ตอนที่ 645

Elixir Supplier

645 ผิวทองแดง

 

“ถ้าอย่างนั้น นายก็ต้องระวังตัวหน่อยนะ” ชายคนแรกพูด “ตระกูลซุนมีอำนาจในเมืองเต๋ามากกว่าที่นายคิด แล้วเขาก็ยังเสนอค่าหัวของนายให้กับพวกใต้ดินถึง 50 ล้านหยวน มันมากพอที่จะทำให้คนเป็นบ้าได้เลยล่ะ!”

 

“โอเค ผมรู้แล้ว” ชายสวมฮูดพูด

 

เมื่อเดินออกไปจากห้องแล้ว ใบหน้าของชายคนแรกที่พูดก็กลายเป็นมืดมน “เขายังไม่รู้จักความตายดีพอ” เขากระซิบ

 

เขาจ่ายคืนในสิ่งที่เขาติดหนี้บุญคุณอยู่ แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้นก็คือ ความกลัว เขาเคยเห็นความสามารถของคนพวกนี้มาแล้ว พวกเขามีความสามารถในการใช้พิษที่ยอดเยี่ยม และเขาก็รู้ด้วยว่า ตัวเขาเองก็อาจจะถูกพิษด้วยเหมือนกัน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชายหนุ่มที่อยู่ในบ้านของเขา เขาก็อาจจะไม่รอดเหมือนกัน เขาจึงต้องให้ความร่วมมือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งๆที่เขาอยากจะให้ชายหนุ่มตายมากกว่าใคร

 

อีกฝั่งหนึ่งของประตู ชายสวมฮูดนั่งอยู่ที่ปลายเตียงและมองผ่านผ้าม่านออกไปยังถนนด้านนอก ร่างกายของเขาเริ่มกระตุกขึ้นมา มันดูเหมือนกับว่า เขากำลังได้รับความเจ็บปวดที่ไม่อาจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้

 

อึก!

 

เขากัดริมฝีปากและคำรามออกมาเบาๆ เขาจับโต๊ะไม้เอาไว้แน่น จนไม้แตกหักเป็นชิ้นๆ เขาขดตัวอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ความเจ็บปวดก็ค่อยๆลดลงไป ชายหนุ่มนอนกองอยู่ทีพื้น เขาขยับตัวสองสามครั้ง ก่อนที่จะค่อยๆปีนขึ้นไปบนเตียง

 

ติ๊ก!

 

เลือดไหลออกมาจากฮูดและหยดลงไปที่พื้นห้อง มันเป็นสีเลือดแดงเข้มผิดปกติ ราวกับเลือดและน้ำหมึกผสมรวมกันอยู่ เขาไอออกมาและใช้มือเลือดคราบเลือดที่ปากของเขาออก

 

เขาถอนหายใจออกมา “ฉันรอนานกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”

 

แม้ว่ามันจะดึกมากแล้ว แต่เมืองเต๋าก็ยังคงคึกคักเหมือนเช่นเคย ชายหนุ่มในชุดสีดำเดินเรียบไปตามถนน

 

หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็หยุดเดิน ตรงหน้าของเขาเป็นที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ราคาแพงที่สุดในเมืองเต๋า คนที่อาศัยอยู่ในนี้ล้วนเป็นผู้มีอำนาจ ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยจึงค่อนข้างเข้มงวด ผู้อยู่อาศัยจะได้รับการดูแลจากผู้รักษาความปลอดภัยระดับสูง การเข้าออกจำเป็นต้องใช้คีย์การ์ด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง

 

การเข้าไปในที่พักอาศัยแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แต่เพียงพริบตาเดียว ชายในชุดดำกลับไปโผล่อยู่ด้านใน และสามารถหลบเลี่ยงทีมตรวจตราและกล้องทุกตัวได้อย่างเฉียบขาด

 

บ้านแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นตามเนินเขา วิลล่าคือสิ่งที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดและหรูหราที่สุดในสถานที่แห่งนี้ ในที่สุด ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าไปยังวิลล่าหลังหนึ่ง ซึ่งประตูได้ล็อคเอาไว้

 

โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! สุนัขหลายตัวส่งเสียงเห่าขึ้นมาในเวลากลางคืน

 

ชายหนุ่มวนไปรอบๆวิลล่า

 

ในระหว่างนั้น ก็มีบอดี้การ์ดที่พบกับชายหนุ่มซึ่งเดินไปมาอยู่แถวนั้น

 

“มีคนอยู่ข้างนอกนั่น” บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ฉันจะออกไปดูหน่อย”

 

“รอเดี๋ยว อย่าไปคนเดียว” บอดี้การ์ดอีกคนพูด “ไปเป็นกลุ่มสามคนดีกว่า”

 

บอดี้การ์ดสามคนได้เดินออกไปด้านนอก และตรงไปยังจุดที่พวกเขาเห็นชายคนนั้นในกล้อง แต่กลับไม่พบอะไรเลย

 

“มีคนอยู่แถวนี้” บอดี้การ์ดพูด

 

บรรยากาศภายในวิลล่าเริ่มตึงเครียดขึ้น

 

“นายท่าน เขากำลังมาแล้วครับ” ลุงหลินพูด

 

“โอ้?” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“นายท่านจะไปเลยไหมครับ?” ลุงหลินถาม

 

“ไม่ต้องรีบ อาหลิน เขาไม่เข้ามาหรอก ครั้งนี้ เขาแค่มาทดสอบเราเท่านั้น” คำพูดของซุนเจิ้งหรงดูเชื่อมั่น

 

“แล้วถ้าเกิดเขาเข้ามาล่ะครับ?” ลุงหลินพูด

 

“ถ้าเขาเข้ามาก็ยิ่งดีน่ะสิ” ซุนเจิ้งหรงพูด “เราจะได้จัดการเรื่องนี้ให้จบๆไปซักที”

 

ด้านนอกวิลล่า ชาในชุดดำเจอเข้ากับสุนัขบูล็อกตัวหนึ่ง มันเดินตรงมา แต่ก็ไม่ได้เข้าไปหาเขา มันกลับล้มลงไปที่พื้นและเริ่มชักกระตุก

 

“ซุนเจิ้งหรง!” น้ำเสียงแหบแห้งดังออกมาจากฮูด ราวกับเสียงของปีศาจจากขุมนรก

 

“เขากำลังมาแล้ว” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

ลูกศรถูกยิงออกไป

 

ปืนเป็นสิ่งหวงห้ามในสถานที่แห่งนี้ แต่ไม่ใช่กับลูกศร อย่างน้อยการควบคุมก็ไม่เข้มงวดเท่ากับปืน ความจริง พลังของลูกศรก็ไม่ใช่น้อยเลย มันสามารถฆ่าคนตายได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากลูกปืน

 

เงาสายหนึ่งกระโดดหลบลูกศรอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาเร็วอย่างเหลือเชื่อ และยังรวดเร็วยิ่งกว่าลิงด้วยซ้ำ การเคลื่อนไหวของเขานั้นว่องไวจนแทบมองไม่เห็น

 

ปึก!

 

ลูกศรยิงถูกตัวเขา แต่เสียงที่ดังออกมาคล้ายกับเสียงของลูกศรที่ยิงเข้าใส่ไม้แข็งๆชนิดหนึ่ง แล้วมันก็กระเด้งตกไปที่พื้นในทันที

 

“มันไร้ประโยชน์!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งพูด “เชี่ยเอ้ย!”

 

ชายคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับของสองอย่าง ซึ่งก็คือปืนและที่เก็บเสียง

 

ฟุบ! ประกายไฟสว่างวาบขึ้นที่ปลายกระบอกปืน

 

ภายใต้แสงสว่างวาบ ความเร็วของผู้บุกรุกเพิ่มสูงขึ้น แต่เขาเพียงคนเดียวไม่สามารถต่อกรกับลูกปืนจำนวนมากได้ เขาจึงถูกยิงเข้าไปหลายนัด แต่เขากลับดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกยิงเลยสักนิด และการเคลื่อนไหวยังคงรวดเร็วไม่ลดลงเลย

 

ลูกปืนก็ไม่ได้ผลเหรอ? ในเวลานี้ ทุกคนต่างรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย ชายชุดดำจึงใช้โอกาสนี้พุ่งตัวเข้าหาฝูงชน

 

“เปิดออก!” น้ำเสียงสงบและทรงพลังดังขึ้น

 

ซูม! ประกายแสงจากดาบสองเล่มส่องวาบขึ้นกลางความมืด อาหาวจับดาบตั้งขึ้น ในขณะที่ดาบอีกเล่มพุ่งเข้าสู่หัวใจของผู้บุกรุก แต่ตัวดาบกลับถูกบางอย่างหยุดเอาไว้ได้ แม้แต่ผิวหนังของเขาก็ยังแทงไม่เข้า

 

“เกราะอ่อนเหรอ?” อาหาวรีบถอยกลับ

 

แค่ก! ชายคนนั้นไอออกมาสองครั้งและพูดออกมาว่า “รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”

 

“แกหมายความว่ายังไง?” อาหาวถาม

 

“ไม่รู้สึกเหรอ ว่าร่างกายของนายเริ่มอ่อนกำลังลงน่ะ?” ชายชุดดำพูดขึ้นมา

 

“เชี่ยเอ้ย! อาหาวส่ายหัว เขากระพริบตาถี่ๆ และรู้สึกราวกับมีภูตผีอยู่ตรงหน้าเขา “ไม่ ฉันถูกพิษ!”

 

“อาหาว!” ลุงหลินตะโกน

 

“ลุงหลินอย่างเข้ามา ผมถูกพิษ” อาหาวพูด เขาอ่อนกำลังลง แม้แต่ดาบในมือก็ยังจับไหวไม่ไหว “ฉันคิดว่าระวังตัวดีแล้ว แต่ก็ยังถูกพิษเข้าอยู่ดี!”

 

เมื่อได้รู้ความสามารถของศัตรูแล้ว เขาก็ระวังการถูกสัมผัสเอาไว้เป็นอย่างดี แต่ถึงพวกเขาจะไม่โดนตัวกัน เขาก็ยังคงถูกพิษอยู่ดี

 

“ฉันดูถูกเขาเกินไปสินะ” อาหาวพูด

 

เคร้ง คร้าง! ดาบหล่นลงไปที่พื้น

 

“นายท่านรีบไปก่อนเถอะครับ ผมจะขวางเขาเอาไว้” อาหาวพูด

 

ปี๊บ! อยู่ๆก็มีเสียงไซเรนดังขึ้น

 

วูซ! แทนที่จะถอยกลับ แต่ชายชุดดำกลับพุ่งไปข้างหน้าแทน

 

โพล๊ะ! มีเศษผงกระจายไปทั่วทั้งใบหน้าของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมาทันที ราวกับว่า มีเปลวไฟลุกขึ้นในดวงตาของเขา “ปูนขาวเหรอ?”

 

ซูม! แสงวาบของตัวดาบพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา แต่มันกลับถูกหยุดเอาไว้ด้วยบางสิ่งที่แข็งกระด้าง

 

“มันคืออะไรกันน่ะ?” อาหาวสงสัย

 

หวือ! แมลงบินว่อนไปทั่ว พวกมันดูราวกับมังกรไฟ

 

“ไป!” อยู่ๆก็มีอีกคนโผล่ออกมา เขาสวมเสื้อโค้ทตัวยาวและใช้คอเสื้อปิดบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ชายในชุดดำที่ดวงตาไม่สามารถมองเห็นได้ชั่วคราวจาผลของปูนขาว ก็ถูกชายอีกคนพาตัวออกไป เขากระโดดหนีเข้าไปในความมืดและหายไปด้วยความเร็วที่ตามไม่ทัน

 

“ยังมีอยู่อีกคน!” อาหาวตะโกน

 

เอี๊ยด! รถตำรวจเข้ามาจอดที่หน้าวิลล่า

 

“อาหลินไปหาตำรวจเถอะ” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“ครับ” ลุงหลินพูด

 

“อาจารย์กู่ ผมคงต้องฝากให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์แล้วล่ะครับ” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“อืม” ชาหัวล้านวัย 40 ยืนอยู่ข้างๆซุนเจิ้งหรง เขามีรูปร่างสันทัด, ดวงตาอ่อนโยน, และมีโหงวเฮ้งดี เขามองไปที่อาหาว ซึ่งล้มตัวนอนอยู่ที่พื้น “พิษจากเขตเมี่ยว!”

 

“อาจารย์แก้ได้ไหมครับ?” ซุนเจิ้งหรงถาม

 

“ความสามารถของฉันแย่กว่าหวูซานเล็กน้อย แต่พิษแค่นี้ไม่คณามือฉันหรอก” อาจารย์กู่พูด

 

สุดท้าย ตำรวจก็ไม่ได้เข้าด้านใน คนที่นอนอยู่บริเวณลานบ้านก็ถูกพาตัวเข้าไปไวในห้องๆหนึ่ง อาหาวถูกช่วยเอาไว้ได้ แต่เขาก็เหลือแรงไม่มาก

 

“อาจารย์ ทำไมลูกปืนกับศรถึงทำอะไรเขาไม่ได้เลยล่ะครับ?” ซุนเจิ้งหรงถาม เมื่อดูจากกล้องวงจรปิดแล้ว พวกเขาก็พบว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกปืนหรือลูกศร ก็ไม่สามารถทำลายเกราะป้องกันของชายชุดดำได้เลย “มันเป็นเพราะเกราะอ่อนเหรอครับ?”

 

“ไม่ใช่ แต่มันเป็นผิวหนังของเขาเอง” อาจารย์กู่พูด

 

“ผิวหนัง?” ซุนเจิ้งหรงตกตะลึง

 

“ใช่ มันมีวิธีลับในการแช่ร่างกายลงไปในยาที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ซึ่งมันจะทำให้ผิวหนังของคนคนนั้นแข็งแกร่งและคงกระพัน” อาจารย์กู่พูด “วิธีการนี้ให้ผลที่วิเศษมากก็จริง แต่คนคนนั้นก็ต้องอดทนกับความเจ็บปวดอย่างที่คนเราจินตนาการไม่ถึงเลยล่ะ จากครั้งก่อนที่เธอได้เล่ามา เขาดูเหมือนจะร้อนใจอยู่บ้างแล้ว มันจะต้องมีอันตรายที่ซ่อนอยู่แน่ๆ”

 

เมื่อตัวยาซึมเข้าสู่ร่างกาย มันก็จะเริ่มเข้าไปผ่านทางผิวหนัง ต่อไปก็จะเป็นกระดูกสันหลังและอวัยวะภายใน ชายคนนี้เสริมความแข็งแกร่งแค่ผิวหนังของเขา เมื่อกระสุนถูกตัวเขา แม้มันจะป้องกันเอาไว้ได้ แต่อวัยวะภายในและกระดูกของเขาก็ยังได้รับความเสียหายอยู่ดี

 

“อาหลิน นายไปเถอะ” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“ครับ” ลุงหลินพูด

 

ภายในวิลล่าที่ถูกทิ้งร้างในเมืองเต๋า มีแสงสว่างส่องลอดออกมาและชายสองคนในเงามืด หนึ่งคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น อีกหนึ่งกำลังกดจุดที่แผ่นหลังของเขาด้วยวิธีการพิเศษ

 

แค่ก! แค่ก! อั้ก!

 

เลือดจำนวนมากกระอักออกมาจากริมฝีปากของเขา