นี้อย่างแน่นอน เธอคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องออกกล้อง เขาลูบหน้า “พวกนายเล่าเรื่องของไป๋เทียนเทียนกับคุณหนูฉินออกมาให้ฉันฟังทั้งหมดหน่อยซิ อย่าตกหล่นแม้สักเรื่อง”
ผู้กำกับรู้สึกตื่นตระหนก เขาสังเกตได้ว่าเจียงตงเยี่ยพูดว่า…คุณหนูฉิน?
เหตุการณ์เกิดเปลี่ยนแปลงงั้นหรอ
ทั้งสองคนมองตากัน จากนั้นก็เล่าเรื่องฉินหลิง เถียนเซียวเซียว เหยียนซีและไป๋เทียนเทียนอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ
“เพราะฉะนั้น พวกนายจึงเชิญคุณหนูฉินและเถียนเซียวเซียวออกไปอย่างนั้นหรอ” เจียงตงเยี่ยมองไปที่ผู้กำกับ แล้วพยักหน้า “เยี่ยมมาก”
ฉินหร่านที่มีผู้ติดตามของฉินซิวเฉินและเหยียนซี และคนสำคัญอย่างเถียนเซียวเซียวถูกผู้กำกับไล่ให้กลับโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงตงเยี่ยกุมโทรศัพท์มือถือแน่น เขายืนขึ้น มองไปที่ทีมผู้กำกับ “ถ้าหากไม่อยากถูกจัดการ ก็รีบลุกขึ้น แล้วไปเตรียมเรื่องต่อจากนี้ซะ”
“จัด…จัดการหรือครับ” ผู้กำกับพูด
เจียงตงเยี่ยยิ้มเยาะ เขาเอามือกุมหัวอย่างคลุ้มคลั่ง “อย่าว่าแต่พวกนายเลย หากเรื่องนี้จัดการไม่ดี ฉันเองก็แย่แน่ พวกนายอยู่ดีไม่ว่าดีไปไล่คนที่นายท่านให้ความสำคัญออกทำไมกัน เธอยังเป็นคนสำคัญที่มีผู้ติดตามอีกด้วย เบื่อชีวิตกันนักหรือไง”
เจียงตงเยี่ยเบื่อที่จะสนใจคนทั้งสองที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหากู้ซีฉือ
สองนาทีให้หลัง กู้ซีฉือก็ตอบอย่างเย็นชาว่า “ส่งที่อยู่ถ่ายทำรายการวันนี้มา”
เจียงตงเยี่ยได้ยิน ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ดูท่าทางฉินหร่านยังยินดีที่จะแยแสเขา ถ้าอย่างนั้นก็ดี
เขามองผู้กำกับทั้งสองคน “มัวแต่เหม่ออะไรอยู่ รีบไปเตรียมรายการวันนี้สิ เถียนเซียวเซียวจะมาร่วมด้วย พวกนายคงรู้แล้วนะว่าต้องทำอะไร!?”
ผู้ช่วยผู้กำกับได้สติกลับ เขาทึ่มกว่าผู้กำกับ “แล้วบทที่ให้เน้นไป๋เทียนเทียน…”
“ไป๋เทียนเทียนหรือ” เจียงตงเยี่ยรู้อยู่แล้วว่าตระกูลเจียงให้ความสำคัญไป๋เทียนเทียน เขาไม่ได้ตอบผู้ช่วยผู้กำกับ แต่โทรศัพท์สายตรงหาเกาเฉิง ปรับสีหน้า “เจ้างั่งคนไหนบอกให้เน้นไป๋เทียนเทียน”
เกาเฉิงตอนนี้เพิ่งลุกจากที่นอน ถูกเจียงตงเยี่ยคำรามใส่ด้วยความโกรธก็ตาตื่นขึ้นมาทันที เขานึกถึงคนคนนี้ขึ้นมาได้ “ประธานเจียง ไม่ใช่ท่านเองหรือที่ซักไซ้แต่เรื่องของไป๋เทียนเทียน…”
“นั่นเป็นเพราะคุณหนูฉินพูดถึงเธอต่างหาก ฉันถึงได้ถามพวกนายว่ามีคนคนนี้หรือเปล่า พวกนายสู่รู้กันทำไม” เจียงตงเยี่ยแทบจะอยากไปปรากฏตัวต่อหน้าเกาเฉิง แล้วอัดเขาเสียให้ลืมแม่แก้วไปเลย
ผู้กำกับทั้งสองฟังบทสนทนาอันยาวยืดอย่างงุนงง
จากนั้นทั้งสองก็มองตากัน ที่แท้…เข้าใจผิดมาทั้งหมดอย่างนั้นหรือ
ที่ว่าตระกูลเจียงให้ความสำคัญบทของไป๋เทียนเทียนคือเข้าใจผิดไปอย่างนั้นหรือ
หรือเป็นความเข้าใจผิดที่ฉินหร่านสร้างขึ้น
ไม่ได้รอให้เจียงตงเยี่ยพูดอะไรต่อ ผู้กำกับก็รีบพูดให้สัญญาทันทีว่า “ท่านประธานเจียง พวกเราจะขับบทของเถียนเซียวเซียวให้ดังพลุแตกเลยแน่นอน จะใช้ความดีชดใช้ความผิด! ท่านโปรดวางใจ!”
**
ที่ชั้นบน
ในห้องของไป๋เทียนเทียน ผู้จัดการส่วนตัวตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น “ประธานเจียงมา ผู้กำกับให้เธอลงไปต้อนรับ เทียนเทียนเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ แต่งหน้าแต่งตา แล้วพวกเรารีบลงไปชั้นล่างกัน!”
“ประธานเจียงหรอ” ไป๋เทียนเทียนกำลังหลับตา ปล่อยให้ช่างแต่งหน้าช่วยเธอแต่งตัว ได้ยินอย่างนั้นแล้ว แววตาก็สั่นระริก
“ก็คือประธานเจียงของพวกเรานั่นไง ได้ยินผู้กำกับบอกว่าแม้แต่ซุปตาร์ฉินก็ยังไม่เรียกเลย เรียกเฉพาะเธอลงไปต้อนรับ” นิ้วมือของผู้จัดการส่วนตัวยังคงสั่น เร่งให้ไป๋เทียนเทียนเปลี่ยนชุด “เธอแต่งตัวให้สวยหน่อย เทียนเทียน คราวนี้เธอได้บินสูงจริงๆ แน่”
ตระกูลเจียง อย่าว่าแต่ในวงการบันเทิง แม้แต่แวดวงทั่วทั้งเมืองหลวง นับได้ว่าอยู่บนยอดสุดของพีระมิด เรียกได้เต็มปากว่าเป็นเจ้าของวงการบันเทิงเลยก็ว่าได้
หากพวกเขาต้องการเชิดชูใคร ไม่มีใครจะไม่ดัง
รายการของพวกเขา ไม่มีการขัดขวาง
ได้ยินชื่อประธานเจียง ไป๋เทียนเทียนก็แทบทนไม่ได้ เธอเคยเห็นเจียงตงเยี่ยในตระกูลเจียง อีกฝ่ายหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลา ท่าทีสุขุมงดงาม เป็นถึงนายแพทย์ และยังได้วุฒิปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงอีกด้วย และที่สำคัญที่สุด เขาเป็นคนวางตัวได้สะอาดบริสุทธิ์ ไม่เคยมีข่าวฉาวเรื่องผู้หญิงมาก่อน...
เป็นอันดับที่หนึ่งในห้ายอดอัญมณีแห่งวงการบันเทิง
ไป๋เทียนเทียนรีบลุกขึ้น เธอวันนี้เดิมทีใส่ชุดกีฬาตามบท ในตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีฟ้า และเพื่อที่จะไม่ได้บดบังความงาม เธอยังไม่สวมเสื้อคลุมตัวนอก
แต่งหน้าเสร็จแล้ว ก็ลงไปที่ชั้นล่างอย่างรีบร้อน
รายการโชว์วันนี้ยังคงเริ่มถ่ายทำตอนเวลาเจ็ดโมงครึ่ง
ตอนที่พวกเขาลงมา ไป๋เทียนเทียนก็แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ตอนที่ลงมาก็เป็นเวลาเจ็ดโมงสิบนาทีแล้ว
พวกผู้กำกับและเจียงตงเยี่ยเองก็เพิ่งจะออกมา
ไป๋เทียนเทียนและผู้จัดการส่วนตัวมองไปก็จำเจียงตงเยี่ยได้ ทั้งสองคนเดินเข้าไป
เจียงตงเยี่ยผู้ซึ่งแต่ไหนแต่ไรสีหน้าเย็นชาและไม่เป็นมิตร เมื่อได้มองไปที่ทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะสะดุด สีหน้าเริ่มอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย มองไปตรงยังทิศทางพี่พวกเธอเดินมา
ไป๋เทียนเทียนตื่นเต้นจนร่างกายเหยียดเกร็ง มือกุมขอบกระโปรงทั้งสองข้าง
เจียงตงเยี่ยอยู่ห่างจากเธอไปสองก้าว เธอพูดขึ้นว่า “ท่าน…”
พูดยังไม่ทันจบ เจียงตงเยี่ยก็เดินผ่านเธอไป จากนั้นก็ทักทายฉินซิวเฉินพี่เพิ่งจะลงบันไดมาจากชั้นบนอย่างสุภาพนอบน้อม “คุณฉิน สวัสดีครับท่าน”
ยังโน้มตัวคำนับเล็กน้อย
ท่าทีดูรอบคอบอย่างมาก เจือด้วยความเคารพนอบน้อม
ซ้ำยังใช้คำว่า “ท่าน” อีกด้วยหรือนี่
ฉินซิวเฉินนั้นรู้จักเจียงตงเยี่ย แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน โดยเฉพาะเมื่อตระกูลฉินออกจากสี่ตระกูลใหญ่ หากจะพูดถึงสถานะในตอนนี้ บ้านตระกูลฉินเทียบไม่ได้เลยกับตระกูลเจียง ฉินซิวเฉินก็ไม่ได้มีอำนาจอิทธิพลใดๆ ในมือเลย
ต่อให้เป็นคุณชายสี่แห่งตระกูลฉิน หากดูจากสถานะรุ่งโรจน์ของบ้านตระกูลเจียงในสายตระกูลเฉิง เจียงตงเยี่ยสามารถมองข้ามเขาไปได้เลย
เจียงตงเยี่ยจู่ๆ กลับมาแสดงความเคารพต่อตนเช่นนี้…
ฉินซิวเฉินเม้มปาก แววตาดำขลับเป็นประกายของเขาเจือไปด้วยความสงสัย เขาหลบสายตาลงเพื่อจะปิดบังแววตาสงสัยนั้น “ท่านประธานเจียง”
รู้สึกแปลกใจอยู่ลึกๆ ที่แท้รายการนี้มีตระกูลเจียงเป็นผู้ลงทุนอยู่เบื้องหลัง เพียงแต่รายการพรรค์นี้ทำไมเจียงตงเยี่ยถึงได้มาเอง
ฉินซิวเฉินรู้สึกประหลาดใจ สายตาของเจียงตงเยี่ยย้ายไปที่ฉินหลิงที่อยู่หลังเขา
“เสี่ยวหลิง ขาของนายหายแล้วสินะ” เจียงตงเยี่ยย่อเข่านั่งลง แล้วดูขาของฉินหลิง “ดูท่ายาของพี่กู้ของนายยังคงใช้ได้ดีเหมือนเดิม”
“พี่ใหญ่เจียง” ฉินหลิงเคยเจอเจียงตงเยี่ยที่ห้องพยาบาลของโรงเรียน คุ้นเคยกับพวกลู่จ้าวอิ่งและเจียงตงเยี่ยอยู่พอควร เขาเงยหน้าขึ้น “คุณมาหาพี่สาวของผมหรอ”
เจียงตงเยี่ยน้ำเสียงคลุมเครือ “ก็ใช่ รายการจะเริ่มถ่ายทำแล้ว ไปเถอะ”
เขาพาพวกฉินหลิงออกไปด้านนอกพร้อมกัน
แต่กลับไม่รู้ว่า บทสนทนาที่ฟังดูคุ้นเคยกันของคนทั้งสอง ทำให้คนอื่นที่อยู่ในห้องโถงนอกจากผู้กำกับแล้วรู้สึกแปลกประหลาดใจอย่างมาก
รายการยังคงเริ่มถ่ายจากโรงแรม จิ่งเหวินเองก็กำลังลงมาจากชั้นบนพอดี พอได้เห็นฉากนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเดินมาข้างตัวฉินซิวเฉิน แล้วกดไมโครโฟนบนคอเสื้อ “ซุปตาร์ฉิน เสี่ยวหลิงบ้านเธอรู้จักกับประธานเจียงได้อย่างไรกัน”
ฉินซิวเฉินตอนนี้เองก็ไม่เข้าใจสถานการณ์ ได้เพียงแต่เม้มปาก แล้วเดินตามไป “ไม่รู้เหมือนกัน”
ผู้คนพากันเดินออกไป
มีเพียงไป๋เทียนเทียนและผู้จัดการส่วนตัวที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม และยังมีช่างกล้องอีกหนึ่งคน
การต้อนรับคนมาใหม่อย่างเต็มเปี่ยม
แต่ไหนแต่ไรไป๋เทียนเทียนล้วนแต่ได้รับการต้อนรับขับสู้เช่นเดียวกันกับฉินซิวเฉิน มีช่างกล้องระดับมืออาชีพห้านายคอยตามถ่ายตลอด พยายามที่จะเก็บภาพให้ได้ครบทั้งสี่สิบแปดมุม
ผู้จัดการส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เขามองไปที่ผู้ช่วยผู้กำกับที่กำลังเดินไปยังชั้นถ่ายทำ เขาเดินตามไป สีหน้าดูเหมือนจะโกรธอยู่เล็กน้อย และยังดูเจือด้วยความสงสัย “พวกนายบอกว่าให้เทียนเทียนมาต้อนรับท่านประธานเจียงไม่ใช่หรือ”
สองสามวันนี้ในทีมรายการ ผู้จัดการส่วนตัวพบว่าทีมผู้กำกับสุภาพกับไป๋เทียนเทียนอย่างมาก
จนทำให้ท่าทีของผู้จัดการส่วนตัวเริ่มแข็งกระด้างขึ้น
ไม่เช่นนั้นคืนเมื่อวานคงไม่ “แอบกระซิบ” ให้ทีมรายการบีบบังคับเถียนเซียวเซียวออกไป
ตอนนี้เมื่อได้พูดกับผู้ช่วยผู้กำกับ เขาย่อมต้องใช้น้ำเสียงเหมือนตอนแรก
แต่คิดไม่ถึงว่า ผู้ช่วยผู้กำกับที่สุภาพนอบน้อมกับเขาอย่างมากแต่ไหนแต่ไร ในตอนนี้กลับมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ประธานเจียงไม่ต้องการให้พวกคุณต้อนรับ”
“แล้วตากล้องของเทียนเทียนเกิดอะไรขึ้น แค่คนเดียวไม่พอหรอกนะ” ผู้จัดการส่วนตัวขมวดคิ้วแน่น
พอได้ยินเช่นนี้ ผู้ช่วยผู้กำกับก็เหลือบสายตามองเขาหนึ่งที แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ตากล้องของไป๋เทียนเทียนไปถ่ายคนอื่นแล้ว แน่นอน ถ้ารู้สึกไม่พอ ไม่ถ่ายก็ได้นะ”
ผู้ช่วยผู้กำกับพูดจบ ก็ตรงขึ้นชั้นบน
ผู้จัดการส่วนตัวก้าวถอยหนึ่งก้าว ไม่กล้าพูดอะไรมาก พอเห็นรถของทีมถ่ายทำกำลังจะออกตัวแล้วจริงๆ เขาก็รีบให้ไป๋เทียนเทียนรีบตามไปให้ทัน
นับแต่ไป๋เทียนเทียนเข้ามาในทีมถ่ายทำ ก็มีรถส่วนตัวคอยดูแลมาตลอด แต่คราวนี้กลับต้องมาเบียดเสียดด้วยกันกับทีมงาน เธอยังใส่กระโปรงเผยต้นขาอีก จึงรู้สึกไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก และที่สำคัญ ใบหน้าของผู้กำกับในวันนี้ ทำให้เธอรู้สึกเคร่งเครียดหวาดกลัว
**
สถานที่ถ่ายทำ
ฉินหร่านและเถียนเซียวเซียวมาถึงก่อนเวลา
เถียนเซียวเซียวลงรถ แล้วมองไปรอบทิศ ที่นี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่เพิ่งจะได้รับการบุกเบิก ดูสภาพแล้วเป็นอุทยานแห่งหนึ่ง เพียงแต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดถูกกันเอาไว้ มีเพียงไม่กี่คน เธอยังเห็นป้ายรายการ ทำให้รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำรายการ เธอรีบคว้าฉินหร่านแล้วเตรียมจากไป “หร่านหร่าน ทำไมเธอพาฉันมาที่นี่! ที่นี่คือสถานที่ทำรายการ…”
เธอชำเลืองขึ้น ก็เห็นรถของทีมรายการ เถียนเซียวเซียวจ้องตาโต “แย่แล้ว หร่านหร่าน พวกเรารีบไปกัน เธอคงไม่คิดที่จะผิดใจกับคนที่อยู่เบื้องหลังทีมรายการหรอกนะ”
มือทั้งคู่ของฉินหร่านกอดอก เอนตัวพิงต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่เงียบๆ ไม่ขยับไหว
พรึ่บ…
รถตู้ของทีมรายการแต่ละคันหยุดลง
ชายสวมชุดสูทคนหนึ่งลงมาจากรถที่เป็นหัวขบวน สีหน้าเคร่งขรึม ท่าทีดูน่าเกรงขาม ด้านหลังมีทีมผู้กำกับคอยติดตามมาอย่างใกล้ชิด ใบหน้าดูนอบน้อม
พวกซุปตาร์ฉินและจิ่งเหวินที่ตามลงมาทีหลังล้วนแต่เดินตามหลังชายผู้นั้น
เถียนเซียวเซียวมองตามไปด้านนั้น สามารถทำให้ผู้คนเหล่านี้คอยปรนนิบัติได้ถึงขั้นนี้ คงจะเป็นคนที่พี่เวินพูดถึง…บอสใหญ่เบื้องหลังรายการ
“หร่านหร่าน พวกเรารีบ…” เถียนเซียวเซียวคิดไม่ถึงว่าฉินหร่านจะแข็งแรงขนาดนี้ เธอดึงไม่ขยับเลยแม้สักนิด
เธอไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
บอสใหญ่เบื้องหลังรายการมองมาทางนี้ ความเคร่งขรึมเย็นชาบนใบหน้าหายไปฉับพลัน ชิงพูดขอโทษขึ้นก่อนว่า “คุณหนูฉิน ขอโทษที่ให้คุณรอนาน!”
สายตาของเขามองไปโดยรอบ เห็นม้านั่งตัวหนึ่งในสถานที่ซึ่งเตรียมไว้สำหรับรายการ เขาก็รีบย้ายออกมาอย่างรีบร้อน แล้ววางไว้ข้างฉินหร่าน “คุณยืนรู้สึกเมื่อยหรือเปล่า นั่งก่อนเถอะครับ”
“อ๊ะ คุณจะดื่มอะไรไหม ต้องการดื่มน้ำไหมครับ”
ผู้กำกับคิดไม่ถึงว่าผู้บังคับบัญชาเบื้องบนผู้ซึ่งเย็นชาจะกลายมาเป็นเช่นนี้…
แต่เขาก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว รีบร้อนวิ่งไปที่รถแล้วหยิบแก้วสะอาดและน้ำออกมา กำลังจะเท ก็ถูกเจียงตงเยี่ยแย่งไปทันที
ผู้กำกับเงยหน้าขึ้น
เจียงตงเยี่ยมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “นายจะทำไม”