อย่างนี้ก็หมายความว่าถังหนิงต้องรับผิดชอบกับทั้งสองชีวิตที่สูญเสียไปไม่ใช่หรือ
สาธารณชนต่างถกเถียงกันอย่างฮือฮา
[เธอยังจะนิ่งเฉยในฐานะผู้จัดการมือเพชรได้อีกเหรอ ทำไมเธอต้องเอาตัวเองไปยุ่งกับทุกเรื่องด้วย แถมยังพยายามสร้างสิ่งที่เรียกว่าหนังไซไฟระดับชาติและทำให้คนคนหนึ่งเสียชีวิตอีก]
[ใครจะไปดูหนังภายในประเทศที่เป็นต้นเหตุทำให้คนตายบ้างล่ะ ช่างเป็นลางดีซะจริงๆ เลย!]
[ได้โปรดเถอะถังหนิง ถ้าคุณไม่อยากทำงานแสดงอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำ เลิกทำอะไรไม่คิดสักทีเถอะ คุณฆ่าคนไปสองคนแล้วนะ]
แม้ว่าความคิดเห็นจะไปในทางเสียๆ หายๆ อย่างที่คาดไว้ ทว่าหลงเจี่ยและหลินเฉี่ยนก็ยังคงรู้สึกว่ามันเกินกว่าเหตุไปเสียหน่อย
“เราควรให้ลูกสาวของเฉียวเซินออกมาชี้แจงไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก อย่าดึงเธอมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายนี้เลย” ถังหนิงปฏิเสธพร้อมส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ตอนที่ฉันตัดสินใจประกาศเรื่องการเสียชีวิตของเฉียวเซินตั้งแต่ทีแรก ฉันก็คาดการณ์เอาไว้แล้วล่ะ”
“โอเคค่ะ แต่เกรงว่าประธานฟ่านจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างความเดือดร้อนให้แน่นอนเลยค่ะ”
“ฉันก็หวังว่าเขาจะทำอย่างนั้นแหละ!” ถังหนิงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนชั้นต่ำยังไงก็คือคนชั้นต่ำอยู่วันยังค่ำ เพราะพวกเขาไม่รู้จักสำนึกต่อให้เธอเมตตาพวกเขาแล้วก็ตาม”
การเสียชีวิตของเฉียวเซินเป็นเรื่องใหญ่สำหรับถังหนิง หากแต่มันทำให้เธอได้เรียนรู้หลายสิ่ง อย่างที่โม่ถิงว่าไว้ ชีวิตคนเราย่อมไม่อาจคาดเดาได้ อุบัติเหตุสามารถเกิดกับคนคนหนึ่งได้ทุกเมื่อ ดังนั้นแทนที่จะนั่งรอให้มันเกิดขึ้น สู้ใช้ชีวิตให้มีความสุขเสียดีกว่า เมื่อเติบโตขึ้นไปและมองย้อนกลับไปจะได้ไม่รู้สึกเสียดาย
“พวกเธอไปทำงานเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้”
หากใครสักคนตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับถังหนิง พวกเขาคงไม่อาจทนกับความยากลำบากขนาดนี้ได้
ยิ่งตอนนี้ที่ผู้กำกับลาโลกนี้ไปและคนภายนอกกำลังต่อว่าและวิพากษ์วิจารณ์เธออยู่
ที่แย่ที่สุดคือประธานฟ่านกำลังคอยจับจ้องอย่างไม่ละสายตาและรอโอกาสที่จะตอบโต้กลับ
ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นคนชั้นต่ำ เขายังแอบได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ถ่ายทำมดราชินีและโพสต์รูปเบื้องหลังการทำงานของพวกเขาลงในโลกออนไลน์
การฉวยโอกาสเช่นนี้นับว่าน่ารังเกียจไม่น้อย
หลังจากนั้นประธานฟ่านยังปั่นหัวผู้คนให้เรียกร้องให้ถังหนิงออกมาขอโทษและพยายามบังคับให้เธอยุติการถ่ายทำ
เขาแทบจะทำทุกอย่างพื่อให้ถังหนิงเจ็บปวด
แน่นอนว่าสำหรับลัวเซิงและซิงหลานซึ่งได้ถูกย้ายสังกัดมาที่ไห่รุ่ย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขามากนัก ทว่าลัวอิงหงกลับไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ตารางงานในเร็วๆ นี้ของเธอหลายงานถูกยกเลิกอย่างไร้เหตุผล และต่อให้เธอไม่สืบที่มาของเรื่องก็รู้ว่าใครเป็นคนที่ได้ผลประโยชน์ทั้งหมดจากเรื่องนี้ไป
แม้กระนั้นลัวอิงหงก็ไม่ได้โทษถังหนิง เพราะถึงอย่างไรในช่วงเวลาที่เธอยากลำบาก ถังหนิงก็เป็นคนดึงเธอให้กลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง ดังนั้นต่อให้คนทั้งโลกเป็นศัตรูกับถังหนิง เธอจะไม่มีวันหันหลังให้ถังหนิงเด็ดขาด
ห้าวันต่อมา พิธีรำลึกของเฉียวเซินถูกจัดขึ้น แม้ว่าผู้คนภายนอกจะต่อว่าถังหนิง หากแต่เฉียวเซินกลับได้รับความนับถือมากขึ้น ด้วยพวกเขาคิดว่าถังหนิงทารุณกรรมเขาจนเสียชีวิต เมื่อมองย้อนกลับไปถึงทุกอย่างที่เขาเคยทำมาในอดีตก็เห็นว่าเขาสมควรได้รับความเคารพอย่างยิ่ง
นี่เป็นสิ่งที่ถังหนิงต้องการ…
คณะกรรมการผู้บริการของไห่รุ่ยไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนัก แต่หลังจากเกิดเรื่องกับผู้อำนวยการหลิน พวกเขาไม่กล้าที่ท้าทายอำนาจของโม่ถิงอีก
โม่ถิงไม่ได้ออกคำสั่งให้ไห่รุ่ยออกมาแก้ข่าวแต่อย่างใดเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่รู้ตัวว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ ต่อให้สาธารณชนจะกำลังโจมตีพวกเขาก็ตาม
“พิธีรำลึกเหรอ ถ้าเธอกล้าไปเข้าร่วมงานฉันจะทำให้ชีวิตของเธอต้องทุกข์ทรมาน!” ประธานฟ่านเอ่ยหยันขณะอ่านข่าวของเฉียวเซิน
ในขณะเดียวกันในเวลานี้หลายคนโทรมาหาไห่รุ่ย ขอให้ถังหนิงเลิกสร้างความวุ่นวายไปทั่ว…
ลู่เช่อจนปัญญากับสายโทรศัพท์พวกนี้
“ท่านประธานครับ…”
โม่ถิงแสร้งไม่ได้ยิน หลังจากเงียบอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเขาก็เงยหน้าก่อนเอ่ย “พรุ่งนี้ช่วยฉันจ้างพนักงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เพิ่มอีกสักสามสิบคน ถ้ามีใครโทรมาก็ตอบโต้คำท้วงติงของพวกเขาไปซะ”
“ยังมีรายการโทรทัศน์หลายรายการต้องการเชิญคุณผู้หญิงไปเป็นแขกด้วยครับ”
“ทั้งนายและฉันก็รู้จุดประสงค์ของพวกเขาดีนี่” โม่ถิงมองลู่เช่ออย่างเรียบเฉย “กี่ครั้งแล้วที่ฉันเคารพความต้องการของถังหนิงโดยไม่ทำอะไรเลยทั้งๆ ที่เธอถูกต่อว่าอย่างนี้ แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำตามเธอ”
“คุณกำลังจะบอกว่า…”
“เลือกรายการที่ดังที่สุด และแจ้งพวกเขาว่าหนิงตอบรับคำเชิญของพวกเขา…”
“แล้วพอถึงตอนนั้น…”
“ฉันจะไปเข้าร่วมรายการเองยังไงล่ะ” โม่ถิงตอบ
ลู่เช่อพยักหน้าและทำตามคำสั่ง
หลายคนคิดว่าถังหนิงเสียสติไปแล้วที่ประกาศเรื่องการเสียชีวิตของเฉียวเซิน เพราะเธอแทบจะกำลังพาตัวเองไปให้ถูกประณาม อย่างไรเธอก็มีทางเลือกที่จะจัดการเรื่องนี้เงียบๆ อยู่แล้ว หากแต่คนที่รู้จักเธอเข้าใจดีว่าเธอทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนของเธอ หากเธอไม่ทำเช่นนี้ เฉียวเซินคงไม่ได้รับความนับถืออย่างในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้วเขาก็คู่ควรกับความเคารพนี้ และมีเพียงการกระทำของถังหนิงเท่านั้นที่ทำให้ผู้คนรับรู้มันได้
ตลอดหลายวันต่อมา อันจื่อเฮ่าอยู่บ้านเพื่อศึกษาผลงาน ยังไม่พ้นวันที่สี่ดี ในที่สุดเขาก็ออกมาข้างนอก พอเขามาถึงกองถ่ายของมดราชินี ถึงทีมงานจะไม่ได้ยอมรับเขานัก แต่เขาก็ยังทุ่มเทอย่างเต็มที่
ถังหนิงไปกองถ่ายเป็นเพื่อนเขาและเมื่อทีมงานเห็นเธอ พวกเขาต่างบ่นระงมถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ “คนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ไปไกลเกินไปแล้ว พวกเขาใจร้ายขนาดนี้ได้ยังไงกัน”
“ใช่เลย! การตายของผู้กำกับเฉียวเซินเป็นอุบัติเหตุล้วนๆ อีกอย่างคนพวกนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขารักและตั้งใจกับหนังเรื่องนี้มากแค่ไหน”
“ตอนนี้พูดเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ฉันไม่มีแผนจะออกมาชี้แจงอะไรทั้งนั้น พวกคุณแค่ตั้งใจทุ่มเทให้สุดความสามารถ ฉันอยากมั่นใจว่าสองปีหลังจากนี้เมื่อมดราชินีออกฉาย ความทุกข์ทรมานในวันนี้จะคุ้มค่าก็พอค่ะ ฉันไม่กลัวที่จะถูกประณามแต่กลัวว่าฉันจะไม่ได้ทำตามความฝันและเจตนารมณ์ของเฉียวเซินต่างหาก ดังนั้นฉันหวังว่าทุกคนจะช่วยฉันด้วยนะคะ…”
“ไม่ต้องห่วงครับ พี่หนิง เราจะทำงานกันต่อไปเหมือนผู้กำกับเฉียวเซินยังอยู่ครับ”
“จื่อเฮ่า ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือคุณแล้วนะคะ” ถังหนิงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเขา เพียงคนเดียวในแวดวงที่เธอสามารถเชื่อใจให้ช่วยเธอในเวลาอย่างนี้ได้ อย่างไรเสียตอนนี้ผู้กำกับคนอื่นๆ ทุกคนที่เธอเคยร่วมงานมาก็กลัวที่จะติดร่างแหไปด้วย…
“ไม่ต้องห่วงน่า” อันจื่อเฮ่าตบบ่าถังหนิง
แน่นอนว่าถังหนิงไม่รู้ว่าโม่ถิงจะไปเข้าร่วมรายการแทนเธอตอนสองทุ่มในคืนนั้น ก่อนพิธีรำลึกของเฉียวเซินจะเริ่มขึ้นโดยบังเอิญ เมื่อคืนนั้นมาถึง โม่ถิงก็บอกเธอว่ามีธุระช่วงค่ำและจะกลับบ้านดึก หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้สงสัยอะไร…