บทที่ 206 ความจริงถูกเปิดเผยจุดประสงค์ของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดี!

จอมบงการเทพยุทธ์

บทที่ 206 ความจริงถูกเปิดเผยจุดประสงค์ของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดี!

เดิมที หลังจากจอมจักรพรรดิสวรรค์และคนอื่นๆพิสูจน์เส้นทางที่ถูกต้องได้แล้วเขตต้องห้าม

ในจักรวาลก็เกือบจะถูกกําจัดจนหมดสิ้น

มียอดยุทธ์สูงสุดโบราณเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงอาศัยอยู่ในเขตต้องห้ามและไม่สามารถคุกคามได้เลย

แต่ตอนนี้หลังจากพลังแห่งความมืดเหล่านั้นแพร่กระจายออกไปจากยมโลกยอดยุทธ์สูงสุด

โบราณที่เหลืออยู่ก็ได้รับพลังจากความมืดครอบงําและสูญเสียตัวเองไป

ในพลังที่เปี่ยมไปด้วยความมืดมิดและความน่าสะพรึงกลัวในขณะเดียวกันก็มีพลังที่ไม่มีใครเทียบได้ซึ่งเป็นพลังที่สามารถทําให้ผู้คนเป็นนิรันดร์ได้

เป็นเพราะสิ่งเหล่านี้จึงทําให้จอมยุทธ์ระดับสุดยอดเหล่านี้สูญเสียตัวตนอย่างรวดเร็วสุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาต้องการมาตลอดชีวิตก็คือการเป็นนิรันดร์

และตอนนี้มีพลังเช่นนั้นอยู่ต่อหน้าเขาการหลอมรวมเข้ากับมันจะไม่เพียงแต่ได้รับพลังอันทรงอํานาจอย่างหาที่เปรียบมิได้แต่ยังได้รับอายุขัยที่ยืนยาวตามที่พวกเขาใฝ่ฝันมานานอีกด้วยเมื่อโอกาสดังกล่าวอยู่ตรงหน้ายอดยุทธ์สูงสุดโบราณเหล่านี้จะยอมแพ้ได้อย่างไร?

ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีแม้แต่การต่อต้านใดๆพวกเขาได้กลายเป็นตัวแทนของพลังแห่งความมืดและกลายเป็นยอดยุทธ์สูงสุดแห่งความมืด

จากนั้น ภายใต้การชี้นําของพลังนี้ยอดยุทธ์สูงสุดแห่งความมืดเหล่านี้เริ่มสร้างความหายนะในจักรวาลทําลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นเครื่องสังเวยสู่ความมืด

เช่นเดียวกับกองกระดูกสีขาวในดินแดนโบราณหลังจากที่เลือดสองหยดตกลงสู่จักรวาลนี้ในอดีตและหลังจากที่ทั้งสองได้ถูกพลังจากความมืดกลืนกินในช่วงเวลาของสงครามครั้งใหญ่ของพวกเขาสองคน

นี่เป็นหายนะและความโกลาหลที่ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งจักรวาล และเกินกว่าความโกลาหลที่มืดมนก่อนหน้านี้

มรดกถูกกําจัดเผ่าพันธุ์ถูกทําลายไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตจํานวนมากเท่าใดที่ล้มลงและดวงดาวแห่งชีวิตโบราณจํานวนมากถูกบดขยี้จนกลายเป็นความรกร้าง…

แม้ว่าในที่สุดอู๋จื่อและคนอื่นๆจะมาถึงและได้กําราบความโกลาหลของยอดยุทธ์สูงสุดแห่งความมืดเหล่านี้แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด
และยอดยุทธ์สูงสุดแห่งความมืดเหล่านี้ หลังจากได้รับพลังจากความมืดพลังการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเหนือกว่าเขตแดนจอมยุทธ์ระดับสุดยอดอย่างเห็นได้ชัด

จอมจักรพรรดิสวรรค์จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญและคนอื่นๆในตอนที่พวกเขาต้านทานพลังแห่งความมืดพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้พวกเขากําลังจะทําลายล้างยอดยุทธ์สูงสุด

แห่งความมืดเหล่านี้พวกเขาจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นไปอีก

ในที่สุด เมื่อภัยพิบัติทั้งหมดสงบลง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาล ไม่ใช่เพียงหนึ่งในร้อยเกือบจะประสบกับการทําลายล้างครั้งใหญ่

สําหรับกองกําลังและมรดกโบราณเหล่านั้นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณเกือบทั้งหมดถูกฝังอยู่ในความโกลาหลนี้

“ความทรงจําอันมืดมิดนี้ไม่ควรมีอยู่ในจิตใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วมันจะ

กลายเป็นความเสียใจของทุกเผ่าพันธุ์ที่ยากจะลืมเลือน”

เมื่อมองไปที่จักรวาลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างหาที่เปรียบมิได้ จอมจักรพรรดิสวรรค์ก็ถอนหายใจ

“ตอนนี้จักรวาลทั้งหมดเกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ขอเพียงแค่ฝังประวัติศาสตร์ที่เปี่ยมไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวและความมืดนี้ วิถีของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะเปิดขึ้นใหม่”อู๋จื่อพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา

จากนั้น จอมจักรพรรดิสวรรค์และคนอื่นๆ ได้ลากศพไปฝัง จัดการกับเบาะแสและความทรงจําทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความมืดในจักรวาลลง”

หลังจากจัดการทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น ทั้งสามก็กลับมารวมกัน

“เจ้าจะทําอย่างไรต่อไป?”

“ข้าจะไปที่แดนนิรันดร์ เพื่อสํารวจต้นกําเนิดของความมืดที่แท้จริง และทําให้ทุกอย่างสงบ
“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปด้วย”

จอมจักรพรรดิอู๋จื่อและจอมจักรพรรดิสวรรค์ทั้งคู่ตัดสินใจไปที่แดนนิรันดร์และสุดท้ายจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็เลือกที่จะอยู่ต่อไม่ว่าอย่างไรทุกสิ่งที่นางทําก็ไม่ใช่เพื่อที่จะเป็นนิรันดร์แต่เพื่อรอใครสักคนกลับมายังโลกมนุษย์

“จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีไม่น่าจะอยู่ในจักรวาลนี้บางทีเขาอาจไปที่แดนนิรันดร์ในตํานานแล้วและถ้าเจ้าไปกับพวกข้าบางทีโอกาสที่จะเจออาจจะสูงขึ้นก็ได้”

จอมจักรพรรดิสวรรค์อดไม่ได้ที่จะพูดกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ

“ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องกลับมา”

เมื่อเผชิญกับค่าเชิญของจอมจักรพรรดิสวรรค์จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญยังคงปฏิเสธ “เอาเถอะเจ้าก็รอเขาอยู่ในจักรวาลนี้และพวกข้าจะไปที่แดนนิรันดร์เพื่อค้นหาเขา:ข้ามีคําถามมากมายและต้องการถามจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีเพื่อตอบข้อสงสัยให้ข้าด้วย”
ในที่สุดทั้งสามก็ร่วมกันเปิดประตูสู่แดนนิรันดร์

จอมจักรพรรดิอู๋จื่อและจอมจักรพรรดิสวรรค์เข้าสู่แดนนิรันดร์ มีเพียงจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในจักรวาล

เมื่อมาถึงตอนนี้ ม้วนภาพที่ผู้โดดเดี่ยวแสดงให้จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญรับชมก็สิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน

“เจ้าจําได้หรือไม่?”

ผู้โดดเดี่ยวกล่าวกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

“ตอนนี้ ข้าเหลือเพียงค่าถามสุดท้าย”

จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญมองไปทางผู้โดดเดี่ยวด้วยดวงตาคู่งามที่ไม่มีใครเทียบได้ของนาง

“จ้าวแห่งเกาะสุขาวดี พี่ชายของข้า… เขาคือใคร?”

นี่คือค่าถามที่ตามหลอกหลอนจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ

เมื่อหลายล้านปีก่อนนางไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้

หลายล้านปีต่อมา เมื่อนางรวมเข้ากับจิตแห่งเต๋าของนางแล้ว ประกอบกับประสบการณ์จากการลงมาจากเขตต้องห้ามสุขาวดีที่ผ่านมา นางจึงได้รู้ทั้งหมดนี้

ในตอนแรก นางยังถามคําถามนี้กับจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีแต่อีกฝ่ายขอให้นางไปที่จุดสิ้นสุดของเส้นทางยมโลกเพื่อหาคำตอบ

วันนี้นางได้พบค่าตอบบางอย่างแล้ว

แต่ก็ไม่ชัดเจนทั้งหมด

เมื่อหลายล้านปีก่อน เหตุใดจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีจึงจัดเตรียมทั้งหมดนี้ไว้?

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเกรงว่าแค่เพียงพริบตาเขาอาจจะสามารถช่วยผู้โดดเดี่ยวสงบ

ความโกลาหลอันมืดมิดนี้โดยที่พวกเขาไม่ต้องใช้พลังเลย

แต่ตอนนี้เขาท่าเพียงแอบส่งเสริมการเติบโตของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆของพิภพมากนัก
และยิ่งไปกว่านั้นเขามาจากที่ไหนกันแน่?

จักรวาลนี้ ตัวตนที่ทรงอํานาจเช่นนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้!

“จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีอา… ทั้งหมดที่ข้าสามารถพูดได้ก็คือเขามีพลังที่เหนือจินตนาการของข้าเป็นอย่างมาก”

ผู้โดดเดี่ยวกล่าวอย่างใจเย็น

“ข้าเคยพบเขาครั้งหนึ่งข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาจากที่ไหนและความจริงแล้วจ้าวแห่งเกาะ

สุขาวดีได้จากไปแล้วเมื่อหลายล้านปีก่อน”

“อะไรนะ? หลายล้านปีก่อนจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีจากไปแล้วงั้นรึ?”

จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญอดไม่ได้ที่จะตกใจ

ถ้าจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีจากไปเมื่อหลายล้านปีก่อน แล้วตอนนี้จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีที่อยู่ในจักรวาลนี้คือใครกัน?

“สิ่งที่เจ้าเห็นตอนนี้ น่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสัมผัสวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เขาทิ้งไว้”

ผู้โดดเดี่ยวอธิบาย

“ตัวจริงของเขา ได้จากจักรวาลนี้ไปนานแล้วสําหรับจุดประสงค์ของสัมผัสวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาสําหรับเจ้า

ในการเปิดแดนนิรันดร์ ต้องใช้เซียนส่องโลกาสามคนเพื่อเปิด

และบัดนี้สหายของเจ้าได้จากไปแล้วหากจักรวาลนี้ต้องการให้กําเนิดเซียนส่องโลกาอีกสองคนก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนหรือแม้กระทั่งเป็นไปไม่ได้เลย

จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีได้ทิ้งสัมผัสวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้เพื่อเปิดแดนนิรันดร์สําหรับเจ้าเพื่อให้เจ้าเข้าสู่แดนนิรันดร์

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งนี่คือความหมายของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีเขาต้องการให้เจ้าเข้าสู่แดนนิรันดร์”

PS: วันนี้มาแต่หัววันยังมีอีกตอนเวลาเดิมหนึ่งทุ่ม