เจียงตงเยี่ยเป็นคนรู้จักดูเวลามาโดยตลอด สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดยิ่งเร่งความเร็วเขา สีหน้าของเขาดูดุดันขึ้นมา
ผู้กำกับถูกทำให้ตกใจจนคลายมือ “ท่านประธานเจียง เชิญ…เชิญครับท่าน”
แล้วรีบก้าวถอยไปด้านข้างสามก้าวอย่างรวดเร็ว
เสียวสันหลังเหงื่อไหลออกมาไม่หยุด ตอนแรกที่ได้ยินเจียงตงเยี่ยพูดว่า “คุณหนูฉิน” เขายังไม่ได้รู้สึกตกใจถึงขนาดนี้ ตอนนี้เห็นท่าทีของเจียงตงเยี่ยยิ่งทำให้เขารู้สึกตกใจขึ้นมาจริงๆ…
ตอนแรกเขาคิดว่าที่เจียงตงเยี่ยบอกว่า “ฉันเองก็แย่แน่ ” เป็นเพียงการพูดให้ใหญ่โตจนน่ากลัว ในตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีของเจียงตงเยี่ยแล้วนั่นไม่ใช่คำพูดขู่ให้กลัวอย่างแน่นอน
ผู้กำกับรู้สึกได้ว่า หากฉินหร่านจะคิดเล็กคิดน้อยจริง…ยกเว้นฉินซิวเฉินและฉินหลิงสองคนแล้ว ในรายการของพวกเขารวมถึงเจียงตงเยี่ยคงแย่แน่…
ในแวดวงเมืองหลวงนี้ โดยเฉพาะวงการบันเทิง ทุกคนต่างระแวดระวัง กลัวอย่างยิ่งว่าจะเผลอผิดใจใครเข้า แต่ผู้กำกับคิดไม่ถึงว่าเขารอบคอบมาตลอดทั้งชีวิต สุดท้ายแม้แต่ตระกูลเจียงที่ไม่คิดว่าจะทำให้ผิดใจได้กลับมามีเรื่องด้วยเข้าจนได้
ผู้กำกับที่เข้าใจมาโดยตลอดว่าฉินหร่านเป็นหลานสาวของฉินซิวเฉินคิดทบทวนอย่างระวังสองวันมานี้ นอกจากเรื่องเถียนเซียวเซียวแล้วเขาไม่ได้ทำให้ฉินหร่านขุ่นเคืองเรื่องอื่น
ข้างกายเขา เจียงตงเยี่ยละสายตากลับ ปีที่แล้วได้ไปที่รัฐ M ด้วยกันกับกู้ซีฉือครั้งหนึ่ง เขาได้เปิดโลกทัศน์มาไม่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงเฉิงเจวี้ยน และตำแหน่งในเมืองหลวงของตระกูลเฉิง
เพียงแค่รัฐ Mอีกฝั่งหนึ่ง เจ้าพ่อเพชรที่แทบจะทำให้เขาและกู้ซีฉือตื่นตะลึงแทบแย่ เจียงตงเยี่ยตอนนี้ไม่อยากหวนคิดถึงอีก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ระหว่างฉินหร่านและถังชิงบนเวทีครั้งนั้น เวทีมวยแตกร้าวเป็นร่อง…
เจียงตงเยี่ยเกิดความรู้สึกกลัวฉินหร่านจากส่วนลึกของใจ
คราวนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้เธอโกรธเข้าแล้วจริงๆโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่เฉิงเจวี้ยนก็ไม่อยากที่จะสนใจเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าฉินหร่านเป็นคนใจร้อนเพียงใด เมื่อครู่ตอนที่โทรศัพท์หากู้ซีฉือในห้องพักผ่อน กู้ซีฉือไม่ค่อยจะแยแสเขาสักเท่าไหร่…
เจียงตงเยี่ยเงยหน้าขึ้น คิดว่าหากไม่ดูแลพวกนายท่านเหล่านี้ให้ดี ตอนเขากลับเมืองหลวงคงใกล้จะจบเห่เต็มทน
นึกถึงความหวาดกลัวที่ถูกเฉิงเจวี้ยนครอบงำหลายปีก่อนนั้น ในใจเขาก็ก่นด่าเหล่าทีมงานยังไม่มีที่สิ้นสุด
เทน้ำเสร็จอย่างคุ้นเคย แล้วหันตัวกลับยื่นให้ฉินหร่าน อากัปกิริยานี้เคยใช้กับกู้ซีฉือ ตอนนี้พอทำอีกครั้งรู้สึกคล่องแคล่วไร้ที่เปรียบ “คุณหนูฉิน ลองดื่มดูครับว่าพอดีไหม ร้อนหรือเปล่า ต้องการให้เย็นลงหน่อยไหมครับ”
เห็นฉินหร่านนิ่งไปสองสามนาที ในที่สุดเธอก็รับแก้วไป เจียงตงเยี่ยถอนหายใจยาวจังโล่งอกเป็นการใหญ่
จากนั้นจึงได้มองไปที่เถียนเซียวเซียว ชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาดูสุขุมสง่างามอีกครั้ง ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิดอย่างพอประมาณ “คุณคงคือคุณหนูเถียนสินะครับ ขออภัยนะครับ เพราะปัญหาลูกน้อง เลยทำให้คุณต้องตกใจ ทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด รายการถัดจากนี้ไป…”
เถียนเซียวเซียว “……”
คําพูดหลังจากนั้นเธอไม่ได้ฟังต่อ เพราะว่าเธอตอนนี้รู้สึกตกใจ…จริงๆ…
เจียงตงเยี่ยมองไปทางผู้กำกับ ผู้กำกับเข้าใจทันทีในเสี้ยววินาที แล้วโบกมือไปทางตากล้องที่เหลือ กล้องของตากล้องห้าคนที่เหลือนั้นทั้งหมดแพนมาที่เถียนเซียวเซียว ไม่พลาดแม้แต่มุมเดียว
ฉินหร่านเองก็ไม่ถ่วงขั้นตอนการถ่ายทำรายการ
ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว เธอจึงถือแก้วเดินไปด้านข้าง เดินออกจากวงล้อมของกล้องที่ถ่ายเถียนเซียวเซียว เพื่อให้มีพื้นที่ว่างสำหรับทำการถ่ายทำ
อารมณ์อันตึงเครียดตั้งแต่คืนเมื่อวานของเจียงตงเยี่ยในที่สุดตอนนี้ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง
“ฉันก็ว่าทำไมถึงไม่เห็นเซียวเซียว ที่แท้เธอก็มาก่อนล่วงหน้านี่เอง” รายการเริ่มถ่ายทำแล้ว จิ่งเหวินก็ตั้งสติกลับคืนจากความตื่นตกใจได้แล้ว เธอสามารถเก็บซ่อนบนใบหน้าได้สำเร็จด้วยเทคนิคการแสดงอันจัดจ้านของเธอ พูดกับเถียนเซียวเซียวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับปกติ และพาคนอื่นเข้าสู่รายการได้อย่างสำเร็จ
เหยียนซีเดินเข้ามาด้วยทีท่าสงบนิ่ง แล้วทักทายเถียนเซียวเซียวเหมือนกับเมื่อวาน ยังถามเธอว่าสามารถส่งต้นฉบับดนตรีบทนั้นของเธอให้เขาได้ไหม
รายการในที่สุดก็ค่อยๆ เข้าร่องเข้ารอย
ฉินซิวเฉินมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย เขาดิ้นรนอยู่ในวงการบันเทิงมานานถึงเพียงนี้มีเรื่องอะไรบ้างที่เขาจะไม่เคยผ่านพบ
เขามองไปทางเจียงตงเยี่ยเงียบๆ เขายังไม่พูดถึงเรื่องที่เจียงตงเยี่ยรู้จักกับฉินหร่าน แต่ที่สำคัญก็คือ…
ดูจากสถานะของตระกูลเจียงในเวลานี้ เจียงตงเยี่ยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนี้กับคนอื่นที่อยู่นอกตระกูลเฉิง…
ฉินซิวเฉินเองก็พอจะรู้ได้ เมื่อครู่ที่โรงแรม ที่เจียงตงเยี่ยสุภาพกับเขาถึงขนาดนี้ต้องเป็นเพราะฉินหร่านแน่นอน
“ซุปตาร์ฉิน” จิ่งเหวินมองไปยังเขา แล้วกดไมโครโฟน “นายคิดเรื่องหลานของนายอยู่หรอ”
ฉินซิวเฉินพยักหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาค่อยๆ นิ่ง แล้วพูดพึมพำขึ้นว่า “อืม ฉันกำลังคิดว่าเธอยังจะมองว่าฉันเป็นคนบ้านตระกูลฉินได้หรือเปล่า…”
เดิมทีเขาคิดว่าให้พ่อบ้านตระกูลฉินได้เห็นฉินหร่าน ฉินหร่านอาจจะยังสามารถกลับคืนสู่ตระกูลฉินหรือไม่ก็พาตระกูลฉินกลับคืนมา อย่างไรเสียตระกูลฉินถึงแม้ว่าจะตกอับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตระกูลอื่นจะสามารถเทียบได้
อีกทั้ง การจะอยู่ในเมืองหลวงยังไงก็ต้องมีไพ่ตายสักใบ ตระกูลฉินถึงแม้ว่าจะไม่เข้มแข็งแต่ก็พอเป็นโล่กำบังให้ฉินหร่านได้ ตอนนี้ เมื่อเทียบกับตระกูลเจียง เขายอมไม่ให้ฉินหร่านกลับไปที่บ้านตระกูลฉินยังดีกว่า…
“อะไรนะ” จิ่งเหวินได้ยินไม่ชัด
ฉินซิวเฉินส่ายหน้า “เปล่า”
เขายกมือขึ้น แล้วรับการ์ดภารกิจที่จิ่งเหวินยื่นมาให้ยังไม่รีบร้อน ราวกับกำลังคุณคิดอะไรอยู่
จิ่งเหวินพยักหน้า มือยังคงกดอยู่ที่ไมโครโฟน “หลานสาวนาย…ดูแปลกๆ นะ”
ฉินซิวเฉินกวาดตามองเธอ แล้วก็หยุด “เธอต่างหากที่แปลก!”
จิ่งเหวินจึงเปลี่ยนวิธีพูดใหม่ “ฉันหมายถึงลึกลับ ลึกลับน่ะ นายบอกว่าครอบครัวของเธอถูกลักพาตัวไปหลายปี แล้วทำอะไรอยู่ข้างนอกบ้างหรือ”
ฉินซิวเฉินก้มหน้ามองการ์ดภารกิจ ไม่สนใจเธอ
**
เจียงตงเยี่ยช้ากว่าฉินหร่านไปหนึ่งก้าว ทีมรายการเริ่มถ่ายทำแล้ว เขากดเสียงต่ำ ถามอย่างระวังว่า “คุณหนู พวกเราจะกลับไหมครับ”
เรื่องนี้คงผ่านไปได้แล้วมั้ง
ฉินหร่านเอาแก้ววางลงบนโต๊ะทีมรายการ มองเขาด้วยดวงตาดำขลับ ไม่ถึงกับเย็นชา แล้วจึงตอบไปหนึ่งคำอย่างใจเย็นว่า “อืม”
เธอกำลังจะเอียงตัวเดินอ้อมผ่านไปจากด้านข้าง
ทีมงานยี่สิบกว่าคนที่ถ่ายทำอยู่ด้านนอกก็ทำเสียงดัง “พรึ่บ” ใช้ความเร็วที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีมาก่อนหลีกทางเป็นช่องกว้างขนาดใหญ่ให้
ฉินหร่าน “……”
ก็ได้
เธอเดินกลับผ่านทางเดินที่ทุกคนหลบให้
สายตาผู้คนมองไปทิศทางที่ทั้งสองคนเดินไปอย่างอดใจไม่ได้
แล้วจึงพบว่า ไม่ไกลจากที่แห่งนั้นมีรถสีดำคันหนึ่งจอดอยู่
เจียงตงเยี่ยรีบเปิดประตูหลังก่อน รอจนฉินหร่านเข้าไปแล้ว จึงได้นั่งคนที่นั่งข้างคนขับ
ทันทีที่เขานั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับ ก็เห็นเฉิงมู่คาบอมยิ้มไว้ในป่านั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ มองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย และยังทักทายเขาด้วยว่า “คุณชายเจียง”
‘คุณชายเจียง’ งั้นหรอ …ตอนนี้คุณชายเจียงในตอนนี้อยากจะวัดหมัดกับเขาสักตั้งเต็มที
**
สถานที่ถ่ายทำ
เมื่อเห็นรถสีดำคันนั้นจากไปแล้ว ผู้กำกับจึงได้ปาดเหงื่อที่ไหลออกมาท่วมหน้าผากออก แล้วให้กล้องทั้งแปดร้อยตัวเล่นไปที่เถียนเซียวเซียว
ในระหว่างการถ่ายทำเขาปฏิบัติกลับเถียนเซียวเซียวอย่างดี
ไป๋เทียนเทียนที่เคยถูกทีมรายการเอาใจใส่มาก่อน ในตอนนี้สวมกระโปรงเสมอเข่า ขาทั้งสองเปลือยเปล่าสัมผัสกับอากาศ พอลมเย็นพัดเข้ามา เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แต่เธอไม่กล้าร้องขออะไรกับทีมผู้กำกับเลยแม้สักนิดเดียว
เธอเกรงว่าเมื่อเธอกลับไปแล้ว วันนี้คงไม่มีฉากของเธอแม้แต่นิดเดียว
ได้แต่มองไปที่ผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองอย่างตั้งใจ
แต่ทว่าผู้จัดการส่วนตัวของเธอกลับได้แต่มองเหม่อไปที่เถียนเซียวเซียวซึ่งถูกรายล้อมด้วยผู้คน กลับไม่เห็นสภาพของเธอในเวลานี้เลยสักนิด
ไป๋เทียนเทียนที่เคยคิดว่าตัวเองโชคชะตาเข้าข้างอีกครั้งแล้วมาโดยตลอดในที่สุดก็ทนไม่ไหว
เธอคิดจนหัวแทบแตก แต่ก็คิดไม่ออกว่าปัญหามาจากตรงไหน เถียนเซียวเซียวอาศัยใบบุญคนอื่นก็ช่างเถอะ แต่มันเกี่ยวข้องอะไรกับโชคของเธอ
บรรยากาศของทีมรายการในวันนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา แม้แต่ฉินซิวเฉินผู้ซึ่งมีความอดทนสูงก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยง
แต่ทั้งสองคนยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คนแรกคือฉินหลิง เขาคือน้องชายแท้ๆของฉินหร่าน คนอื่นสามารถรับได้
คนที่สอง…
นั่นก็คือเหยียนซี เขาเมื่อได้เห็นเจียงตงเยี่ย นอกจากฉินหลิงแล้วมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้องใช้ทักษะการแสดงอะไรก็สามารถวางตัวสงบนิ่งได้
จิ่งเหวินใคร่ครวญความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินหร่านแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะนับพี่นับน้องกับเหยียนซี แม้แต่พูดหยอกล้อก็ไม่กล้าให้เกินเลย
ท่ามกลางผู้คนในทีมรายการ
ผู้จัดการส่วนตัวของฉินซิวเฉินก็อดไม่ได้ที่จะไปหาบอสวัง
ผู้จัดการส่วนตัวของฉินซิวเฉินพี่ติดตามทีมรายการมาโดยตลอดเมื่อวานนี้เพิ่งจะสนิทสนมกับบอสวัง ทั้งสองคนแลกวีแชทกัน จึงได้รู้ว่าฉินซิวเฉินเป็นอาของฉินหร่าน บอสวังสุภาพกับผู้จัดการของฉินซิวเฉินเป็นอย่างมาก
“ราชาเหยียนของพวกนายก็สนิทกับประธานเจียงด้วยหรือ” ผู้จัดการส่วนตัวมองไปที่บอสวังแล้วถามออกมา
บอสวังสายหน้า แล้วพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง “ไม่สนิท”
“ถ้าอย่างนั้น…” เหยียนซีนิ่งขนาดนี้ได้อย่างไร อีคิวต่ำเหมือนอย่างที่เล่าลือกันในโลกอินเทอร์เน็ตจริงหรือ
บอสวังดูเหมือนจะมองความคิดของผู้จัดการส่วนตัวออก คิดไปแล้วฉินซิวเฉินเป็นอาของฉินหร่าน จึงไม่กล้าจะเข้าไปยุ่งอะไรมาก ได้แต่บอกเพียงว่า “นายรู้หรือเปล่าว่าเหยียนซีเป็นคนใจคอกว้างขวาง”
ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้า “ใช่ เพราะว่าพวกนายมีแฟนคลับเยอะ ยังมีบทเพลงระดับเทพ มีอิทธิพลในแวดวงดนตรีอย่างไม่เคยมีมาก่อน”
เจียงซานอี้บทเพลงขั้นเทพ ในวงการถือได้ว่าลึกลับหาตัวจับได้ยาก
“ใช่แล้ว บทเพลงขั้นเทพ” บอสวังเม้มปาก กดเสียงต่ำพูด “นักร้องจำนวนไม่น้อยยอมทุ่มเทจำนวนมากเพื่อจะหาตัวลูกพี่เจียงซานของพวกเรา รู้ไหมว่าทำไมจึงไม่เคยมีใครสำเร็จเลย”
ผู้จัดการส่วนตัวพบว่าตัวเองกำลังได้เจอกับความลับระดับสุดยอดของวงการบันเทิง เขาโน้มศีรษะเข้ามา แล้วพูดอย่างระวัง “นายว่ามาซิ”
“เพราะว่าเธอคือคนของอวิ๋นกวงกรุ๊ปไงล่ะ” บอสวังมองเขา แล้วพูดขึ้นเบาๆ