บทที่ 434

บทที่ 434

เมื่อเห็นค้อนขนาดใหญ่ของจ้านหูกำลังพุ่งตรงเข้ามา ฮ่าวจ้าวก็สติแตก เขาต้องการที่จะหลบ แต่เท้าของเขาติด ดังนั้นจึงสายเกินไปที่จะสลัดเท้าออกและหลบหนีไป

ขณะที่ฮ่าวจ้าวกำลังจะตายภายใต้ค้อนของจ้านหู แสงสีทองก็พลันพุ่งเข้ามาใส่จ้านหูจากมุมอับสายตา

แสงสีทองรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ชั่วพริบตามันก็มาถึงลำคอของชายร่างยักษ์แล้ว ทว่าปฏิกิริยาของจ้านหูก็ถือว่าเร็วพอตัว เขาสามารถบิดเอวและใช้กำลังทั้งหมดขยับศีรษะไปด้านข้างได้ทัน !

ด้วยความแข็งแกร่งของค้อนปราณ ร่างกายของม้าศึกธรรมดาจะต้านทานมันได้อย่างไร ? หลังจากสิ้นเสียงเสียดอากาศ ร่างม้าที่ถูกทุบก็พลันกลายเป็นฝนโลหิต ส่วนฮ่าวจ้าวก็กระเด็นออกไปหลายจั้ง

“นั่นใคร ?” หลังจากค้อนพลาดเป้าไป จ้านหูก็ไม่ได้ไล่ตามต่อ หากแต่กลับมองไปยังต้นทางของแสงสีทองแทน

ร่างทั้งร่างของอีกฝ่ายปกคลุมด้วยเกราะสีทองตั้งแต่หมวกเกราะจนถึงรองเท้า ทำให้คนผู้นั้นเด่นออกมาจากกลุ่มทหารรอบข้าง…

ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่าอีกฝ่ายถือธนูยาวสีทองที่ปราศจากสาย ทำให้มันเหมือนกับแท่งทองที่ถูกบิดงอจนเป็นรูปร่าง ส่วนปลายทั้งสองข้างของคันธนูแหลมคมคล้ายหอก และด้านข้างก็คมบางราวกับใบมีด ขณะที่แผ่นหลังของเขามีลูกศรสีทองหลายลูกที่มีรูปร่างและขนาดหลายแบบ

แสงสีทองก่อนหน้าคงจะถูกยิงออกมาจากเขาอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่จ้านหูสงสัยคือธนูที่ไม่มีสายนั้นจะยิงธนูออกมาได้อย่างไร ?

“เจี๋ยนฟาน!” แม่ทัพเกราะทองคำแห่งกองทัพเปิงแนะนำตัวอย่างเรียบง่าย ก่อนจะปรากฏหมอกคำขึ้นรอบตัวทำให้เกราะทองกลายเป็นเกราะปราณสีดำ เช่นเดียวกับคันธนูสีทองในมือของเขาที่รวมเข้ากับหมอกดำจนกลายเป็นธนูปราณที่ส่องแสงสีหม่นหมองจาง ๆ ออกมา

ก่อนที่จ้านหูจะได้ทันพูดอะไร ร่างของแม่ทัพแคว้นเปิงผู้นั้นก็พลันหายไป กระทั่งมาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ข้างฮ่าวจ้าวแล้วยื่นมือออกไปดึงเขาขึ้นจากพื้น จากนั้นจึงพูดอย่างเฉยเมย “ตอนนี้ถอยกันก่อน !”

ตอนนี้ฮ่าวจ้าวเรียกได้ว่าหมดสภาพอย่างสมบูรณ์ เขามองเจี๋ยนฟานที่อยู่ตรงหน้าและหันมองไปที่จ้านหูซึ่งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะพยักหน้าด้วยใบหน้าแดง ๆ และพูดเบา ๆ “อย่าประมาทเชียวนะ !”

เจี๋ยนฟานพยักหน้ารับและพูดเบา ๆ ว่า “ข้ารู้”

….จากน้ำเสียงที่สงบนิ่งนั่น มันคงยากที่จะบอกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อฮ่าวจ้าวถอยกลับไปได้แล้ว เจี๋ยนฟานก็พลันยืดตัวตรงขึ้นเผชิญหน้ากับจ้านหู ในขณะเดียวกันเขาก็ค่อย ๆ ยกธนูขึ้นมา

จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันก็ทำให้จ้านหูรู้แน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดอย่างแน่นอน แถมยังสามารถใช้วิชาขั้นสูงได้ด้วย !!

และแม้ว่าจ้านหูจะตกใจ แต่เขาก็ไม่กลัวเลย ทำให้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทียั่วยุ เขาก็พลันร้องคำรามลั่นพร้อมกับลากค้อนขณะพุ่งเข้าหาเจี๋ยนฟานในฉับพลันนั้น !!

ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าใกล้ ร่างของเจี๋ยนฟานก็พลันหายไป ก่อนที่จะมาปรากฏขึ้นข้างหลังและใช้คันธนูในมือแทงเข้าที่แผ่นหลังของจ้านหูอย่างแรง !!

ปลายทั้งสองข้างของธนูทองคำสีม่วงนั้นคมตั้งแต่แรก เมื่อกลายเป็นอาวุธปราณ ประสิทธิภาพของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหอกเลยแม้แต่น้อย ถ้าโดนจัง ๆ แม้แต่เกราะปราณของจ้านหูก็คงต้านเอาไว้ไม่อยู่ อย่างไรก็ตามเขาก็เองได้เตรียมพร้อมแล้ว !!

ด้วยการบิดตัวเพียงคราเดียว จ้านหูก็สามารถหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย โดยในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ได้กวาดค้อนยักษ์ในมือออกไปด้วยเช่นกัน !!

ความเร็วของเขาเมื่อเทียบกับเจี๋ยนฟานแล้วยังถือไม่เร็วพอ ดังนั้นค้อนจึงพลาดเป้าไป ด้วยถูกเบี่ยงทิศจากคันธนูทองคำสีหม่นจนเกิดเสียงแสบแก้วหูออกมา ทว่าจ้านหูหาได้สนใจไม่ เขาเหวี่ยงค้อนด้วยมือทั้งสองข้างกวาดขึ้นลงซ้ำอีกครา

ค้อนขนาดใหญ่ที่เหวี่ยงออกมาทุบลงบนคันธนูจนมันกระเด็นไป 2 จั้ง ทำให้จ้านหูคิดว่าตนชนะแน่แล้ว ทว่าเจี๋ยนฟานกลับเพียงสะบัดข้อมือของเขา ทำให้ลูกศรสีทองที่ถูกย้อมดำปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่จะกระโดดขึ้นคว้าคันศร และยิงเส้นแสงดำทมิฬพุ่งเข้าหาจ้านหูภายในชั่วพริบตาเดียวกันนั้น !!

แม้ว่ามันจะฟังดูช้า แต่ก็เร็วมากจริง ๆ การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเจี๋ยนฟานเสร็จสิ้นในพริบตาในขณะที่เขายังอยู่ในอากาศ

ตู้มมมม !

ความเร็วของเส้นแสงมากเกินกว่าที่สายตาของมนุษย์จะมองได้ทัน ดังนั้นแล้วจ้านหูจึงไม่อาจทำอะไรได้ เขาได้แต่พยายามเบี่ยงเท่าที่จะเป็นไปได้…

กร๊อบ ! เปรี้ยะ !

เกราะปราณส่วนไหล่ของจ้านหูแตกเป็นเสี่ยง ๆ หากแต่ความเร็วของเส้นแสงไม่ได้ชะลอตัวลงเลย มันแทงลึกเข้าไปในเนื้อของจ้านหูทะลุไหล่ไป

ร่างยักษ์ของจ้านหูถูกตรึงเอาไว้กับพื้นด้วยเส้นแสงสีดำ

เจี๋ยนฟานลงยืนที่พื้นอย่างสบาย ๆ ก่อนจะทำการเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมาว่า “จงตายซะเถอะ !” จากนั้นจึงปล่อยลูกศรแสงอีกสายออกไป ซึ่งคราวนี้เขาเล็งที่คอของจ้านหู …ด้วยหมายที่จะปลิดชีพ !!

ถึงจ้านหูจะบาดเจ็บเป็นแผลฉกรรจ์ แต่เขาก็ไม่คิดแพ้ !!! ชายร่างใหญ่พยายามรวบรวมกำลังทั้งหมด ก่อนจะเหวี่ยงค้อนทุบไปที่เจี๋ยนฟานด้วยมือข้างเดียว !!

จ้านหูต้องการต่อสู้ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย แต่เจี๋ยนฟานไม่ต้องการต่อสู้กับเขา ทำให้เมื่อตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ในพริบตานั้นเขาจึงใช้สลับเงาเคลื่อนไปข้างหลังจ้านหูและแทงธนูลงที่ด้านหลังคอของอีกฝ่ายในทันที !

จ้านหูที่นั่งอยู่บนพื้นไม่สามารถหันกลับมาได้ จึงได้แต่กลิ้งไปบนพื้นเพื่อออกจากระยะการโจมตีของศัตรู ทว่าในจังหวะนั้นเอง เขากลับได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนจากด้านหลังว่า “ไอ้พวกสวะ เอาชีวิตของแกมาซะ !”

ที่แท้ก็เป็นหยวนยู่ที่คำรามลั่นแล้วกระตุ้นม้าของเขาให้รีบวิ่งไป ก่อนที่ชายเลือดร้อนจะส่งคลื่นปราณกวาดไปข้างหน้า ปล่อยให้มันพุ่งตรงเข้าหาศีรษะของเจี๋ยนฟานจากด้านหลัง !

เมื่อเจี๋ยนฟานสัมผัสได้ถึงกระแสลมที่ผิดปกติ เขาก็พลันเปลี่ยนใจไม่คิดโจมตีอีก หากแต่กลับเร่งใช้สลับเงาก้าวไถลกลับออกมาแทน

ฟุ่บ !

หยวนยู่ปล่อยให้คลื่นปราณที่ปล่อยออกมากวาดหมอกดำที่ไม่สลายไป ก่อนจะคว้าโอกาสที่เจี๋ยนฟานหลบเร่งให้ม้าพุ่งไปข้างหน้า และเมื่อเห็นว่าบาดแผลของจ้านหูไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตเขาก็ดูผ่อนคลายลง จากนั้นจึงไล่ตามเจี๋ยนฟานต่อโดยไม่พูดอะไร

ในขณะที่หยวนยู่เข้าใกล้เจี๋ยนฟาน ดาบในมือเขาก็พลันตวัดไปข้างหน้า ก่อให้เกิดเป็นกระแสลมพุ่งเข้าหาเจี๋ยนฟาน !!!

เพียงแค่ปราณแห่งความมืดเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่สามารถที่จะใช้ต่อกรกับพลังปราณแสงที่กำลังโจมตีเข้ามาได้ ดังนั้นเจี๋ยนฟานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสลับเงาถอยออกจากระยะการโจมตีของคู่ต่อสู้ แต่ในจังหวะที่เขาปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง การโจมตีของหยวนยู่ก็พลันตามมาอีกระลอก ทำให้เจี๋ยนฟานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสลับเงาหนีต่อไปเรื่อย ๆ

มาคราวนี้เจี๋ยนฟานได้แต่หลบจากซ้ายไปขวา เขาไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าหยวนยู่สามารถคุมสถานการณ์เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ !!

จ้านหูได้รับบาดเจ็บแล้ว และเมื่อเห็นว่าหยวนยู่ไม่ไล่ตามต่อ เจี๋ยนฟานก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจึงเร่งถอยกลับเข้าเมืองไปในทันที…

ด้านข้างของแนวกองทัพ หลังจากเห็นถังหยินแล้ว จ้านหูก็พลันคุกเข่าลงและพูดว่า “นายท่าน ข้าล้มเหลว ข้ายินดีที่จะรับโทษ…!”

ถังหยินขมวดคิ้ว เขาโบกมือและพูดว่า “ยืนขึ้นซะ !” ในขณะที่พูดเขาก็ได้โน้มตัวไปข้างหน้าจากบนหลังม้าและถามด้วยความกังวล “แผลนั่นอาการเป็นอย่างไรบ้าง ?”

จ้านหูมองไปที่ไหล่ของตนในเวลานี้ และพบว่าปราณทมิฬบนลูกศรหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงหัวลูกศรสีทองที่มีฟันหนามสองแถว ดังนั้นแล้วจ้านหูจึงส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ได้ลึกถึงกระดูก แต่แผลฉกรรจ์มากขอรับ”

“โอ้ !” ถังหยินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและส่ายหัว “กลับไปรักษาก่อน อย่าชักช้าอยู่เลย”

“ขอรับท่าน !” หลังจากพ่ายแพ้ จ้านหูก็รู้สึกท้อแท้ยิ่งนัก ซึ่งตัวถังหยินก็ดูจะข้าใจอารมณ์ของจ้านหูได้เป็นอย่างดี เขาจึงยิ้มให้แล้วพูดว่า “ชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดา นี่มันเป็นเพียงความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น …เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากไป ส่วนครั้งหน้าก็จงระวังตนให้มากกว่านี้ !!”

คำพูดของชายหนุ่มทำให้ใบหน้าของจ้านหูดีขึ้นในชั่วพริบตา “ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะขอรับ !”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นหน่อยแล้ว ถังหยินจึงโบกมือสั่งทหารยามให้ไปส่งจ้านหูกลับไปที่ค่ายเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

หลังจากที่จ้านหูหายจากไปสายตา เขาก็พลันหันกลับไปมองที่สนามรบทันทีด้วยความสนใจ

แน่นอนถังหยินจะไม่ปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป เขาไม่กังวลว่าหยวนยู่จะไม่ชนะ แต่กำลังคิดว่าถ้าหากเป็นตนเองเล่า จะสามารถรับมือกับหยวนยู่ได้หรือไม่ ?

พลังปราณของเจี๋ยนฟานไม่สูงเท่ากับเขา ดังนั้นถ้ามาถึงจุดหนึ่งที่ปราณในร่างหมดลง อีกฝ่ายก็คงทำได้เพียงหลบในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะไปถึงจุดที่ถูกไล่ตอนและโดนฆ่าในท้ายที่สุด

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังคิดเช่นนั้น เจี๋ยนฟานในสนามรบเองก็ดูเหมือนจะตระหนักได้ว่าตนไม่สามารถดำเนินต่อไปเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงตะโกนลั่น ก่อนจะใช้สลับเงาเพื่อหลบออกไปเป็นระยะทางกว่า 3 จั้ง จากนั้นจึงดึงลูกศรสีทองออกมา 2 ดอกอย่างรวดเร็ว …แล้วจึงเล็งไปที่หยวนยู่ พร้อมกับทำการยิงออกไปในชั่วอึดใจถัดไป !!!