ตอนที่ 646

Elixir Supplier

646 ภูเขากำลังเติบโต

 

ฟู่ว! เสียงเลือดที่หยดลงมาคล้ายกับเสียงของเปลวเพลิงที่ลุกพรึ่บ ทั้งยังมีกลิ่นเหม็นเน่าราวกับปลาเน่าในหน้าร้อน

 

“ขอบคุณนะ พี่” ชายชุดดำพูด

 

“ต้องขอบคุณที่ฉันไปทันเวลา ถ้าไม่อย่างนั้น นายก็ได้ตายไปแล้วแน่ๆ” ชายในเสื้อโค้ทตัวยาวพูด “นายพึ่งจะฝึกไปได้ไม่นาน ตัวยาเข้าไปได้แค่ผิวหนังกับกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่นายยังฝึกไม่ถึงส่วนของอวัยวะภายในกับกระดูกเลย ให้ฉันช่วยนายแล้วกันนะ”

 

ชายชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บถอดเสื้อของเขาออก เผยให้เห็นร่างกายช่วงบนของเขา เมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ ก็จะเห็นผิวหนังของเขาที่กลายเป็นสีน้ำเงินดำอยู่จางๆ ยังมีรอยแผลบางแห่งที่ดูราวกับโดนน้ำร้อนลวก บริเวณหน้าอกและหน้าท้องมีบาดแผลที่มีเลือดกำลังไหลออกมาอย่างช้าๆ

 

ชายในเสื้อโค้ทตัวยาวหยิบกระปุกยาเล็กๆออกมาและเปิดมันออก มันมีขี้ผึ้งสีเขียวเข้มอยู่ภายในนั้น เขาควักมันออกมาเล็กน้อยและทาลงไปที่บาดแผลของชายอีกคน

 

เลือดที่กำลังไหลอยู่ได้หยุดลงทันทีที่ตัวยาถูกทาลงไป

 

“รอยดาบนี่เป็นพลังทั้งหมดที่ตาแก่นั้นใส่เข้ามา” ชายในเสื้อโค้ทตัวยาวพูด “การต่อสู้ของเขาไม่ได้อ่อนด้อยเลย อวัยวะภายในของนายได้รับความเสียหาย นายต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ถ้าไม่อย่างนั้น มันจะกลายเป็นโรคเรื้อรังได้

 

“พี่ ผมอยากจะลองอีกสักครั้ง” ชายชุดดำพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง

 

“นายกระตือรือร้นที่จะฝึกยุทธทางยาให้สำเร็จเร็วๆก็จริง แต่พื้นฐานของนายมันยังไม่มั่นคงพอ” ชายในชุกโค้ทตัวยาวพูด “ตอนนี้ พิษได้เข้าไปในร่างกายของนายแล้ว ด้วยยาลับของอาจารย์ตัวนี้ ปัญหาทุกอย่างก็จะหมดไป แต่ผลของมันก็อยู่ได้ไม่นาน ดังนั้น นายต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด รอให้นายหายดีก่อนแล้วค่อยแก้แค้นก้ยังไม่สายหรอกนะ”

 

“พี่ ผมรอไม่ได้แล้ว” ชายชุดดำพูด

 

“ก็ได้ งั้นฉันจะไปกับนายเอง” ชายในโค้ทตัวยาวพูดออกมา หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นกินยานี่ซะ นายมีเวลาแค่เจ็ดวันเท่านั้น ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ นายก็ต้องกลับไปกับฉัน”

 

“ครับ” ชายชุดดำพูด

 

เปรี๊ยะ! เปลวไฟลุกไหม้ ถ่านค่อยๆกลายเป็นขี้เถ้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ภายในวิลล่าที่ถูกทิ้งร้างก็ไร้วี่แววของมนุษย์

 

 

ภายในวิลล่าแห่งหนึ่งในเมืองเต๋า

 

“นายท่าน อาหาวเป็นยังไงบ้างครับ?” ลุงหลินถาม

 

“เขาพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“ผู้ชายอีกคนที่ตามมาทีหลังเป็นใครกันเหรอครับ?” ลุงหลินถาม

 

การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นรวดเร็วมาก และยังเห็นได้ชัดว่าเขาแทบจะไม่ต้องพยายามอะไรเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทักษะของเขานั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก

 

“ฉันกลัวว่า เขาจะมาจากโรงเรียนลับของเขตเมี่ยวน่ะสิ” อาจารย์กู่พูด

 

“โรงเรียนลับ? หมายความว่ายังไงเหรอครับ?” ลุงหลินถาม

 

“ฉันเห็นบางอย่างห้อยอยู่ที่เอวของเขา” อาจารย์กู่พูด “มันดูเหมือนกับสัญลักษณ์ของ ‘หุบเขาพันโอสถ’ ในเขตเมี่ยวน่ะสิ”

 

“หุบเขาพันโอสถ?” ซุนเจิ้งหรงถาม

 

พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย

 

“โอ้ พวกคุณจะไม่รู้ก็ไม่แปลกออะไรหรอกนะ” อาจารย์กู่พูด “ฉันก็แค่เคยไปได้ยินเรื่องที่มีโรงเรียนนี้อยู่ในเขตเมี่ยวจากคนอื่นเหมือนกัน คุณก็รู้จักอยู่คนหนึ่งนี่ ราชายาหวูซาน ยังไงล่ะ”

 

“ครับ เรารู้จักเขา เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก” ซุนเจิ้งหรงพูด “เขาก็มาจากหุบเขาพันโอสถเหมือนกันเหรอครับ?”

 

หากเป็นแบบนั้นจริง มันก็คงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว

 

ราชายาที่อยู่ในเขตเมี่ยวมีชื่อเสียงอย่างมาก และการรักษาของเขาก็ได้ผลจนได้รับการโจษจันออกไปทั่ว การไปมีเรื่องกับเขา ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยสักนิด

 

“เขาอาจจะเคยอยู่ที่นั่นมาสักพัก ดังนั้น เขาก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของหุบเขาพันโอสถอยู่ครึ่งหนึ่งน่ะ” อาจารย์กู่พูด

 

“ยอดไปเลยนะครับ” ลุงหลินพูด

 

“อืม แต่คนภายนอกแทบไม่รู้เรื่องนี้กันหรอก” อาจารย์กู่พูด “ถ้าจะบอกว่าเป็นโรงเรียน จริงๆเรียกว่าหมู่บ้านก็น่าจะถูกต้องกว่า แล้วกฎของที่นั่นก็เข้มงวดมาก พวกเขาไม่ชอบการติดต่อกับโลกภายนอกเท่าไหร่ด้วย”

 

“พวกเขาใช้พิษเหรอครับ?” ซุนเจิ้งหรงถาม

 

“ถูกต้อง” อาจารย์กู่พูด

 

เฮือก! ซุนเจิ้งหรงสูดหายใจเข้าลึก เขาไม่คิดเลยว่า ชายที่โผล่มาทีหลังจะมีความสัมพันธ์กับโรงเรียนลับของเขตเมี่ยว และมันก็ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาทีเดียว คนอันตรายหนึ่งคนนั้นต่างออกไป มันเทียบไม่ได้กับคนอันตรายที่มีเบื้องหลังที่น่าหวาดกลัว

 

“ขอบคุณมากนะครับ อาจารย์” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“คุณเกรงใจเกินไปแล้ว” อาจารย์กู่พูด “ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ถึงคนในโรงเรียนลับจะไม่ค่อยเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องภายนอก แต่พวกเขาก็จัดการได้ยาก เพราะแต่ละคนเป็นพวกอารมณ์แปรปรวนกันทั้งนั้น”

 

หลังจากอาจารย์กู่ขอตัวไปพักผ่อนแล้ว ซุนเจิ้งหรงก็เรียกลุงหลินให้ไปคุยกันที่ห้องทำงาน

 

“นายท่าน นี่มันยุ่งยากมากเลยนะครับ” ลุงหลินพูด

 

“จ้าวหยิงหาวจะต้องตาย” ซุนเจิ้งหรงพูดออกมาอย่างแน่วแน่ “ก็อย่างที่อาจารย์กู่บอกเอาไว้ เราต้องเตรียมที่จะเป็นศัตรูกับคนพวกนั้น ไปสืบเรื่องของที่นั่นมา แล้วก็ระวังให้มากล่ะ”

 

“ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ” ลุงหลินพูด

 

“เฮ้อ น่าเสียดายที่อาจารย์กู่ไม่รู้เรื่องการต่อสู่เลยสักอย่าง” ซุนเจิ้งหรงพูด

 

“ใช่ครับ คนที่มาเมื่อคืนที่ทักษะการต่อสู้สูงมาก” ลุงหลินพูด “แล้วเขาก็ยังใช้พิษได้ชำนาญมากอีกด้วย นี่มันกลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากมากเลยนะครับ”

 

 

ภายในหมู่แก็งค์นักเลงในเมืองเต๋า เรื่องที่ซุนเจิ้งหรงเสนอเงินค่าหัว 50 ล้านหยวนนั้นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆสำหรับพวกเขาเลย และที่มากไปกว่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาคนหรือหาข้อมูลมาได้ แต่ตราบใดที่พวกเขาสามารถจับคนที่ถูกตั้งค่าหัวได้ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลทันที ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นหรือตาย

 

“พี่ ฉันได้ยินมาว่า ตระกูลซุนเพิ่มรางวัลขึ้นด้วยล่ะ” ชายคนหนึ่งพูด

 

“ไม่ว่าพวกเขาจะขึ้นเงินรางวัลหรือไม่ขึ้น เราก็ต้องลองดูกันสักตั้ง” ชายอีกคนพูด “ข่าวของแกเชื่อได้แน่นะ?”

 

“เชื่อได้แน่นอน” ชายคนแรกพูด

 

“งั้นถ้าเจอมัน เราก็ต้องรีบลงมือทันที” ชายคนที่สองพูด “ไม่ว่ามันจะเป็นหรือตายก็ได้หมด”

 

 

ที่จอดรถใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองเต๋า

 

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมคนพวกนี้ถึงตามหาเรากัน?” มีชายสองคน คนหนึ่งใส่ฮูด ส่วนอีกคนใส่โค้ทตัวยาว ทั้งสองมองไปที่คนสามคนที่นอนกองอยู่กับพื้น มันเป็นครั้งที่สามแล้วในเช้านี้ พวกเขาเข้ามาโจมตีคนทั้งสองราวกับฝูงหนอนที่พุ่งตัวเข้าหาซากศพ

 

“ซุนเจิ้งหรงเสนอเงินค่าหัวของผมกับพวกคนใต้ดินไป 50 ล้านหยวน ไม่ว่าผมจะเป็นหรือตายก็ได้” จ้าวหยิงหาวพูด

 

“ว้าว น้องชาย นายนี่ค่าตัวแพงจังเลยนะ” ชายในโค้ทตัวยาวพูด “นี่ ฉันมีความคิดดีดีแล้ว!”

 

“ความคิดอะไรเหรอ? อย่าบอกนะ ว่าพี่จะมัดผม แล้วส่งไปให้เขาน่ะ?” จ้าวหยิงหาวถาม

 

“ก็ใช่น่ะสิ ลองคิดดูดีดีนะ ศัตรูของนายคือคนที่รวยที่สุดในเมืองเต๋า แล้วเขาก็ต้องได้รับการคุ้มกันที่แน่นหนามากอยู่แล้ว” ชายในโค้ทยาวพูด “เมื่อคืนนายก็เห็นไม่ใช่เหรอ ว่าการจะเข้าถึงตัวเขามันยากขนาดไหน ในเมื่อเขาเสนอรางวัลให้กับพวกใต้ดินมาแล้ว ทำไมเราไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ก่อนพวกนั้นซะเลยล่ะ”

 

“อืม มันก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะ” จ้าวหยิงหาวพูด

 

ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีคลื่นมนุษย์มุ่งหน้ามาหาพวกเขาอีกระลอกหนึ่ง “ไป!”

 

ด้วยการจับตามองของเทคโนโลยีสมัยใหม่ มันจึงทำให้พวกเขาถกพบตัวได้อย่างรวดเร็ว และทุกคนต่างก็กำลังค้นหาตัวพวกเขาอยู่

 

“แผนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ” ชายในชุดโค้ทพูด “เราไปที่บ้านเขาคืนนี้กันเถอะ”

 

“การรักษาความปลอดภัยจะต้องแน่นหนามากแน่ๆ แล้วพวกเขาก็ต้องกำลังรอพวกเราไปหาอยู่ด้วย” จ้าวหยิงหาวพูด

 

“แล้วนายจะยอมให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเหรอ?” ชายในชุดโค้ทถาม “ลองไปดูให้มันรู้กันไปเลย แล้วฉันก็จะเอาของฝากสุดพิเศษไปให้เขาด้วย”

 

 

บนเนินเขาหนานชาน ที่ถูกรายล้อมด้วยเมฆหมอกและสามารถมองเห็นสีเขียวของต้นไม้ได้รางๆ ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนเขาพร้อมด้วยสุนัขอีกหนึ่งตัว

 

“ซานเซียน ภูเขาลูกนี้สูงขึ้นจริงๆด้วย” หวังเย้าคุยกับสุนัขที่อยู่ข้างเขา

 

เขาพบความสูงที่ต่างออกไป จากจุกเชื่อมต่อระหว่างเนินเขาหนานชานและตงชาน ซึ่งเกิดจากการที่พื้นดินยกตัวสูงขึ้น ในช่วงเวลานี้ เขารู้สึกได้ว่า ยอดเขาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขามีการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น เขาจึงคิดว่า มันอาจจะกำลังเติบโตและเป็นไปในระดับที่รวดเร็วมากด้วย

 

“มันจะเกี่ยวข้องกับค่ายกลรวมวิญญาณรึเปล่านะ?” หวังเย้าพูดออกมาด้วยความสงสัย

 

ในตอนเช้า มีคนไข้เจ็ดรายที่มาคลินิกพร้อมกับคนในครอบครัวของพวกเขา ครั้งนี้ พวกเขาดูเหมือนจะวุ่นวายเล็กน้อย หนึ่งในนั้นอาการค่อนข้างหนัก ซึ่งมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ลูกชายของเขาเป็นชายร่างสูงและแข็งแรง เขาต้องการแทรกคิวของคนอื่น ซึ่งมันทำให้หลายๆคนที่มารออยู่ก่อนรู้สึกไม่พอใจ และเป็นผลให้พวกเขามีปากเสียงกัน แล้วจากนั้นก็ค่อยๆลุกลามบานปลายกันไปใหญ่

 

“หยุด!” หวังเย้าตะโกน ลูกชายของคนไข้ที่กำลังมีปัญหากับคนอื่นอยู่ก็หยุดชะงักไปในทันที เพราะที่เขามาที่นี่ก็เพื่อพาพ่อของเขามารักษา

 

“ต่อแถว ถ้าไม่อย่างนั้นก็กลับไปซะ” หวังเย้าพูดด้วยท่าทีขึงขัง

 

“หมอ พ่อของผมปวดหัวมากเลยนะ” ลูกชายของคนไข้พูด “หมอช่วยตรวจให้เขาเป็นคนแรกได้ไหม? คนนั้นดูไม่เห็นจะป่วยหนักอะไรเลยสักนิด”

 

“คุณหรือผมที่เป็นหมอกันแน่ครับ?” หวังเย้าถาม “รอคิวไม่กี่นาที อาการป่วยของพ่อคุณก็คงจะไม่แย่ไปกว่านี้หรอกครับ”

 

“นี่…” ลูกชายของคนไข้สูดลมหายใจเข้าลึกและระงับความโกรธเอาไว้ จากนั้น เขาก็เดินไปนั่งรอที่เก้าอี้

 

พ่อของเขาอายุมากแล้ว และยังมีอาการปวดหัวรุนแรง เขาขมวดคิ้วจนแทบจะชนกันอยู่แล้ว

 

“พ่อ ทนต่ออีกสักหน่อยนะ” ลูกชายของคนไข้พูด

 

“หมอตรวจเขาก่อนเถอะนะคะ ฉันรอได้” หญิงวัยกลางคนพูด

 

“ขอบคุณครับ” ลูกชายคนไข้พูด

 

อาการปวดศีรษะของคนไข้เกิดจากความชื่นและความร้อนที่อยู่ภายใน หวังเย้าหยุดอาการปวดศีรษะได้ด้วยการฝังเข็มเพียงครั้งเดียว เขาได้จ่ายยาสองตัวที่มีส่วนช่วยในการขับพิษร้อนและขจัดความชื่นให้ออกไปจากร่างกาย

 

“กลับไปพักผ่อนที่บ้านนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“โอ้ ได้ๆ ขอบคุณหมอมากนะ” ชายชราพูด

 

“ผมขอโทษ!” ลูกชายของคนไข้เจอกับคนที่เขามีเรื่องด้วยตรงประตูทางออก และเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษออกไปก่อน

 

“ช่างมันเถอะ” ชายคนนั้นโบกมือและไม่ได้พูดอะไรอีก

 

หลังจากที่ตรวจคนไข้ช่วงเช้าจนเสร็จแล้ว หวังเย้าก็นั่งคิดอยู่ภายในคลินิกเพียงลำพัง