บทที่ 275
น้ำกระเพื่อมจนเป็นคลื่น

ลู่ฝานใช้อีกเท้าก้าวออกมา ยืนอยู่บนผิวน้ำ

เหมือนหินหล่นลงไปในน้ำ จนทำให้น้ำกระเพื่อมออกไปเป็นวงกว้าง

ลู่ฝานยืนตระหง่านบนผิวน้ำ พลังฟ้าดินบริเวณรอบๆ เริ่มเคลื่อนไหวอย่างประหลาด

เกิดกระแสน้ำวนบนผิวน้ำ มีพลังสีทองเคลื่อนไหวอยู่รอบๆ

แววตาท่านผอ.เป็นประกาย พูดออกมาติดต่อกันสามครั้ง

“ดี ดี ดี!”

ฝีเท้าของลู่ฝานมั่นคง ก้าวไปกลางทะเลสาบ

การที่เรียกว่าเขตวิถี สิ่งสำคัญคือวิถีด้านในนั้น

ลู่ฝานสัมผัสได้ถึงความมีชีวิต ในเขตวิถีแฝงไปด้วยพลังไม่มีที่สิ้นสุด

ยิ่งใหญ่ ล้ำลึก ลึกลับเป็นอย่างมาก

แม้เขามองเห็นจากรูเล็กๆ แต่ทำให้เขตวิถีไม่ผลักดันเขาออกมาอีก

ไม่รู้เป็นเขตวิถีที่ใครทิ้งไว้ ลู่ฝานอดจินตนาการไม่ได้ พลังของคนคนนั้น จะน่ากลัวและแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ

มองเพียงด้านเดียวก็เป็นที่ประจักษ์

ลู่ฝานเดินไปอย่างเงียบๆ พยายามทำให้ตัวมั่นคง ทำให้ออร่าของตัวเองและเขตวิถีผสานกัน

นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าผิดพลาดเพียงนิดเดียว เขาจะโดนเขตวิถีขจัดออกไปอีกครั้ง

180 ก้าว ลู่ฝานเดินมาถึงกลางทะเลสาบ เหยียบลงบนเรือลำเล็ก

ตอนเท้าสัมผัสลงบนเรือ แรงกดดันทั้งหมดหายไป

เหมือนเขตวิถีไม่มีอยู่อีกแล้ว ทุกอย่างกลับมาว่างเปล่า กลายเป็นทะเลสาบอันนิ่งสงบ

ท่านผอ.อมยิ้มมองลู่ฝาน

“นายเป็นนักเรียนคนแรกที่ขึ้นมาบนเรือได้ นายไม่เลวเลย ฉันสามารถเห็นวันที่นายอยู่จุดสูงสุดของประเทศอู่อานแล้ว”

ลู่ฝานพรูลมหายใจออกมา เห็นร่างโปร่งแสงของท่านผอ.ด้านหน้า สายตาดูแปลกประหลาด แต่ก็ตอบกลับไปว่า “ท่านผอ.ชมเกินไปแล้ว”

ท่านผอ.ยื่นมือมาด้านหน้าลู่ฝาน ตบไหล่ลู่ฝานเบาๆ

แต่ลู่ฝานเห็นเพียงมือของท่านผอ.ขยับสองครั้ง ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย

“ไม่ต้องแปลกใจหรอก สิ่งที่นายเห็นคือพลังปราณแยกร่างของฉันเท่านั้น จึงไม่มีรูปร่าง”

ลู่ฝานสีหน้าตกใจ “แยกร่างเหรอครับ ท่านผอ.ไปที่ไกลแสนไกลเหรอครับ”

ท่านผอ.หัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ได้ไปไกลหรอก แต่ฉันอยู่ที่ไกลอยู่แล้ว ตัวฉันที่อยู่ในสถาบันสอนวิชาบู๊ 2-3 ปีมานี้ คือร่างแยกของฉัน แค่มองจากด้านนอก ดูเป็นรูปร่างสมจริงเท่านั้น แต่เมื่ออยู่ที่นี่ จะแสดงให้เห็นรูปร่างเดิม”

ลู่ฝานยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ ท่านผอ.สถาบันสอนวิชาบู๊ มีร่างแยกด้วย

ไม่รอให้ลู่ฝานหายตกใจ ท่านผอ.พูดว่า “ร่างจริงของฉัน ตอนนี้เมืองอู่ผิง เมืองหลวงของประเทศอู่อาน รอให้นายเข้าร่วมการแข่งขันนานาประเทศ สามารถมาหาฉันได้ด้วย ตอนนี้นายมีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว นายเอาอันนี้ไว้”

ท่านผอ.สะบัดมือ มีแสงร่วงลงมา ฝ่ามือของลู่ฝานมีคำว่าเทียนปรากฏขึ้นมา

ดูมีพลังและดุดัน ท่านผอ.พูดว่า “จำไว้ว่าหลังมาเมืองหลวง มาหาฉันที่ตระกูลเทียน”

ลู่ฝานโค้งคำนับ เมืองหลวงประเทศอู่อานเป็นอย่างไร ว่ากันว่านักบู๊ที่นั่น คนเฝ้าประตูมีผลการฝึกตนอย่างน้อยแดนปราณนอก ตระกูลเทียนที่ท่านผอ.พูดถึง ลู่ฝานไม่รู้ แต่คงเป็นตระกูลบู๊อย่างแท้จริงแน่นอน

“ท่านผอ. การแข่งขันนานาประเทศคืออะไร”

ท่านผอ.พูดว่า “เป็นการแข่งผลการฝึกตนของพวกมีความสามารถอายุน้อยของทุกประเทศ เป็นสถานที่ให้ยอดฝีมือเลือกผู้สืบทอด เรื่องนี้นายกลับไปถามอาจารย์นายก็ได้ ลู่ฝาน ตอนนี้ฉันจะถามนาย 2-3 คำถาม นายต้องตอบตามความจริง”

ลู่ฝานพยักหน้าเบาๆ

ท่านผอ.พูดว่า “ก่อนอื่นบอกฉันมาว่า นายทำความเข้าใจอะไรได้จากเขตวิถีของฉัน”

ลู่ฝานตอบอย่างมั่นใจ “ทุกวิถีเพื่อเป็น!”

แววตาท่านผอ.เป็นประกาย

“ดี ทำความเข้าใจได้ นายจะลดการฝึกฝนไปได้ร้อยปี ฉันจะบอกนายอีกประโยค การฝึกวิถีบู๊เพื่ออยู่ เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้า เป็นอมตะกับดิน แต่การฝึกวิถีบู๊ก็เพื่อตายได้เช่นกัน เมื่อเลือดร้อน เมื่อมีโลกีย์ จุดระหว่างความเป็นตาย ความเป็นความตายวนเวียน งอกงามอย่างต่อเนื่อง”

ลู่ฝานพูดพึมพำประโยคเหล่านี้อยู่ 2-3 รอบ แม้ตอนนี้ยังไม่เข้าใจ แต่เขาพยายามจำคำพูดนี้เอาไว้ในสมอง

ท่านผอ.ยิ่งมองลู่ฝานยิ่งถูกใจ มีพรสวรรค์ มีความยโส มีความสุขุมและใจเย็น จู่ๆ ท่านผอ.มีความคิดอยากรับศิษย์ขึ้นมา

แต่ท่านผอ.หยุดความคิดนี้ไว้ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา

ท่านผอ.ชะงักไป แล้วถามว่า “คำถามที่ 2 บอกฉันมา ทำไมนายถึงทำให้เครื่องรางของผู้ฝึกชี่เชื่อฟังนายได้”