ตอนที่ 959 ผมจากไปแล้วก็หวังว่าจะเห็นคุณจากไปเหมือนกันนะครับ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

เป็นเวลานานนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ถังหนิงออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยเรื่องส่วนตัว นอกจากการปรากฏตัวเพราะศิลปินของเธอ เธอไม่แม้แต่จะไปงานเฟยเทียนด้วยซ้ำ ทำไมเธอถึงได้ยอมให้สัมภาษณ์หลังเกิดเรื่องของเฉียวเซินขึ้นมา

 

 

หรือเธอตื่นขึ้นมาพบกับความจริงและรู้ตัวว่าต้องออกมาชี้แจงกัน

 

 

รายการเริ่มโหมกระพือข่าวด้วยรู้ว่าการปรากฏตัวของถังหนิงหมายถึงยอดเข้าชมที่จะพุ่งสูงทะลุเพดาน อย่างไรก็ตามโม่ถิงจงใจไม่ให้ถังหนิงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับรายการเธอจึงยังไม่ทราบเรื่องนี้

 

 

ในสายตาทุกคน ถังหนิงเกิดมาเพื่อเป็นกบฏ เธอไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อเอาใจผู้ชมและมักทำให้พวกเขาไม่พอใจอยู่บ่อยครั้ง

 

 

ทำไมเธอถึงทำตัวผิดจากความคาดหมายทุกครั้งไปกันนะ

 

 

ไม่นานในเวลาราวหนึ่งทุ่ม ถังหนิงป้อนนมลูกๆ และพาเข้านอนตามปกติ หากแต่เจ้าตัวป่วนโม่จื่อเฉิน กลับไม่ยอมหลับตานอนสักที

 

 

ถังหนิงไม่สนใจเขาขณะที่มุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อเก็บกวาดจานชามช้อมส้อม ทว่าเมื่อเธอเดินกลับมาก็เห็นเจ้าตัวยุ่งปีนขึ้นมาบนโซฟาด้วยตัวเอง

 

 

ถังหนิงกอดอกและพิงตัวเข้ากับกรอบประตู ในจังหวะที่กำลังชะเง้อคอดูว่าเจ้าตัวเล็กกำลังทำอะไรอยู่ เธอก็ได้รับสายจากหลงเจี่ย

 

 

“ถังหนิง คุณมีให้สัมภาษณ์ตอนทุ่มครึ่งนี่คะ”

 

 

“เธอหมายความว่าอะไรกัน” ถังหนิงงุนงงว่าปลายสายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

 

 

“ฉันกำลังบอกว่านายใหญ่จะไปให้สัมภาษณ์แทนคุณตอนหนึ่งทุ่มครึ่งค่ะ นี่เป็นการถ่ายทอดสด แต่ว่าเขาคงไม่ได้บอกคุณเรื่องนี้และไปที่สถานีโทรทัศน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะ” หลงเจี่ยแจง “ฉันหมายความว่าคงไม่มีสามีคนไหนจะยอมให้ภรรยาของพวกเขาถูกใส่ร้ายมาจนถึงป่านนี้หรอกค่ะ

 

 

“โดยเฉพาะคนอย่างนายใหญ่

 

 

“คุณถึงควรเลิกคิดว่าไม่เป็นไรกับการถูกรุมประณามแบบนี้ได้แล้วไงคะ คุณอาจจะไม่เจ็บปวด แต่คนอื่นต้องเจ็บปวดเพราะคุณนะคะ”

 

 

ถังหนิงมองนาฬิกาและพบว่าเป็นเวลาหนึ่งทุ่มสิบนาทีแล้ว ต่อให้เธอรีบไปตอนนี้ก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

 

 

มิน่าล่ะวันนี้โม่ถิงถึงบอกว่าเขายุ่งทั้งที่เขาไม่เคยกลับบ้านดึกเลย

 

 

“เปิดโทรทัศน์และดูการโจมตีของใบหน้าหล่อๆ ของประธานโม่เถอะค่ะ รู้สึกสบายใจจังที่ได้บอกเรื่องนี้กับคุณหลังจากปิดบังเป็นความลับอยู่หลายวัน”

 

 

ถังหนิงได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ ถือว่าเป็นความท้าทายของหลงเจี่ยจริงๆ

 

 

เมื่อเป็นเรื่องสำคัญหลงเจี่ยมักจัดการได้อย่างแนบเนียนเสมอ แต่เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนรอบตัวเธอ ยากที่เธอจะเก็บเป็นความลับได้ ดังนั้นจึงนับว่าเป็นพัฒนาการที่ดีที่เธอฝืนทนได้มาหลายวัน

 

 

ถังหนิงวางสายและเดินไปเปิดโทรทัศน์ โม่จื่อเฉินคลานมาหาแม่ของเขาและซบศีรษะบนอกด้วยท่าทางน่ารักน่าชังไม่น้อย…

 

 

 

 

เวลาหนึ่งทุ่มสิบเอ็ดนาที ที่กองถ่ายรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ผู้กำกับกำลังเหวี่ยงใส่ทีมงานของเขา

 

 

“ถังหนิงอยู่ที่ไหนล่ะ ทำไมเธอยังไม่มาถึงตอนที่รายการกำลังจะเริ่มล่ะ”

 

 

“เราติดต่อไห่รุ่ยเพื่อตามตัวถังหนิงแล้วครับ” ทีมงานคนหนึ่งอธิบาย

 

 

“ตอนนี้ทั้งโลกกำลังจับตามองถังหนิง นายทำงานให้มันดีๆ จะดีกว่านะ ทุกคนกำลังประณามเธอ ไม่จำเป็นต้องมาเกรงใจกันแล้ว

 

 

“ได้ส่งรายละเอียดการสัมภาษณ์ไปให้ถังหนิงหรือยัง”

 

 

“เรียบร้อยแล้วครับ” เขาตอบในทันที

 

 

“ยังไงก็เถอะ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ยังไงเราจะไม่ถามคำถามพวกนั้นในการสัมภาษณ์วันนี้อยู่ดี” พูดจบผู้กำกับก็วางมือเท้าเอวพร้อมมองเวลาอย่างหวั่นใจ “เธอยังไม่มาถึงที่นี่ ทำไมเธอต้องมาหลอกกันด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะไห่รุ่ย ฉันคงไล่เธอไปแล้ว

 

 

“เธอมันไม่คู่ควรกับชื่อเสียงของตัวเองชัดๆ …”

 

 

ทีมงานได้แต่ฟังอยู่เงียบๆ เขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนี้เป็นปกติ อีกทั้งพวกเขายังอยู่ใต้อำนาจของเขา ดังนั้นต่อให้ได้ยินเขาต่อว่าถังหนิงก็ไม่กล้าเปิดโปงให้คนนอกได้รู้

 

 

ทว่า…

 

 

…เมื่อหนึ่งในทีมงานเงยหน้ามองตรงไปยังประตูทางเข้า สีหน้าของเขาพลันกลับกลายไร้สี เดิมทีเขาต้องการจะเอ่ยเตือนผู้กำกับให้ระวังคำพูดของตัวเอง น่าเสียดายที่ยิ่งผู้กำกับพูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งไม่ยอมฟังใคร

 

 

“ไม่ได้แล้วนะ โทรหาเธออีกทีและบอกให้เธอรีบมาซะ จริงๆ แล้ว… ไม่สิ ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าเธอไม่มาก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้นแหละ แล้วมาดูกันว่าฉันจะพูดถึงเธอบนหน้าจอทีวีระดับประเทศยังไง”

 

 

“ผมเองก็กำลังรอดูว่าคุณจะทำยังไงอยู่ครับ” อยู่ๆ น้ำเสียงดึงดูดระคนอำมหิตดังขึ้นด้านหลังผู้กำกับ เขาหันไปมองก่อนที่หัวใจของเขาแทบจะหลุดออกมาจากอกเมื่อเห็นโม่ถิง

 

 

“ประ ประธานโม่…”

 

 

“คุณบอกว่าใครไม่คู่ควรกับชื่อเสียงตัวเองนะครับ” โม่ถิงเอ่ยถาม

 

 

แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อพร้อมสีหน้าซีดเซียว

 

 

“เป็นความผิดของผมเองที่พูดจาไม่ระวังครับ ประธานโม่อย่าถือสาเลยนะครับ”

 

 

โม่ถิงหลุดขำออกมาโดยไม่พูดอะไร ทว่าท่าทีน่าเกรงขามของเขาก็แทบทำให้ผู้กำกับคุกเข่ายอมแพ้ เพราะเสียงในหัวดังก้องบอกตัวเขาเองว่าเส้นทางการเป็นผู้กำกับของเขาคงถึงคราวจบเห่เสียแล้ว…

 

 

“คืนนี้หลังจากที่รายการจบลง และผมจากไปแล้วก็หวังว่าจะเห็นคุณจากไปเหมือนกันนะครับ”

 

 

เมื่อพูดจบ โม่ถิงหันก็ไปทางทีมงานคนอื่นๆ และเอ่ย “วันนี้ถังหนิงไม่ค่อยสบายเธอเลยมาร่วมสัมภาษณ์ไม่ได้ แต่ในฐานะผู้จัดการของเธอ ผมจะให้สัมภาษณ์แทนเธอเองครับ…

 

 

“พวกคุณจะถามอะไรก็ได้ที่ต้องการภายใต้เงื่อนไขเดียว ถ้าคำถามข้อใดข้อหนึ่งมาจากคำถามที่คุณส่งให้ก่อนหน้านี้ ผมจะทำให้พวกคุณหายไปจากวงการซะ ได้ยินว่าพวกคุณชอบถามคำถามเจ้าเล่ห์นี่ครับ เอาเลยสิ…”

 

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าโม่ถิงจะมาปรากฏตัวด้วยตัวเอง

 

 

ในขณะที่ไม่รู้ว่าถังหนิงอยู่ที่ไหน

 

 

ทีมงานออกอาการหวาดกลัว โดยเฉพาะพิธีกรรายการ มือที่ถือบทพูดอยู่เริ่มสั่นเทาพร้อมเสื้อที่ชุ่มเหงื่อขณะที่มองโม่ถิง

 

 

เวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง การสัมภาษณ์ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ

 

 

เมื่อทุกคนเห็นโม่ถิงบนหน้าจอ ก๋ต่างตกตะลึงแต่ในจังหวะถัดมาก็ยอมรับได้อย่างรวดเร็ว

 

 

พวกเขาทั้งผิดหวังและไม่แปลกใจในเวลาเดียวกัน

 

 

อย่างไรเสียทุกครั้งที่คู่รักโม่คนใดคนหนึ่งปรากฏตัวก็เป็นการรับประกันได้ว่าพวกเขาจะได้ชมการแสดงเด็ดๆ เพราะคำตอบของพวกเขามักน่าทึ่งเสมอ

 

 

และการปรากฏตัวของโม่ถิงทำให้เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อปกป้องถังหนิง

 

 

พิธีกรเหงื่อแตกพลั่กแม้จะพยายามที่จะเก็นซ่อนไว้อย่างถึงที่สุดแล้วก็ตาม การพูดเปิดรายการของเธอไม่ลื่นไหลเช่นกัน บางทีนี่อาจเป็นช่วงที่เครียดที่สุดในการทำงานของเธอก็เป็นได้ ถึงอย่างไรคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายใหญ่แห่งวงการบันเทิง

 

 

อีกทั้งโม่ถิงยังขึ้นชื่อเรื่องการรับมือยากเสียด้วย

 

 

ทุกรายการต่างมีการเตรียมแผนล่วงหน้าเอาไว้ ไม่เว้นแม้แต่รายการถ่ายทอดสด หากแต่โม่ถิงได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วและพิธีกรก็ยังไม่พร้อมแต่อย่างใด…

 

 

มันแทบจะเป็นการสัมภาษณ์สดๆ ด้วยซ้ำ

 

 

พิธีกรไม่ได้รับอนุญาตให้ถามคำถามที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้…

 

 

หลังผ่านบทสนทนาเบาๆ ไปไม่กี่นาที ประธานโม่ก็ปรายตามองไปทางพิธีกรคล้ายจะบอกว่าให้เธอพูดเข้าเรื่องเสียที

 

 

แม้แต่ผู้ชมยังเริ่มอดรนทนไม่ไหว

 

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากผู้ชม ในที่สุดพิธีกรก็ปลงในใจและปล่อยวางเรื่องทั้งหมด…

 

 

อย่างไรเธอก็ไม่มั่นใจว่าจะรักษาหน้าที่การงานของเธอไว้ได้อยู่แล้ว!