ตอนที่ 644

Elixir Supplier

644 ความสัมพันธ์

 

“ใช้ยาที่ดีที่สุดได้เลยนะ” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“แน่นอนครับ” แพทย์พูด

 

ผู้อำนวยการใหญ่ของโรงพยาบาลเดินเข้ามาหาพวกเขา ซุนเจิ้งหรงคุยกับพวกเขาต่อสักพัก ก่อนที่จะกลับไป

 

ระหว่างทางกลับ เขามองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ และไม่พูดอะไรเลยเป็นเวลานาน แล้วในที่สุดเขาก็พูดขึ้นมาว่า “เพิ่มคนให้หยุนเชิงอีกสอง”

 

“ครับ” อาหาวพูด “นายท่าน เราพานายน้อยออกไปจากเมืองเพื่อเลี่ยงอันตรายดีไหมครับ?”

 

“ที่ไหนล่ะ? ที่หมู่บ้านกลางเขาน่ะเหรอ?” ซุนเจิ้งหรงถาม

 

“ครับ” อาหาวพูด “เมื่อมีหมอหวังอยู่ที่นั่น เขาก็จะปลอดภัย”

 

“ฉันก็คงจะต้องรบกวนเขาอีกแล้วสินะ” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

เขาตัดสินใจให้ลูกชายของเขาหลบภัยไปก่อน ในเมืองเต๋า ซุนเจิ้งหรงไม่เคยกลัวใครทั้งนั้น แต่ตอนนี้ เขากลับต้องให้คนในครอบครัวของเขาลี้ภัยไปที่อื่น หากเรื่องนี้กระจายออกไป เขาอาจจะถูกหัวเราะเยาะเอาได้ แต่เมื่อคิดถึงประสบการณ์ที่เลวร้ายในครั้งก่อนแล้ว หน้าตาหรือศักดิ์ศรีก็เทียบไม่ได้กับความปลอดภัยของคนในครอบครัว

 

 

ในตอนเช้า พระอาทิตย์ทอแสงจ้า อากาศยามเช้าในเดือนพฤษภาคมร้อนเล็กน้อย

 

หลายวันที่ผ่านมา มีคนมาหาหมอกันอย่างต่อเนื่อง ชื่อเสียงของหวังเย้าก็ค่อยๆแพร่กระจายออกไป แม้แต่คนจากเมืองอื่นก็ยังเดินทางมาเพื่อให้ได้รักษากับเขา

 

ปวดหัว, เจ็บขา, และเส้นเลือดอุดตัน เป็นสิ่งที่คนทั่วไปคิดว่าหวังเย้าทำได้ดีที่สุด คนไข้ส่วนใหญ่จึงมาเพื่อรักษาอาการเหล่านี้กัน

 

ในช่วงเวลานี้ หวังเย้าได้ข้อมูลใหม่ๆจากประสบการณ์ตรงมาจำนวนมาก และได้จดบันทึกทั้งหมดเอาไว้ในสมุดของเขา

 

ในตอนเช้า มีคนไข้สองรายเดินทางมาที่คลินิก ทั้งสองมาด้วยอาการปวดกระดูกต้นคอและขา อาการปวดของทั้งสองเกิดจากการทำงานและสะสมมาเป็นเวลาหลายปี

 

หวังเย้ารักษาพวกเขาด้วยการฝังเข็ม, การนวด, และจ่ายยาให้ไป ด้วยคนไข้จำนวนมากที่มาด้วยอาการคล้ายๆกัน หวังเย้าจึงได้ทำยาชุดเอาไว้โดยเฉพาะ ซึ่งตัวยามีหน้าที่ในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและบรรเทาอาการเจ็บปวด

 

“โอ้ หมอหวัง ความสามารถของหมอสมกับชื่อเสียงที่มีจริงๆ” คนไข้รายหนึ่งพูด

 

“คุณชมเกินไปแล้ว เดินทางปลอดภัยครับ” หวังเย้าพูด

 

การรักษาคนไข้ทั้งสองรายเห็นผลได้ในทันที

 

เช้านี้ มีอีกคนเข้ามาที่คลินิก

 

“คุณชายซุน” หวังเย้าพูด

 

“สวัสดีครับ เชียนเชิง” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“มีอะไรรึเปล่า?” หวังเย้าถาม

 

“เอ่อ ผมวางแผนจะอยู่ที่หมู่บ้านสักระยะหนึ่งน่ะครับ หวังว่าคงจะไม่รบกวนคุณเข้านะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ไม่เลย” หวังเย้าพูด

 

“เอ่อ คือ…” ซุนหยุนเชิงดูลังเล แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในนคืนนั้นกับหวังเย้า

 

คืนก่อนนั้น เขาได้เจอกับการข่มขู่ที่น่าตื่นตระหนก ชายฉกรรจ์หกคนถูกน๊อคจนหมดสติในทีเดียว และไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย พวกเขาเป็นทหารปลดประจำการชั้นยอด แต่กลับถูกล้มโดยศัตรูที่มองไม่เห็นแม้แต่เงา เขาได้เห็นมันมากับตาตัวเอง พ่อของเขาจึงบอกให้เขาลี้ภัยมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ไปก่อน

 

ถึงแม้ว่ามันจะปลอดภัยกว่า แต่มันก็เหมือนกับเขาชักจูงอันตรายเข้ามาในหมู่บ้านด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังเย้าไม่ต้องการจะเห็น

 

“ถ้าคุณไม่ยินดีให้ผมอยู่ ผมก็จะรีบไปทันทีเลยครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

ในเมื่อเขาได้พูดออกมาแล้ว หวังเย้าจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก “มาเถอะ คุณอยู่ที่นี่ได้”

 

“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะครับ หมอหวัง” ซุนหยุนเชิงพูด

 

การกลับมาของซุนหยุนเชิง ทำให้ชาวบ้านบางคนมีความคิดดีดีขึ้นมา การขายอพาร์ทเมนต์ในเมืองได้รับความสนใจอย่างน่าเหลือเชื่อ ตัวอพาร์ทเมนต์ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีอย่างมาก และยังสร้างขึ้นโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อีกด้วย ดังนั้น ในเรื่องของการควบคุมอุปกรณ์การก่อสร้างจึงค่อนข้างเข้มงวด และการออกแบบยังเป็นฝีมือของนักออกแบบชื่อดังของบริษัทด้วย

 

นี่เป็นเรื่องที่รับรู้กันไปทั่ว และทำให้อพาร์ทเมนต์แห่งนี้กลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ส่วนหนึ่งของอพาร์ทเมนต์ๆได้มีการแลกเปลี่ยนกับบ้านหลายหลังในหมู่บ้าน ดังนั้น มันจึงขายหมดไปอย่างรวดเร็ว

 

แต่เรื่องหนึ่งที่ชาวบ้านต่างก็รู้กันดี ยังเหลืออพาร์ทเมนต์อยู่ตึกหนึ่ง มันเป็นตึกที่มีไว้สำหรับหวังเย้าและญาติหรือเพื่อนๆของเขา

 

ชาวบ้านหลายคนจึงคิดกันว่า หากพวกเขาไปคุยกับหวังเย้าเพื่อขอซื้ออพาร์ทเมนต์ในราคาถูกและนำไปขายต่อ พวกเขาก็จะสามารถทำเงินได้มากกว่า 100,000 หยวน!

 

ในเขตเล็กๆที่ดำรงชีวิตด้วยการทำไร่ และค่าแรงที่ไม่เคยเพิ่มขึ้น ชาวบ้านจึงไม่สามารถทำเงินได้เกินกว่า 100,000 หยวนเลย การหาเงินได้ 40,000 หรือ 50,000 หยวนต่อปีก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

 

เมื่อคิดถึงกำไรที่จะได้ จึงทำให้ชาวบ้านหลายคนเริ่มคิดที่จะไปขอความช่วยเหลือจากหวังเย้า

 

ในตอนเย็น มีชาวบ้านบางคนมาที่บ้านของหวังเย้า

 

“ไม่เห็นต้องเอาของมาให้เลย” จางซิวหยิงพูด

 

คนคนนี้เป็นญาติห่างๆในหมู่บ้าน ในช่วงวันหยุด พวกเขามักจะทักทายกันเมื่อเจอหน้า แต่ก็แทบจะไม่ได้ไปมาหาสู่กันเลย เธอจึงรู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงได้มาที่บ้านของเธอ มันจะต้องมีจุดประสงค์บางอย่างอย่างแน่นอน

 

“เสี่ยวเย้าอยู่บ้านรึเปล่า?” เขาถาม

 

“อยู่สิ เขาอยู่ในบ้าน” จางซิวหยิงพูด

 

จางซิวหยิงร้องเรียกหวังเย้า

 

“พวกเขาจะมาให้เสี่ยวเย้ารักษาให้เหรอ?” หวังเฟิงฮวาถาม

 

“ไม่หรอก น่าจะเป็นเรื่องอื่นมากกว่า” จางซิวหยิงพูด

 

เมื่อหวังเย้าเดินออกมา ชายคนนั้นก็ยิ้มแย้มและพูดเข้าประเด็นในทันที

 

ฉันต้องการจะซื้อห้องเพิ่ม!

 

นี่เป็นจุดประสงค์หลักของการมาที่นี่ เขาพบว่า หวังเย้ากับซุนหยุนเชิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้น เขาจึงหวังว่า หวังเย้าจะช่วยให้เขาสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่ถูกลง

 

“ผมจะลองหาเวลาไปถามเขาดูให้นะครับ” หวังเย้าพูด

 

“โอ้ ได้ๆ ขอบคุณนะ เสี่ยงเย้า” เขาพูด

 

ในตอนที่เขายังอยู่ที่นั่น ก็มีชาวบ้านอีกคนมาที่บ้านของหวังเย้า และยังมาด้วยจุดประสงค์เดียวกัน แขกทุกคนถูกส่งออกไปจากบ้าน

 

ในเย็นวันนั้น มีแขกมาที่บ้านสามคน ซึ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันเลย

 

“พวกเขารีบร้อนจะซื้อบ้านกันหมด ไม่ใช่ว่าซื้อกันไปคนละห้องแล้วเหรอ?” จางซิวหยิงคิดหาสาเหตุในเรื่องนี้ไม่ออก แต่หวังเย้ารู้ถึงจุดประสงค์ของคนเหล่านี้ดี

 

“แม่ พวกเขาแค่อยากจะทำเงินจากการเอาไปขายต่อเท่านั้นแหละครับ” หวังเย้าพูด

 

“ทำเงิน? ยังไงเหรอ?” จางซิวหยิงถาม

 

“ก็จากค่าส่วนต่างยังไงละครับ” หวังเย้าพูด “ผมไปดูอพาร์ทเมนต์มาแล้ว มันตั้งอยู่ใกล้กับห้างและโรงเรียนหลายที่เลย ถ้าดูจากราคาตอนนี้ มันก็จะอยู่ที่ห้องตารางเมตรละ 4,500-4,600 หยวน ถ้าสามารถซื้อได้ถูกกว่านี้อีกซัก 400-500  หยวน แม่คิดว่า พวกเขาจะเอาห้อง 100 ตารางวาไปขายต่อได้เงินเท่าไหร่ล่ะครับ? ที่พวกเขามาหาผม ก็เพื่อจะให้ผมช่วยเรื่องลดราคาต่อตารางเมตรลงไป พวกเขาก็จะขายบ้านได้กำไรมากกว่า 100,000 หยวนเลยล่ะ!”

 

“หา คนพวกนี้มันเจ้าเล่ห์จริงๆ” จางซิวหยิงพูด “แล้วลูกจะช่วยพวกเขาไหม?”

 

“ผมคงจะชะลอเรื่องนี้ไปก่อน” หวังเย้าพูด “ยังไงเราก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่ว่าจะลดฝห้ได้สักเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้หรอกครับ”

 

มันมีคนมากกว่าสามคนที่มาเพื่อขอความช่วยเหลือจากหวังเย้า

 

วันต่อมา หวังเย้าไปหาซุนหยุนเชิงและบอกเรื่องทั้งหมดกับเขา

 

“ไม่มีปัญหาหรอกครับ เดิมทีเราก็ติดหนี้ชาวบ้านที่นี่อยู่แล้ว ถ้าพวกเขาอยากจะซื้อบ้านอีกห้อง ผมก็จะขายให้” ซุนหยุนเชิงยินดีให้ความช่วยเหลือ

 

“แต่พวกเขาจะเอาไปขายต่อเพื่อเอากำไรนะ” หวังเย้าพูด

 

“ผมเข้าใจเรื่องนี้ดีครับ” ซุนหยุนเชิงพูด “ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้าพวกเขาจะซื้อห้อง ผมก็จะลดให้โดยเทียบกับราคาตลาด ส่วนถ้าจะซื้อห้องที่สาม ผมก็จะขายในราคาตลาด ทุกคนจะได้ส่วนลดแค่หนึ่งห้องต่อคนเท่านั้น”

 

“อืม ผมเห็นด้วย” หวังเย้าพูด

 

“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมครับ?” ซุนหยุนเชิงถาม

 

“ไม่มีแล้ว ขอบคุณมากนะ” หวังเย้าพูด

 

“เกรงใจเกินไปแล้วครับ นี่เป็นเรื่องที่ผมควรทำอยู่แล้ว” ซุนหยุนเชิงรีบพูด “เชียนเชิง ตอนเที่ยงมีเวลาไหมครับ?”

 

“มีสิ” หวังเย้าพูด

 

“วันนี้เจิงชื่อฉงมาหาผม แล้วผมก็อยากจะเลี้ยงข้าวคุณด้วย” ซุนหยุนเชิงพูด “ขอบคุณมากนะครับ ผมไม่ได้มีโอกาสขอบคุณคุณเลย เที่ยงนี้ช่วยอยู่กินข้าวที่บ้านผมด้วยนะครับ?”

 

“ได้สิ” หวังเย้าพูด

 

ตอนเที่ยง หวังเย้าบอกกับที่บ้านว่าเขาจะไปที่บ้านตระกูลซุน

 

“ยินต้อนรับครับ หมอหวัง” ซุนหยุนเชิงพูด “เชิญนั่งก่อนครับ”

 

“คุณดูสบายดีนะ” หวังเย้ายิ้มและพูดกับเจิ้งเหว่ยจวินที่นั่งอยู่บนรถเข็น

 

“ครับ หลายวันมานี้ ร่างกายของผมแข็งแรงขึ้นมาก” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

มื้ออาหารมีรสชาติของทั้งทางเหนือและทางใต้ผสมผสานกัน ซึ่งก็คืออาหารฮวยหยางและลู่

 

หวังเย้าคิด พวกเขามีเชฟฝีมือดีจริงๆ!

 

“ชอบรสชาติอาหารไหมครับ?” ซุนหยุนเชิงถาม

 

“มันอร่อยมากครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาคิดว่า รสชาติอาหารยังดีกว่าเชฟในโรงแรมห้าดาวด้วยซ้ำ อาหารรสชาติยอดเยี่ยมมาก หวังเย้าไม่ได้ดื่มไวน์ แต่เลือกดื่มน้ำผลไม้แทน

 

 

ภายในบ้านในเมืองเต๋า

 

“ในเมืองเต๋ามันอันตรายมาก ฉันว่า นายน่าจะหนีไปก่อนที่จะโดนจับได้นะ” ชาวคนหนึ่งพูด

 

“พี่จะไม่ถูกโยงไปถึงหรอก” ชายในชุดคลุมสีดำและสวมฮูดเอาไว้พูด

 

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย” ชายคนแรกพูด

 

“ผมจะอยู่ที่นี่อีก 20 วัน” ชายสวมฮูดพูด “ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ผมก็จะไปทันที”